xs
xsm
sm
md
lg

แฉเอกสารลับไทเกอร์ ‘เทือก-ป๊อด-จุมพล’ เอี่ยว กองปราบละเว้นไม่เรียกสอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - แฉเอกสารลับมัด “เทพเทือก-ป๊อด-จุมพล” เอี่ยวทุจริต “ไทเกอร์” สั่งจ่ายเงินงวดสุดท้ายกว่า 429 ล้านบาท แต่กองปราบกลับไม่เรียกสอบ วิจารณ์แซดเป็นเกมทำลายล้าง หวังผลเก้าอี้ ผบ.ตร.
 

ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รรท.รอง ผบ.ก. นำกำลังตำรวจกองปราบปรามบุกค้น 4 จุด ในคดีความผิดฐานฉ้อโกงจากโครงการการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจไทเกอร์จำนวน 19,147 คัน มูลค่ากว่า 1,144 ล้านบาทนั้น ล่าสุดพบเอกสารสำคัญมัดตัวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และนักการเมืองว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินงวสุดท้ายให้แก่บริษัท คาร์แทรคกิ้ง แต่ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์กลับไม่เรียกบุคคลเหล่านั้นมาให้ปากคำ

โดยบันทึกข้อความของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 009.22/493 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2552เรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์จำนวน 19,147 คัน แก่บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด มีเนื้อหาอ้างถึงความเห็นผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดว่า กรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายการฉ้อโกง จึงขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายเงินให้บริษทตั้งแต่งวดที่ 23-38 ซึ่งได้มีการส่งมอบรถแล้วแต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงิน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 429,361,010 บาท โดยอ้างว่าหากไม่ดำเนินการทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจถูกบริษัทฯ เรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7.5

นอกจากนี้ ในเอกสารดังกล่าวยังอ้างถึงบันทึกของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ลงวันที่ 5 มีนาคม 2552 ขอให้ ผบ.ตร.(พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัทเอกชนรายดังกล่าวด้วย โดยผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้คือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.(บร.2) และ พล.ต.อ.พัชวาท ผบ.ตร.ในขณะนั้น ลงนามเห็นชอบ จากนั้นในวันที่ 19 มีนาคม 2552 พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ได้อนุมัติให้จ่ายเงินค่ารถจักรยานยนต์ งวดที่ 23-28 รวม 16 งวดคิดเป็นเงิน 429,361,010 บาท

เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.จุมพล เป็นผู้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ไปตรวจค้น 4 จุดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2552 ที่ผานมา โดยไม่ผ่าน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์

“ตอนนี้ใน สตช.วิจารณ์กันมากว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นเกมทำลายล้างเพื่อโค่นเก้าอี้ของ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ผบ.ตร. เพราะหากบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรเรียกตัวบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ แต่กรณีนี้กลับจงใจที่จะไม่ระบุถึงการเบิกจ่ายเงินงวดสุท้ายที่ พล.ต.อ.จุมพล พล.ต.อ.พัชรวาท และ นายสุเทพ เกี่ยวข้อง อีกทั้งในเอกสารที่ขอให้มีการเบิกจ่ายเงินก็ระบุชัดว่า บริษัทนี้ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง แล้วทำไม พล.ต.อ.จุมพล ยังออกคำสั่งให้ดำเนินการอีก มีเจตนาซ่อนเร้นเกี่ยวกับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่หรือไม่ เพราะจงใจที่จะเรียกสอบเฉพาะคนที่มีความใกล้ชิดกับ พล..อ.ปทีป ทั้งๆ ที่ พล.ต.อ.จุมพลก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย” แหล่งข่าวจาก สตช.ระบุ

แหล่งข่าวจากดีเอสไอระบุว่า หลังจากที่คดีนี้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งทำให้เกิดคำถามว่ากองปราบมีอำนาจที่จะดำเนินการหรือไม่ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีเก่าที่เริ่มมาจาก พล.ต.ต.วารินทร์ แก้วชมพู ผบก.ต.ได้แจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบฯ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2551 และแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 14 ก.พ.2552 จากนั้นในวันที่ 19 ก.พ.2552 พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผู้บังคับการกองปราบฯ ปฏิบัติราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม ได้ส่งสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินการโดยหลังจากดีเอสไอสอบสวนแล้วมีการสรุปสำนวนส่งต่อให้ ป.ป.ช.ไปพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงอยู่ในอำนาจการไต่สวนของ ป.ป.ช. เมื่อ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ มาดำเนินการเรื่องนี้อีก จึงเกิดคำถามว่า กองปราบยังมีอำนาจหน้าที่จะดำเนินการหรือไม่ ซึ่งล่าสุด พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.ที่ปรึกษา สบ 10 ที่ข้ามาควบคุมคดีนี้ ได้ประสานสอบถามข้อมูลไปยังดีเอสไอว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ซึ่งทางดีเอสไอได้ประสานเป็นการภายในมาแล้วว่าจะไม่รับเรื่องไปพิจารณอีก เนื่องจากเป็นคดีเดิมที่ ดีเอสไอเคยสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น