ASTVผู้จัดการรายวัน - หอการค้าหาทางลงให้ "มาร์ค" ทำหนังสือระงับกำหนดการปิดงานสัมมนาที่เชียงใหม่ หวั่นเสื้อแดงก่อเหตุรุนแรง สร้างความแตกแยกในชาติเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐบาลไม่ไว้ใจแดงถ่อย ยังไม่ยกเลิกการใช้ พ.ร.บ.มั่นคง สั่งเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง ด้าน "แม้ว" ยังใช้ทวิตเตอร์เล่นสงครามประสาท ปัดใช้ชื่อ"Takki Shinegra" เย้ยคนถอนพาสปอร์ตอยากโง่เอง
จากกรณีที่หอการค้าไทย จะจัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ และได้เชิญรัฐมนตรีไปร่วมสัมมนา รวมทั้งเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานปิดการสัมมนา ในวันที่ 29 พ.ย. ขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ ก็มีการปลุกระดมให้ประชาชนมาชุมนุมต่อต้านการเดินทางมาของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ ถึงขั้นมีการขู่จะเอาชีวิตผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนใน จ.เชียงใหม่ด้วย
ช่วงเช้าวานนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ว่า นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเป็นประธานปิดงานสัมมนาหอการค้าฯ ที่เชียงใหม่หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน อ้างว่าอยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และกำลังรวบรวมข้อมูล ถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมาอยู่ เพราะมีทั้งเสียงสนับสนุน และคัดค้าน
**หอการค้าหาทางลงให้นายกฯ
กระทั่งช่วงบ่ายวานนี้ (26 พ.ย.) นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย ได้แถลงข่าว หลังจากประชุมกรรมการหอการค้าไทยและคณะกรรมการจัดงาน ว่า คณะกรรมการหอการค้าไทย มีมติร่วมกันจะทำหนังสือเสนอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการเดินทางไปร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ที่จ.เชียงใหม่ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งและความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งความปลอดภัยของตัวนายกรัฐมนตรี และผู้เข้าร่วมสัมมนา อีกทั้งการรักษาความปลอดภัย ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม การประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งนี้ จะยังเป็นกำหนดการเดิมคือประชุมระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย. ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 2,000-3,000 คน ส่วนข้อเสนอที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ จะสรุปให้นายกรัฐมนตรีรับทราบในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ เพราะตามกำหนดการเดิมนั้น นายกรัฐมนตรีแค่มาเข้าร่วมรับฟังผลสรุปจากการประชุมสัมมนาเท่านั้น
"จุดยืนของหอการค้าไทยคือ ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกในชาติ เพราะประเทศจะก้าวหน้าได้ ต้องใช้ความปรองดอง เพราะเป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ นอกจากเป็นการประชุมประจำปี ยังมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งการเลือกเชียงใหม่เป็นสถานที่จัดประชุมได้มีการคัดเลือกเมื่อ 2 ปีที่แล้วไม่ได้เพิ่งเลือก"
นายดุสิตกล่าวว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ไม่มีความชัดเจนต่อไป เป็นห่วงว่าหัวข้อการประชุมที่กำหนดขึ้น เช่น การกำหนดยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมของประเทศไทย การเตรียมความพร้อมการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก็จะถูกละเลย ทั้งที่เป็นหัวข้อมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ช่วงเย็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการหอการค้าไทยฯ ที่จะไม่เดินทางเข้าร่วมการประชุมที่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและมีความเสี่ยงที่อาจเกิดการปะทะขึ้นได้ หลังมีการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่กำลังปรับตัวดีขึ้น โดยที่ประชุมหอการค้าจะส่งรายงานผลการประชุมให้รับทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหากเดินทางไปร่วมการประชุมจะมีความปลอดภัย