เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (2 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ แถลงถึงมติ ครม.เมื่อวันอังคารที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ให้ยกเลิกมติ ครม.เมื่อวันที่ 2 ส.ค.48 กรณีกรมชลประทาน ทำสัญญาจ้างบริษัทอีสวอเตอร์ ให้สร้างท่อส่งน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จ.ระยอง วงเงิน1.6 พันล้านบาทโดยแยกจ่ายเป็นเงินสด 1 พันล้านบาท ส่วนอีก 600 ล้านบาทให้จ่ายเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ โดยไม่มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง
นายชาญชัย กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เชิญตัวแทนสำนักงานกฤษฎีกามาให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งกฤษฎีกายืนยันว่าไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน แต่ ครม.ชุดปัจจุบันกลับมีการอนุมัติตามคำขอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นมติ ครม.ที่อัปยศที่สุด ของครม.ชุดนี้ เพราะเคยคัดค้านเรื่องนี้มาก่อน แต่มาถึงปัจจุบันกลับยอมรับให้สิ่งที่ผิด กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และยังมีการอนุมัติงบกลางจำนวน 6.8 พันล้านบาท มาสำรองจ่ายในโครงการดังกล่าวด้วย ทั้งที่ควรเก็บงบกลางไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ในการประชุมอนุกรรมาธิการฯ สัปดาห์หน้า จะเชิญตัวแทนจากกระทรวงเกษตรฯ ทั้งรัฐมนตรีว่าการ อธิบดีกรมชลประทาน เลขาธิการครม. และบริษัทอีสวอเตอร์ มาชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะที่จะมอบข้อมูลให้กรมสรรพากรไปตรวจสอบว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
นาย ชายชัย ยังกล่าวอีกว่านอกจากนี้ครม.ยังมีการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ให้โครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ที่ รฟม.ดูแลอยู่ขึ้นอีก 4 พันล้านบาท ทั้งที่สายอื่น อาทิ โครงการสายสีม่วง และสีแดง มีการปรับลดวงเงินลงได้นับหมื่นล้านบาท การที่ รฟม.อ้างว่าเป็นเพราะวัสดุการก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นนั้น คงไม่ถูกต้อง เพราะขัดกับการดำเนินการขอรถไฟฟ้าอีก 2 สาย จึงอยากให้ ครม.ทบทวนการอนุมัติวงเงินดังกล่าว และควรใช้ดุลยพินิจตรวจสอบรายละเอียดของโครงการต่างๆให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้เพื่อยับยั้งการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้
นายชาญชัย กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เชิญตัวแทนสำนักงานกฤษฎีกามาให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งกฤษฎีกายืนยันว่าไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน แต่ ครม.ชุดปัจจุบันกลับมีการอนุมัติตามคำขอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นมติ ครม.ที่อัปยศที่สุด ของครม.ชุดนี้ เพราะเคยคัดค้านเรื่องนี้มาก่อน แต่มาถึงปัจจุบันกลับยอมรับให้สิ่งที่ผิด กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และยังมีการอนุมัติงบกลางจำนวน 6.8 พันล้านบาท มาสำรองจ่ายในโครงการดังกล่าวด้วย ทั้งที่ควรเก็บงบกลางไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ในการประชุมอนุกรรมาธิการฯ สัปดาห์หน้า จะเชิญตัวแทนจากกระทรวงเกษตรฯ ทั้งรัฐมนตรีว่าการ อธิบดีกรมชลประทาน เลขาธิการครม. และบริษัทอีสวอเตอร์ มาชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะที่จะมอบข้อมูลให้กรมสรรพากรไปตรวจสอบว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
นาย ชายชัย ยังกล่าวอีกว่านอกจากนี้ครม.ยังมีการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ให้โครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ที่ รฟม.ดูแลอยู่ขึ้นอีก 4 พันล้านบาท ทั้งที่สายอื่น อาทิ โครงการสายสีม่วง และสีแดง มีการปรับลดวงเงินลงได้นับหมื่นล้านบาท การที่ รฟม.อ้างว่าเป็นเพราะวัสดุการก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นนั้น คงไม่ถูกต้อง เพราะขัดกับการดำเนินการขอรถไฟฟ้าอีก 2 สาย จึงอยากให้ ครม.ทบทวนการอนุมัติวงเงินดังกล่าว และควรใช้ดุลยพินิจตรวจสอบรายละเอียดของโครงการต่างๆให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้เพื่อยับยั้งการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้
