xs
xsm
sm
md
lg

ระบอบทักษิณกับวันสิ้นโลก

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา

โดย...ไสว บุญมา


ผู้อ่านหลายท่านคงได้ดูภาพยนตร์เรื่องวันสิ้นโลก 2012 แล้ว เนื้อเรื่องของภาพยนตร์อิงปฏิทินของอาณาจักรมายาซึ่งรุ่งเรืองอยู่ในอเมริกากลางและล่มสลายไปกว่าพันปี ผู้ติดตามเรื่องราวของชาวมายาย่อมรู้แล้วว่า ชาวมายาไม่ได้บอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปี 2012 แต่เนื่องจากปฏิทินของพวกเขาที่ฝรั่งไปพบดูจะจบลงแค่ปีนั้น ฝรั่งจึงเดาเอาว่าชาวมายาทำนายว่ากาลเวลาจะสิ้นสุดลงตรงปี 2012 ต่อมามีโหรรายอื่นทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นในปี 2012 เช่นกัน

โหรที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดได้แก่ชาวฝรั่งเศสชื่อนอสตราดามุสซึ่งเขียนคำทำนายไว้เมื่อราว 500 ปีที่แล้ว ต่อมาเมื่อปี 2006 ปราชญ์ชาวฮังรีชื่อเออร์วิน ลาสซโล เสนอว่าในปี 2012 จะเกิดจุดพลิกผันสำคัญยิ่ง ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฐิติลาโภ ภิกขุ พระสงฆ์ไทยอายุ 108 ปีก็อ้างว่าเหตุการณ์สำคัญจะเกิดในปี 2012

นอกจากเออร์วิน ลาสซโล แล้ว ผู้ทำนายไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไรจึงจะเกิดเหตุการณ์ชนิดวันสิ้นโลกดังกล่าว ยังผลให้คาดเดากันไปต่างๆ นานา บางคนคิดว่าลูกอุกาบาตขนาดยักษ์จะพุ่งชนโลก บางคนมองว่าอาจเกิดโรคระบาดชนิดใหม่ที่จะทำให้ชาวโลกล้มตายกันนับพันล้านคน ในภาพยนตร์ภัยที่ทำให้คนตายเกือบหมดโลกสืบเนื่องมาจากผิวของดวงอาทิตย์ปะทุออกมาอย่างรุนแรง ทำให้แก่นของโลกละลาย ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดและคลื่นยักษ์ถล่มโลกอย่างกว้างขวาง

ส่วน เออร์วิน ลาสซโล วิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นแล้วสรุปว่า เมื่อถึงปี 2012 แนวโน้มเหล่านั้นจะนำโลกไปถึงจุดพลิกผันสำคัญยิ่ง นั่นคือ โลกอาจเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับ โลกจะเดินเข้าทางนั้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่ามนุษยชาติจะทำอะไรจากวันที่เขาทำนายจนถึงปี 2012 การวิเคราะห์ของเขาอาจหาอ่านได้ในหนังสือชื่อ The Chaos Point ซึ่งมีบทคัดย่ออยู่ในเว็บไซต์ www.sawaiboonma.com

แนวโน้มพื้นฐานได้แก่การร้อนขึ้นของพื้นผิวโลกซึ่งตอนนี้เป็นที่ยอมรับแล้วว่าเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์เราโดยเฉพาะการเผาผลาญเชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์จำพวกถ่านหินและน้ำมันปิโตรเลียม การเผาผลาญเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะปัจจัยสองอย่างคือ จำนวนประชากรโลกและการบริโภคของแต่ละคนซึ่งเพิ่มขึ้นแบบไม่หยุดยั้งจนบางแห่งถึงขั้นสุดโต่ง หรือไร้เหตุผลแล้ว

ภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายหลายอย่างรวมทั้งภาวะฝนแล้งจัด ลมพายุขนาดยักษ์ ฝนตกหนักเกินปกติและน้ำแข็งขั้วโลกละลายยังผลให้พื้นดินตามชายฝั่งจมทะเล ทั้งที่เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าปัญหาที่มาจากการเผาผลาญเชื้อเพลิง แต่ชาวโลกก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะลดการเผาผลาญนั้นอย่างไร ในเดือนธันวาคมนี้จะมีการประชุมใหญ่ในประเทศเดนมาร์กเพื่อหาข้อตกลงกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรชี้บ่งว่าการประชุมนั้นจะนำไปสู่การลดภาวะโลกร้อนได้อย่างแท้จริง

เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะถดถอยร้ายแรง ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้แก่การบริโภคเกินพอดีของชาวอเมริกันและชาวโลกที่พยายามเลียนแบบ ทั้งที่รู้ว่าการบริโภคเกินพอดีคือตัวเจ้าปัญหา แต่รัฐบาลทั่วโลกก็ยังพากันกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวเช่นเดิมอีก ยิ่งกว่านั้นยังมีการจับจองทรัพยากรมาไว้สำหรับกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูงสุดต่อไปอีกด้วย เกือบทุกสัปดาห์จึงมีข่าวว่าจีนไปจับจองทรัพยากรในหลายส่วนของโลก แต่จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่ทำเช่นนั้น การจับจองดังกล่าวเป็นตัวชี้บ่งว่า ในอนาคตความขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากรอาจจะเข้มข้นจนนำไปสู่สงครามล้างโลกได้เพราะมหาอำนาจส่วนใหญ่มีอาวุธทำลายล้างสูงจำพวกนิวเคลียร์

การเผาผลาญเชื้อเพลิงอันเป็นบ่อเกิดของภาวะโลกร้อนจะลดลงหากชาวโลกส่วนใหญ่หยุดบริโภคแบบสุดโต่งตามชาวอเมริกัน อันที่จริงในขณะนี้มีชาวอเมริกันราว 25% ที่พยายามบริโภคตามความจำเป็นมากกว่าตามความอยากและชาวโลกจำนวนมากก็พยายามทำเช่นนั้นด้วย ณ วันนี้จึงมีการต่อสู้กันทางความคิดระหว่างกลุ่มผู้บริโภคแบบไร้เหตุผลกับกลุ่มผู้บริโภคตามความจำเป็น

การต่อสู้กันนี้คือตัวชี้บ่งว่าถ้าฝ่ายแรกชนะ โลกจะเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่มาไม่กลับในปี 2012 หากเรามองว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในปัจจุบันคือสัญญาณเตือนภัยให้ชาวโลกเปลี่ยนวิธีคิดและกิจกรรมที่จะทำให้โลกเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายในปี 2012 ชาวโลกยังอ่านสัญญาณไม่ออก หรือไม่ก็สุดโอหัง จึงยังไม่เปลี่ยนความคิดพื้นฐาน ฉะนั้นโลกจึงมีโอกาสเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายในปี 2012 สูงมาก

นั่นเป็นภาพใหญ่ ลองหันมามองเมืองไทยกันดูบ้าง เนื่องจากเท่าที่ผ่านมา เราไม่ได้ทำอะไรต่างจากชาวโลกส่วนใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ ฉะนั้นเราอยู่ในเรือลำเดียวกับพวกเขา แต่เรื่องของเราไม่จบแค่นั้น แนวโน้มปัจจุบันบ่งว่า แม้ชาวโลกส่วนใหญ่จะสามารถหยุดยั้งการเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายได้ แต่เมืองไทยก็อาจล่มจม ปัจจัยที่จะทำให้เมืองไทยล่มจมมีหลากหลาย แต่ในตอนนี้ปัจจัยที่เลวร้ายที่สุดได้แก่ระบอบทักษิณซึ่งมีส่วนประกอบ 5 อย่างคือ อัตตาธิปไตย ขโมยาธิปไตย ธนาธิปไตย ญาติการธิปไตยและประชานิยมาธิปไตย ส่วนประกอบเลวร้ายที่สุดได้แก่ ขโมยาธิปไตย หรือความฉ้อฉลของคนไทยซึ่ง นช.ทักษิณ นำมาปรับใช้ให้เป็นหัวใจของระบอบทักษิณ การสำรวจความเห็นของสำนักเอแบคโพลล์ชี้ให้เห็นความฉ้อฉลเป็นประจำ

