"ระเบียงข่าว"
การเมืองไทยคงไม่นิ่งดังที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หวังไว้ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุนใหญ่เคลื่อนไหวป่วนเมืองอีกครั้งในวันที่ 10 ธ.ค. แม้จะยังอยู่ในช่วงแห่งการเฉลิมฉลอง ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตาม
การนัดชุมนุมป่วนเมืองครั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลจะยังประกาศไม่ใช้กฎหมายพิเศษควบคุมสถานการณ์เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แต่จะใช้กฎหมายตามปกติที่มีอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำหน้าที่เป็นกองหน้า ทหารเป็นกองหนุน ดูแลความสงบเรียยบร้อย
ถือเป็นการแก้เกมรับมือแก๊งเสื้อแดง ที่พยายามเล่นสงครามประสาท ทำลายสมาธิการบริหารประเทศในมุกเดิมๆ
แม้รัฐบาลไม่ประกาศใช้กฎหมายพิเศษ แต่หลายฝ่ายยังเชื่อว่า รัฐบาลไม่ประมาท เพราะรัฐบาลรู้ดีว่าคนเสื้อแดงกลุ่มนี้ได้ถูก นช.ทักษิณ ชินวัตร ฝังชิปไว้ที่กบาลเรียบร้อยแล้ว สามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้ตามความสะใจ แม้ว่าตัวเองจะร่อนเร่อยู่ต่างแดน
นั่นถือเป็นศึกนอก ที่วันนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลพอจะรับมือ ประคองเสถียรภาพรัฐบาลไว้ได้ หากตั้งมั่นไม่อยู่ในความประมาท
อีกด้านที่สร้างความว้าวุ่นใจให้แก่นายกรัฐมนตรี ไม่แพ้ศึกนอกก็คือศึกภายใน โโยเฉพาะภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำรัฐบาลเอง ที่พยายามขย่มเขย่าด้วยการเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี
แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะยืนยันเหตุผลไม่เหมาะสมในเวลานี้ เพราะการเมืองยังไม่นิ่ง แต่ลูกพรรคหาฟังไม่ ยังคงเคลื่อนไหวผลักดันให้ปรับครม. ตามคำมั่นสัญญาครบ 1 ปี ของการบริหารประเทศ
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา แม้จะยังคงพอใจอยู่กับการคุมกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แต่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กลับเกิดอาการเบื่อตำแหน่งรองนายกฯ บอกจะขอพักแล้วให้ "ลูกยอด" ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขึ้นเป็นรัฐมนตรีแทน ขอแค่รัฐมนตรีช่วยก็ได้
จึงกลายเป็นแรงกดดันอีกด้าน ที่เดิมนายกรัฐมนตรี คิดจะปรับแค่ตำแหน่งของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งเดียว เห็นทีจะเป็นไปได้ยากเสียแล้ว เมื่อเจอสัญญาณ ทั้งจากภายในพรรคและจาก เสธ.หนั่น
หลังงานเฉลิมฉลองถวายพระพรชัยมลคง 5 ธันวามหาราช เสร็จสิ้น นอกจากศึกนอก ยังมีศึกในที่รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะผู้จัดการรัฐบาล จะต้องทำหน้าที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน เคลียร์ปัญหาการปรับครม.ให้ลงตัวให้ได้
ไม่เช่นนั้น การเมืองคงไม่นิ่งอย่างที่นายกฯปรารถนา ในทางกลับกันอาจเป็นชนวนความแตกแยก ทั้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเข้าทางฝ่ายค้านที่จะเดินเกมทั้งนอกสภา ในสภา จนนายกรัฐมนตรีไม่สามารถประคับประคองรัฐนาวาต่อไปได้ในที่สุด