ASTVผู้จัดการรายวัน-บีโอไอถกหอการค้าต่างประเทศ 30 ประเทศวันนี้ ทำแผนส่งเสริมการลงทุน ด้านเอกชนกระทุ้งรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เหตุช้าไม่ได้แล้ว
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (2 ธ.ค.) กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบให้บีโอไอจัดประชุมหารือร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ซึ่งมีสมาชิกจากหอการค้าต่างประเทศ 30 ประเทศ เพื่อร่วมระดมความคิดเห็นและรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการลงทุน และการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยก่อนจะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงภาพรวมของบรรยากาศการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับโลกให้มีศักยภาพเพิ่ม
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อมาตรการในการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น เนื่องจาก 1ปีที่ผ่านมา การแก้ไขเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้าและเป็นมาตรการเฉพาะหน้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากให้คะแนนการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ 6 คะแนนจากเต็ม 10 ซึ่งเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า ดังนั้น หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีขึ้นก็เห็นด้วย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า การปรับครม.ควรจะทำมานานแล้ว เพราะรัฐมนตรีบางกระทรวงไม่มีความเหมาะสม แต่ถ้าปรับแล้วไม่ดีขึ้น จะไม่มีผลอะไร ยิ่งสร้างความไม่เชื่อมั่นแทน เพราะจากนี้ไป ปัจจัยเสี่ยงมีเพิ่มขึ้น ทั้งการลดค่าเงินด่อง ฟองสบู่แตกในดูไบ และเงินบาทแข็ง
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (2 ธ.ค.) กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบให้บีโอไอจัดประชุมหารือร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ซึ่งมีสมาชิกจากหอการค้าต่างประเทศ 30 ประเทศ เพื่อร่วมระดมความคิดเห็นและรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการลงทุน และการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยก่อนจะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงภาพรวมของบรรยากาศการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับโลกให้มีศักยภาพเพิ่ม
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อมาตรการในการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น เนื่องจาก 1ปีที่ผ่านมา การแก้ไขเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้าและเป็นมาตรการเฉพาะหน้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากให้คะแนนการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ 6 คะแนนจากเต็ม 10 ซึ่งเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า ดังนั้น หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีขึ้นก็เห็นด้วย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า การปรับครม.ควรจะทำมานานแล้ว เพราะรัฐมนตรีบางกระทรวงไม่มีความเหมาะสม แต่ถ้าปรับแล้วไม่ดีขึ้น จะไม่มีผลอะไร ยิ่งสร้างความไม่เชื่อมั่นแทน เพราะจากนี้ไป ปัจจัยเสี่ยงมีเพิ่มขึ้น ทั้งการลดค่าเงินด่อง ฟองสบู่แตกในดูไบ และเงินบาทแข็ง