รายงานพิเศษ
โดย....ทีมข่าวอาชญากรรม
ปฎิบัติการณ์ ปูพรม จู่โจม ตรวจค้นหาหลักฐาน ในสำนวนคดีฮั้วประมูลรถจักรยานยนต์สายตรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ "พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์" รักษาการรอง ผบช.ก. ถือว่าไม่ธรรมดา อย่างยิ่ง สำหรับความรีบเร่งในการทำคดีนี้
ไม่ธรรมดาที่ 1 เรื่องใหญ่อย่างนี้ ทำไมเบอร์ 1 กรมปทุมวันอย่าง "พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ" รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ถึงไม่รู้ล่วงหน้า หรือได้รับรายงานผลการปฎิบัติการแต่อย่างใด โดยที่ทางข่าว (ฟันธง)ว่าเพราะเขาไม่ต้องการให้ท่านรู้ ซึ่งถือว่า ผิดปกติอย่างยิ่ง
ไม่ธรรมดาที่ 2 เป็นการปฎิบัติการ หลังจาก "พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์"พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ผู้บังคับการกองปราบปราม แม้จะนำ"พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ" รักษาการ ผบก.ป. พร้อมทีมงานกองปราบกว่า 50 ชีวิต ร่วมปฎิบัติการณ์ก็ตามที แต่นั่นเป็นเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรม ให้กับ"พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์"ว่า ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง หรือ รับคำสั่งจากใครมา
ไม่ธรรมดาที่ 3 เป็นปฎิบัติการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.มีกำหนดเรียกประชุม ก.ต.ช.ในเร็วๆนี้ แม้วาระการประชุม นายกฯมาร์ค จะยังไม่กำหนดว่า เลือก ผบ.ตร.ตัวจริง เสียงจริง หรือไม่ แต่ปฎิบัติการณ์ครั้งนี้ เป็นสัญญาณให้รู้ว่า ตัว ผบ.ตร.อาจมีปัญหาหากเลือก"ปทีป ตันประเสริฐ"ตามที่นายกฯวาดฝันไว้
ไม่ธรรมดาที่ 4 เป็นปฎิบัติการณ์ที่ พุ่งเป้าไปที่ อดีตผบ.ตร.และนายตำรวจที่อยู่ในราชการยศ (พล.ต.อ.) และ (พล.ต.ท.)ที่หลักฐานข่าว พบว่า นายตำรวจทั้ง 3 คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และ พล.ต.ท.ประชิน วารี รองจเรตำรวจแห่งชาติ ส่วนข้อกล่าวหาครั้งนี้ นายตำรวจทั้ง 3 จะมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ ถือว่า "พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์"ย่อมทราบดี
ไม่ธรรมดาที่ 5 คืนก่อนปฏิบัติการบุกเข้าค้นของกองปราบปราม มีการไปวางแผนกันยังบ้านพักของอดีตนักการเมืองดังที่ถอดใจไปก่อนหน้านี้ ร่วมกับ"พล.ต.อ.จ"คนหนึ่ง โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อหารือถึงการสกัดกั้นไม่ให้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอชื่อพล.ต.อ.ปทีป ต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือก.ต.ช.ที่จะมีการประชุมกันในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.ได้อย่างชอบธรรม
ไม่ธรรมดาที่ 6 แม้นี้ "พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์"จะอธิบายว่าสืบเนื่องจาก"พล.ต.ต.วารินทร์ แก้วชมพู รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองตรวจสอบภายใน 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อทาง บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.รัชนก แจ๊ะซ้าย กรรมการบริษัท คาร์แทร็กกิ้ง จำกัด และนายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการบริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ซึ่งจากเรื่องร้องเรียนทาง บก.ป.ได้สืบสวนสอบสวนกระทั่งพบว่า บริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด กับพวกได้ร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจและข้าราชการทั้งใน สตช.และสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ร่วมกันกระทำความผิดกันในลักษณะเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำ"
หากดูคำชี้แจง อาจจะมีเหตุผลรับฟังได้ แต่เมื่อท่านย้ำว่า... ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาต่อใคร เพียงแต่ต้องการมาสอบสวนก่อนเท่านั้น แต่ตอนท้ายการให้สัมภาษณ์ ท่านกลับ ย้ำว่า...ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงเนื่องจากเป็นการร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการเพื่อโกงงบประมาณของรัฐ จึงจำเป็นจะต้องเร่งคลี่คลายเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็ว...
ดังนั้น จึงไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้ สำหรับเกมคดีนี้ ว่าอาจจะเป็นเกมแห่งการนับหนึ่ง ในการแย่งชิงตัว ผบ.ตร.ระหว่าง"พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ"กับ"พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย"
เพราะเมื่อ"พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ"รักษาการ ผบ.ตร.นายตำรวจที่อยู่ในใจ ประธาน ก.ต.ช.ถูกทำลายด้วยเกมแห่งข้อมูลที่ถูกยัดเยียดให้ว่า เขาคือผู้ที่อาจจะเข้าข่ายในการกระทำความผิด จึงทำให้ความสง่างามในการขึ้นนั่ง ผบ.ตร.ตัวจริง อาจจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อ"พล.ต.อ.ปทีป"ถูกกำจัด คำถามจึงตามมาว่าแล้ว"พล.ต.อ."นายใดล่ะ ที่มีความเหมาะสม แน่นอนนาทีนี้"พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย"คือ พล.ต.อ. ที่จะถูกเสนอให้นั่ง ผบ.ตร.ตัวจริง ในยามที่"นช.ทักษิณ ชินวัตร"ต่อสู้ยกสุดท้าย!
ส่วนท้ายสุด เกมคดีในระลอกนี้ จะเดินต่อไปอย่างไร ใคร? คือ คนสั่งให้กองปราบลุย โดยพุ่งเป้าไปที่ทำลายความน่าเชื่อถือของ"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์"และ"พล.ต.อ.ปทีป"เรื่องนี้ คนสั่ง และคนรับสั่ง ย่อมรู้ดี.....
