ASTVผู้จัดการรายวัน-“พรทิวา"บินถกรัฐมนตรี WTO ผลักดันปิดการเจรจารอบโดฮา และหาทางใช้กลไก WTO ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลก
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 2 ธ.ค.2552 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน จะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก (WTO) ครั้งที่ 7 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพิจารณาทบทวนและกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ WTO และการเจรจารอบโดฮา รวมทั้งหารือเรื่องบทบาทของ WTO ในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจโลก ซึ่งไทยจะย้ำท่าทีที่จะให้การสนับสนุนการเจรจารอบโดฮาในที่ประชุมใหญ่ (Plenary Meeting) ของ WTO
ทั้งนี้ นางพรทิวาจะใช้โอกาสนี้เข้าร่วมประชุมหารือกลุ่มย่อย เช่น อาเซียน และกลุ่มทางสายกลาง หรือ Middle Ground ด้วย โดยการประชุมร่วมกับอาเซียนนั้น มีไทยซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้เป็นเจ้าภาพ วัตถุประสงค์เพื่อมาแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับการเจรจารอบโดฮาที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอาจได้รับฟังมาจากการพบปะกับประเทศอื่นนอกกลุ่ม หรือกล่าวสั้นๆ คือมา อัพเดทข้อมูลกัน เพื่อจะได้กำหนดท่าทีของอาเซียนในช่วงต่อไป
สำหรับการประชุมกับกลุ่ม Middle Ground นั้น เป็นการพบปะกับประเทศที่สนับสนุนการลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรม (NAMA) ใน WTO ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมด้วยอย่างแข็งขันมาโดยตลอด โดยกลุ่ม Middle Ground มีสมาชิกทั้งจากประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาขนาดกลางๆ จากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนกับประเทศเหล่านี้ ในด้านการเจรจาสินค้าเกษตร ก็มีการประชุมอย่างเข้มข้นเช่นเดียวกัน เช่น กลุ่มแคนส์ และกลุ่ม G-20 ของสินค้าเกษตรที่มีบราซิลเป็นประธานกลุ่ม ก็จะมีการประชุมในช่วงใกล้ๆ กับการประชุมรัฐมนตรี ซึ่งไทยจะมีผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย
“แม้ว่าการประชุมครั้งนี้อาจจะไม่สามารถนำไปสู่ข้อยุติของการเจรจารอบโดฮาได้ แต่จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสพบปะหารือกันเพื่อหารือเรื่องการเจรจารอบโดฮาโดยเฉพาะ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี การประชุมครั้งนี้จึงจะช่วยให้ประเทศต่างๆ เข้าใจท่าทีของกันและกันมากขึ้น
ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้การเจรจาขั้นต่อไปประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา”นางนันทวัลย์กล่าว
ทั้งนี้ จากการศึกษาของสถาบัน IIE (Institute of International Education) ที่กรุงวอชิงตันดีซี ประเมินว่าหากรอบโดฮาเจรจาสำเร็จ จะทำให้การส่งออกของโลกเพิ่มขึ้น 180-520 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และ GDP เพิ่มขึ้น 300-700 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี อันจะช่วยลดช่องว่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาลง
นอกจากการประชุมระดับพหุภาคีและกลุ่มย่อยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะมีการหารือสองฝ่ายกับบางประเทศเพื่อหาลู่ทางขยายการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยด้วย เช่น UAE และอินเดีย เป็นต้น
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 2 ธ.ค.2552 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน จะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก (WTO) ครั้งที่ 7 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพิจารณาทบทวนและกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ WTO และการเจรจารอบโดฮา รวมทั้งหารือเรื่องบทบาทของ WTO ในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจโลก ซึ่งไทยจะย้ำท่าทีที่จะให้การสนับสนุนการเจรจารอบโดฮาในที่ประชุมใหญ่ (Plenary Meeting) ของ WTO
ทั้งนี้ นางพรทิวาจะใช้โอกาสนี้เข้าร่วมประชุมหารือกลุ่มย่อย เช่น อาเซียน และกลุ่มทางสายกลาง หรือ Middle Ground ด้วย โดยการประชุมร่วมกับอาเซียนนั้น มีไทยซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้เป็นเจ้าภาพ วัตถุประสงค์เพื่อมาแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับการเจรจารอบโดฮาที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอาจได้รับฟังมาจากการพบปะกับประเทศอื่นนอกกลุ่ม หรือกล่าวสั้นๆ คือมา อัพเดทข้อมูลกัน เพื่อจะได้กำหนดท่าทีของอาเซียนในช่วงต่อไป
สำหรับการประชุมกับกลุ่ม Middle Ground นั้น เป็นการพบปะกับประเทศที่สนับสนุนการลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรม (NAMA) ใน WTO ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมด้วยอย่างแข็งขันมาโดยตลอด โดยกลุ่ม Middle Ground มีสมาชิกทั้งจากประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาขนาดกลางๆ จากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนกับประเทศเหล่านี้ ในด้านการเจรจาสินค้าเกษตร ก็มีการประชุมอย่างเข้มข้นเช่นเดียวกัน เช่น กลุ่มแคนส์ และกลุ่ม G-20 ของสินค้าเกษตรที่มีบราซิลเป็นประธานกลุ่ม ก็จะมีการประชุมในช่วงใกล้ๆ กับการประชุมรัฐมนตรี ซึ่งไทยจะมีผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย
“แม้ว่าการประชุมครั้งนี้อาจจะไม่สามารถนำไปสู่ข้อยุติของการเจรจารอบโดฮาได้ แต่จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสพบปะหารือกันเพื่อหารือเรื่องการเจรจารอบโดฮาโดยเฉพาะ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี การประชุมครั้งนี้จึงจะช่วยให้ประเทศต่างๆ เข้าใจท่าทีของกันและกันมากขึ้น
ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้การเจรจาขั้นต่อไปประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา”นางนันทวัลย์กล่าว
ทั้งนี้ จากการศึกษาของสถาบัน IIE (Institute of International Education) ที่กรุงวอชิงตันดีซี ประเมินว่าหากรอบโดฮาเจรจาสำเร็จ จะทำให้การส่งออกของโลกเพิ่มขึ้น 180-520 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และ GDP เพิ่มขึ้น 300-700 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี อันจะช่วยลดช่องว่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาลง
นอกจากการประชุมระดับพหุภาคีและกลุ่มย่อยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะมีการหารือสองฝ่ายกับบางประเทศเพื่อหาลู่ทางขยายการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยด้วย เช่น UAE และอินเดีย เป็นต้น