นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เชิญกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม มาชี้แจงกรณีที่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) จะขึ้นค่าทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป ว่า จากการตรวจสอบ และหลักฐานที่ได้รับมา คณะกรรมาธิการฯพบว่าสัญญา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ เพราะในการต่อสัญญาเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2550 สมัยที่ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น รมว.คมนาคม สำนักอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นว่าการต่อสัญญา ถือเป็นการร่วมงานในกิจการของรัฐ จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการ ให้เอกชนร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมา มาตรา 13 แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ไม่มีเอกสาร หลักฐาน ระบุว่ามีการตั้งคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 13 ขึ้นมาพิจารณา ในการปรับเพิ่มค่าทางด่วนดอนเมืองโทเลย์
นายชาญชัย กล่าวว่า จากกรณีนี้ได้เทียบเคียงกับกรณีที่ศาลปกครองวินิจฉัยกรณีกรมชลประทานทำสัญญาจ้างบริษัท อีสวอเตอร์ ให้สร้างท่อส่งน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จ.ระยอง ไม่เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ส่งผลให้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ ซึ่งกรณีสัญญาดอนเมืองโทเลย์ก็เข้าข่ายเดียวกัน
นอกจากนี้คณะกรรมการกฤษฎีกายังเคยให้ความเห็นไว้ว่า สัญญาการขึ้น ค่าทางด่วนดอนเมืองโทเวย์เป็นโมฆะเช่นเดียวกัน ดังนั้นในวันที่ 22 ธ.ค.หากทางประชาชนที่ใช้บริการทางด่วนดอนเมืองโทเวย์ ซึ่งมีการปรับขึ้นราคา ก็ขอให้เก็บใบเสร็จ มาแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีอาญากับกรมทางหลวง และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เนื่องจากพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อฉล และใช้อำนาจโดยมิชอบ ตามมาตรา 157 นอกจากนี้ยังสามารถฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายได้
ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความหรือไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะมีหน่วยงานอื่นเข้ามาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการฯ จะให้โอกาสกรมทางหลวง และบริษัทฯ มาชี้แจงข้อเท็จจริง อีก 3 สัปดาห์ หากไม่มา กมธ.ป.ป.ช. ก็จะสรุปผลไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งตนยืนยันว่าเรื่องนี้มีปัญหากับกรมทางหลวงแน่นอน
ทั้งนี้ เพราะในการต่อสัญญาเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2550 สมัยที่ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น รมว.คมนาคม สำนักอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นว่าการต่อสัญญา ถือเป็นการร่วมงานในกิจการของรัฐ จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการ ให้เอกชนร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมา มาตรา 13 แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ไม่มีเอกสาร หลักฐาน ระบุว่ามีการตั้งคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 13 ขึ้นมาพิจารณา ในการปรับเพิ่มค่าทางด่วนดอนเมืองโทเลย์
นายชาญชัย กล่าวว่า จากกรณีนี้ได้เทียบเคียงกับกรณีที่ศาลปกครองวินิจฉัยกรณีกรมชลประทานทำสัญญาจ้างบริษัท อีสวอเตอร์ ให้สร้างท่อส่งน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จ.ระยอง ไม่เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ส่งผลให้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ ซึ่งกรณีสัญญาดอนเมืองโทเลย์ก็เข้าข่ายเดียวกัน
นอกจากนี้คณะกรรมการกฤษฎีกายังเคยให้ความเห็นไว้ว่า สัญญาการขึ้น ค่าทางด่วนดอนเมืองโทเวย์เป็นโมฆะเช่นเดียวกัน ดังนั้นในวันที่ 22 ธ.ค.หากทางประชาชนที่ใช้บริการทางด่วนดอนเมืองโทเวย์ ซึ่งมีการปรับขึ้นราคา ก็ขอให้เก็บใบเสร็จ มาแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีอาญากับกรมทางหลวง และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เนื่องจากพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อฉล และใช้อำนาจโดยมิชอบ ตามมาตรา 157 นอกจากนี้ยังสามารถฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายได้
ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความหรือไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะมีหน่วยงานอื่นเข้ามาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการฯ จะให้โอกาสกรมทางหลวง และบริษัทฯ มาชี้แจงข้อเท็จจริง อีก 3 สัปดาห์ หากไม่มา กมธ.ป.ป.ช. ก็จะสรุปผลไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งตนยืนยันว่าเรื่องนี้มีปัญหากับกรมทางหลวงแน่นอน