ล่าสุด การสำรวจเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพบว่า คนไทยกว่า 63% มองว่าความฉ้อฉลของคนไทยกำลังเพิ่มขึ้น 77.5% รับความฉ้อฉลของนักการเมืองได้ และ 58.6% มองว่าใครๆ ก็ทุจริตเพื่อเอาตัวรอดกันทั้งนั้น ข้อมูลนี้สนับสนุนด้วยข้อมูลขององค์กรความโปร่งใสสากลซึ่งเพิ่งพิมพ์ผลการสำรวจล่าสุดออกมา ปรากฏว่า เมืองไทยมีความฉ้อฉลสูงเช่นเดิมเพราะได้คะแนนเพียง 3.4 จากคะแนนเต็ม 10 ต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วซึ่งไทยได้ 3.5 คะแนน

ข้อมูลที่อ้างถึงนี้ชี้ให้เห็นปัจจัยพื้นฐานซึ่งสะท้อนความมีสันดานฉ้อฉลของคนจำนวนมาก มันเป็นรากเหง้าของความขัดแย้งครั้งใหญ่ในขณะนี้ซึ่งเมืองไทยไม่เคยมีมาก่อน นักการเมืองจำนวนมากที่คดในข้องอในกระดูกและโกงชาติบ้านเมืองอย่างต่อเนื่องได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง ตัวอย่างสำคัญยิ่งได้แก่กรณีของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ได้มีการพิสูจน์อย่างแจ้งชัดแล้วว่า เขาโกงบ้านโกงเมืองชนิดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่ก็ยังมีคนไทยที่ไม่อายผีสางเทวดาออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนเขาอย่างต่อเนื่อง

ความเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ที่ผ่านๆ มาบ่งชี้ว่า พวกเขาพร้อมที่จะเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันและล้มล้างสถาบันสำคัญๆ ของชาติเพื่อให้เขากลับมาคุมอำนาจและกระทำความชั่วร้ายต่อไปอีก ท่ามกลางความเคลื่อนไหวอันชั่วร้ายนี้มีคนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งเสี่ยงตายออกมาท้าทายพวกเขาและระบอบทักษิณตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ส่งผลให้เมืองไทยตกอยู่ในสภาพสงครามกลางเมืองอันเป็นการต่อสู้กันระหว่างความเลวทรามกับความดีซึ่งจะมีผลสำคัญยิ่งต่ออนาคตของประเทศ

จากมุมมองของการตีความหมายว่าวันสิ้นโลกคือการเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับในปี 2012 การต่อสู้กันของคนไทยฝ่ายเลวทรามกับฝ่ายความดีจะมีผลออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับฝ่ายไหนเป็นฝ่ายชนะ หากฝ่ายทรชนคนเลวทรามนำโดย นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นฝ่ายชนะ แน่ละ เมืองไทยจะเดินเข้าสู่ทางแห่งล่มสลายหายนะแน่นอนไม่ว่าโลกจะเดินเข้าทางนั้นหรือไม่ หากฝ่ายผู้กระทำดีมีชัย เมืองไทยจะพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน

ประเด็นใหญ่ในวันนี้ก็คือ ฝ่ายกระทำดีไม่มีเวลามากนัก ทั้งนี้เพราะจากวันนี้ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งเป็นวันที่ทำนายกันว่าจะเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกเป็นเวลาเพียงสามปีเท่านั้น หากกระบวนการเมืองใหม่ (ขอย้ำว่ากระบวนการเมืองใหม่ไม่จำกัดอยู่แค่พรรคการเมืองใหม่และการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น) คิดว่าตนคือผู้นำของฝ่ายกระทำความดี ภายในสามปีกระบวนการนี้จะต้องมีเสียงมากพอในรัฐสภาเพื่อที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาล

กระบวนการเมืองใหม่มียุทธการอย่างไรที่จะทำให้วันนั้นเกิดขึ้น และเมื่อทำได้จะทำลายระบอบทักษิณและพัฒนาเมืองไทยต่อไปอย่างไร ผู้นำของกระบวนการเมืองใหม่จะต้องตอบคำถามแนวนี้แก่คนไทยจนจุใจเพื่อชักชวนส่วนใหญ่ให้สนับสนุนในเร็ววัน มิฉะนั้นเมืองไทยจะเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายในปี 2012 แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น