xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จี้ยึดเก้าอี้รมต.ภท.ชี้มีส.ส.แค่30ได้ถึง7ตำแหน่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ได้พูดกับตนถึงการลาออกจากการเป็นรองนายกรัฐมนตรีมานานแล้ว ส่วนจะหารือถึงการปรับ ครม.กับพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่นั้น คิดว่าช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้คงยังไม่คุยกันในเรื่องนี้ หากมีอะไรจะพูดกันที่หลัง ในทุกกรณี
ผมไม่พูดเรืองนี้แล้วครับ” แต่ไม่ได้หมายถึงปีใหม่ คือช่วงต้นเดือนธันวาคม จะไม่มีการดำเนินการใดๆในเรื่องนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และ เลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ พล.ต.สนั่น แสดงความจำนงขอลาออกจาก ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และจะให้ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา บุตรชายมาดำรงตำแหน่งในครม.แทนหากมีการปรับครม. ตนยังไม่ทราบ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.เจอกันก็ไม่เห็นท่านพูดอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะผู้จัดการรัฐบาล หากหากพล.ต.สนั่น ลาออกจะกระทบอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หรอกเพราะพล.ต.สนั่น ก็เป็นนักการเมือง มาทั้งชีวิตแล้ว อยู่ตรงไหนท่านก็ยังช่วยเหลือรัฐบาลได้ แต่ตนยังไม่เห็นท่านบ่นอะไร
ส่วนในฐานะผู้จัดการรัฐบาลจำเป็นต้องนัดหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงยังตอนนี้ทุกฝ่ายร่วมกันจัดงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน พักเรื่องการเมืองไว้ก่อน เมื่อถามว่าหลังปีใหม่มีแนวโน้มที่จะปรับครม.ใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะปรับครม.หรือไม่ ทั้งนี้ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องการปรับครม.น่าจะเป็นช่วงหลังปีใหม่ น่าจะมีเวลาคุยกัน
ด้าน นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าไม่เคยรู้เรื่องที่ พล.ต.สนั่น จะลาออกจากรองนายกฯและให้บุตรชายเข้าเป็นรัฐมนตรีแทน การปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ภายในพรรคเองก็ยังไม่มีการคุยแต่อย่างใด และโดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีการปรับเกิดขึ้นช่วงนี้
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะมีการแลกเปลี่ยนกระทรวงกันนั้น นายชุมพล กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ผมเองฟื้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาตลอด และทุ่มเทกายใจให้เต็มที่แล้ว คงไม่มีใครมาแลกไป
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงคำปรารภของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะลาออกจากการการดำรง ตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี แล้วให้นายศิริวัฒน์ บุตรชาย เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตีแทนว่าว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นการแสดงสปิริตของนักการเมือง ซึ่งถือเป็นแบบอย่างของนักการเมืองอาวุโส ทั้งนี้เมื่อรองนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดดังกล่าวออกมาเชื่อว่า ทุกฝ่ายควรรับฟัง พรรคน้อมรับแนวคิดดังกล่าว และจะนำไปหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงหลังเทศกาลมหามงคล
พล.ต.สนั่น คงจะคุยกับนายกรัฐมนตรี และคุยกับกรรมการบริหารพรรค หากได้รับการตอบสนอง ท่านคงจะลาออก
นายวัชระ กล่าวว่า พล.ต.สนั่น ยืนยันว่าเป็นการลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่ จุดยืนของพรรคมีความชัดเจนว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีจะยังมีโควตาและตำแหน่งเดิม ไม่ต้องการเปลี่ยนโควตาหรือแลกกระทรวงกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ขอยื่นยันว่าข่าวที่ออกไปเป็นเพียงข่าวลือ พรรคไม่มีแนวคิดการแลกกระทรวงใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมหารือของกรรมการบริหารพรรค เมื่อได้ข้อสรุปแล้วพรรคจะนำเสนอตัวบุคคที่เหมาะสมไปยังนายกรัฐมนตร
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่า ภายหลัง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประกาศแนวคิดวางมือในตำแหน่งทางการบริหาร เหลือเพียงที่นั่งในฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อผลักดันนายศิริวัฒน์ บุตรชายสืบทอดเก้าอี้รัฐมนตรีแทน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล เตรียมเรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือถึงการปรับ ครม.ในภาพรวมทั้งหมด คาดว่าจะมีการเสนอ ให้ปรับ ครม.ครั้งใหญ่ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคต่างส่งสัญญาณต้องการ ปรับ ครม.