xs
xsm
sm
md
lg

เลิกฝืดเงินเฟ้อพ.ย.พุ่ง1.9%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-เงินเฟ้อพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.9% ดีดขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เหตุน้ำมันแพง ราคาสินค้าเริ่มขยับ “พาณิชย์”ย้ำพ้นยุคเงินฝืดแล้ว จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งการผลิต การจ้างงาน และการจับจ่ายใช้สอย แนะรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่วนธปท.ควรคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปก่อน มั่นใจปีนี้เงินเฟ้อจะขยายตัวติดลบแค่ 0.8% ส่วนปีหน้าขยับแรง 3-3.5% ตามทิศทางเศรษฐกิจ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย (เงินเฟ้อ) ในเดือนพ.ย.2552 เท่ากับ 105.8 สูงขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.2552 และสูงขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2551 นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนเงินเฟ้อในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมั่นใจว่าเป้าหมายเงินเฟ้อในปีนี้จะติดลบ 0.8% ซึ่งอยู่ในกรอบที่คาดไว้ที่ 0% ถึงลบ 1% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือพ.ย.2552 ที่หักรายการสินค้าอาหารสด และพลังงานออกอยู่ที่ 102.7 ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบเดือนต.ค.2552 แต่สูงขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเดือนพ.ย.2551 และเฉลี่ย 11 เดือนปีนี้กับช่วงเดียวกันปีก่อนสูงขึ้น 0.1%
ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่สูงขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.2552 และสูงขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเดือนพ.ย.2551 เป็นเพราะราคาสินค้า และค่ายานพาหนะที่ปรับตัวสูงขึ้น จากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าขายปลีกบางชนิดปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าว ผักสด นมและผลิตภัณฑ์นม เครื่องประกอบอาหาร ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าของใช้ส่วนบุคคล เช่น สบู่ถูตัว แชมพูสระผม ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว กระดาษชำระ แบตเตอรี่รถยนต์ ค่ารักษาและบริการส่วนบุคคล และยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
นายยรรยงกล่าวว่า ขณะนี้เงินเฟ้อได้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ จากเดิมที่มีปัญหาเงินเฟ้อติดลบ จนมีความกังวลกันว่าจะเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งการที่เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น จะทำให้การจ้างงานปรับตัวดีขึ้น ทำให้ประชาชนมั่นใจในรายได้ของตนเอง และกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตมีแรงจูงใจผลิตสินค้ามากขึ้น และทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่วนรัฐบาลควรถือโอกาสนี้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และเร่งเบิกจ่ายงบตามนโยบายไทยเข้มแข็ง ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ควรคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อไป เพื่อเกื้อกูลให้ภาวะเศรษฐกิจเติบโตต่อ และตั้งแต่ไตรมาสแรกปีหน้า เมื่อเงินเฟ้อเริ่มดีขึ้นก็ควรขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
สำหรับเป้าหมายเงินเฟ้อในปีหน้า กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 3-3.5% เป็นการเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยอยู่บนสมมติฐานที่อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอยู่ที่ 31-33 บาท/เหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และรัฐบาลคงมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนบางมาตรการต่อไป
“เงินฟ้อตอนนี้มีแนวโนมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่า เศรษฐกิจไทยหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดแล้ว ส่วนปีหน้าตั้งเป้าขยายตัว 3-3.5% เพราะเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ทำให้คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และคาดว่า ราคาสินค้าจะขยับขึ้นบ้าง จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น และราคาวัตถุดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโลหะต่าง เช่น ตะกั่ว เหล็ก แต่กระทรวงพาณิชย์จะให้ขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพบางมาตรการ ก็จะไม่กระทบต่อเป้าหมายเงินเฟ้อปีหน้าแน่นอน” นายยรรยงกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น