ทั้งสิ้น อาทิ พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ที่ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ถูก กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีตำแหน่งที่ต้องปรับเปลี่ยนแน่นอน คือเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ที่จะโยกไปเป็น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้วให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เข้ามาเสียบตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีแทน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องดูข้อเสนอ ของแต่ละพรรคว่าต้องการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ หากมีการแลกกระทรวง หรือ พรรคชาติไทยพัฒนาต้องการเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ที่ไม่ใช่โควต้าของตัวเอง ก็ต้องคืน ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องมีการเกลี่ยกันใหม่ ให้มีจำนวนรัฐมนตรีไม่เกิน 36 คนตามรัฐธรรมนูญกำหนด และหากมีการโยนเก้าอี้ รองนายกรัฐมนตรีให้พรรคประชาธิปัตย์จริง ก็เกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหา ความแตกแยกในพรรคเพิ่มเติม เพราะมีแคนดิเดตเป็นรัฐมนตรีหลายคน อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ย่อมมีผู้ที่เกิดความไม่พอใจแน่นอน
นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ ส.ส.เขต 1 ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้อง ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปรับ ครม.เสียที เพราะผลงานที่ผ่านมาเกือบ 1 ปี มีรัฐมนตรีหลายคน ไม่มีผลงาน และขอฝากว่า อย่าเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่ไม่ค่อยมีผลงาน ขอให้มองถึงความสำคัญของบ้านเมืองเป็นหลัก รวมทั้งขอให้เห็นความสำคัญของพี่น้องชาวชลบุรีบ้าง
นายมานิตย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ชาวจังหวัดชลบุรี เลือก ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นตัวแทนยกทีมทั้งจังหวัด 8 คน ถามว่าพี่น้องชาวชลบุรี อยากได้รัฐมนตรีเป็นตัวแทนในจังหวัดตัวเองหรือไม่ ตอบได้เลยว่าพวกเขาอยากได้ พี่น้องชาวชลบุรีถามผมว่า นายกรัฐมนตรี และรองนายกฯสุเทพ เกรงใจอะไรกับพรรคภูมิใจไทยมากมาย พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.อยู่ 30 คน แต่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีไปถึง 7 ตำแหน่ง
นายมานิตย์ กล่าวว่า หากถามว่า ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อม หรือเหมาะสมหรือไม่ที่จะเป็นรัฐมนตรี ขอบอกเลยว่ามีอยู่หลายคนที่มีประสบการณ์ เช่น นายบรรจบ รุ่งโรจน์ นายประมวล เอมเปีย นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ หรือ พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล บุคคลเหล่านี้มีความพร้อมทุกท่าน ส่วนตนที่ออกมาเรียกร้องขอนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในครั้งนี้มิได้มีเป้าหมายต้องการตำแหน่งใดๆ หากถามตนว่า พร้อมรับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ขอยืนยันว่า ส่วนตัวเองยังเฉยๆ แต่อยากเห็น จ.ชลบุรี ที่มี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ถึง 9 คน ได้ทำงานในตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง โดยเฉพาะสามารถช่วยพัฒนาพื้นที่ จ.ชลบุรีได้ตามที่พี่น้องชาวชลบุรี ต้องการเท่านั้น
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปฏิเสธข่าวที่ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯผลักดันให้ปรับ ครม.นั้นไม่เป็นความจริง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่าในช่วงเดือนธ.ค.นี้ เป็นเดือนมหามงคล พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาลได้ประเมินการทำงานตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยจะครบ 1 ปี ในวันที่ 23 ธ.ค. และหลังจากได้ดูการทำงานของรัฐมนตรีทุกคน ตามคำมั่นสัญญาที่พรรคเคยให้ไว้ตั้งแต่การจัดทำสมัชชาและการประกาศพันธสัญญาตามวาระประชาชน โดยได้ประเมิน แนวนโยบายที่เคยประกาศไว้ต่อรัฐสภาในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เห็นว่านโยบายหลักในการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติตามกลุ่มประชาชน ใน 7 เกณฑ์มาตรฐานซึ่งประสบผลสำเร็จคือ 1.กลุ่มคนยากจน รัฐบาลได้ลดค่าใช้จ่ายผ่านโครงการ 6 เดือน 6 มาตรการ 2. กลุ่มผุ้ใช้แรงงาน มีโครงการเช็คช่วยชาติ 3. กลุ่มเยาวชน มีนโยบายเรียนฟรี 15 ปีส่งผลให้เด็กและครอบครัวทั้งหมด 15 ล้านคนไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา 4. กลุ่มผู้สูงอายุ มีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 5. กลุ่มเกษตรกร มีโครงการประกันรายได้เกษตรกร 6. กลุ่มครัวเรือน มีโครงการแก้หนี้นอกระบบ และ 7. กลุ่มเฉพาะ เช่น อสม. ได้รับค่าตอบแทนเป็นครั้งแรก รวมถึงกลุ่มคนพิการที่มีเบี้ยคนพิการด้วย
สำหรับการทำงานของรัฐมนตรีในทุกกระทรวงสามารถทำงานได้สัมฤทธิผล ตามสัญญาประชาคม และหากมีการปรับครม.นายกฯจะเป็นผู้พิจารณาเป็นหลัก โดยไม่ได้มาจากรัฐมนตรีทำงานย่อหย่อนความสามารถ แต่คำนึงถึงความรู้ ความสามารถในการหมุนเวียนบุคคลที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมทำงานได้ อย่างไร ทั้งนี้จากการประเมินพบว่าทีมครม.จะต้องสานงานต่อในการแก้ปัญหา 2 เรื่องคือ 1. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กลับมาเป็นบวกภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ และ 2. การสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น