แต่เกรงจะเกิดปัญหาขึ้นได้หลังกลุ่มผู้ชุมนุมแสดงท่าทีชัดเจนว่าอาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้น พร้อมยืนยันว่า การที่ตนเองตั้งใจเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่นั้น ต้องการเยี่ยมเยือนชาวเชียงใหม่ไม่มีความคิดไปท้าทายหรือยั่วยุ ตนเองจะหาโอกาสอื่นในการเดินทางขึ้นไปรับฟังเรื่องต่างๆจากชาวเชียงใหม่ โดยรัฐบาล มั่นใจว่า สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จะไม่กลัวคำขู่ของกลุ่มบุคคลใด และเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการให้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สำหรับวันนี้ (27 พ.ย.) นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมและติดตามผลงานในโครงการต่างๆ รวมทั้ง จะมีการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม
**ยังไม่ยกเลิก พ.ร.บ.มั่นคง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค. 52 แม้แกนนำกลุ่มเสื้อแดงจะประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด ว่า จะยังคงตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเตรียมการเอาไว้ เพราะกลุ่มเสื้อแดงเปลี่ยนไป เปลี่ยนมาบ่อย ไว้ใจไม่ได้ และเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่เสียหายขึ้นในช่วงเวลานี้ ฉะนั้นต้องเตรียมพร้อมเอาไว้
" แต่ผมไม่ได้ให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาเตรียมพร้อมอยู่ในพื้นที่ทำเนียบฯ หรือรอบทำเนียบฯ หรือบนถนน เพียงแต่ให้มีความพร้อมที่จะเรียกมาปฏิบัติหน้าที่ได้ภายใน 4 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง แล้วแต่สถานที่ ซึ่งจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของสถานการณ์ในกรุงเทพฯมีผลอะไรกับนักท่องเที่ยว หรือนักลงทุน ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า กรุงเทพฯ ยังเป็นปกติดีอยู่ ไม่มีอะไร เพียงแต่ผมไม่ประมาทเท่านั้น"นายสุเทพกล่าว และว่า จะดูสถานการณ์ต่อไปก่อน เมื่อถึงวันประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า ก็จะรายงานว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ต้องดูกันไป ส่วนจะยกเลิกหรือไม่ ครม.จะเป็นผู้พิจารณา
“ประวิตร”เห็นด้วยนายกรัฐมนตรีควรงดไปเชียงใหม่ เกรงเกิดความวุ่นวายเชื่อนายกฯตัดสินใจเองได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า หากจะมีการยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงต้องนำเข้าหารือในที่ประชุม ครม. โดยฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินในที่ประชุมกอ.รมน. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ไปแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทในช่วงนี้ยังคงไว้ก่อน ซึ่งทางทหารก็ไม่ได้ทำอะไร ส่วนใหญ่ก็อยู่ในที่ตั้ง อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างเป็นไปตามที่กลุ่มนปช.ได้แถลงออกมาตามนั้น ก็ไม่น่า มีปัญหาอะไร
**"แม้ว"ปัดใช้ชื่อ"Takki Shinegra"
เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ (26 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ติดต่อสื่อสารกับกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านการส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ถึงการเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไปเป็นช่วงกลางเดือนธ.ค.โดยมีใจความว่า "ขอบคุณแกนนำเสื้อแดงที่เลื่อนชุมนุมให้เราได้มีสมาธิ ในการถวายพระพรในหลวง"
ต่อมาเวลา12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ twitter.com ถึงกรณีที่มีข่าวว่าได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ Takki Shinegra เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปประเทศต่างๆ โดยมีใจความว่า "วันนี้คุณสรยุทธ์ พูดในรายการว่า กระทรวงต่างประเทศตามจับผมยาก เพราะผมเปลี่ยนชื่อเป็น Takki Shinegra ถ้าพูดจริง แสดงว่าถึงภาวะตกต่ำสุดๆ ของกระทรวงต่างประเทศไทย คนอย่างผม เดินศูนย์การค้าประเทศไหนก็มีคนมาทัก เปลี่ยนชื่อไม่เกิดประโยชน์ และไม่มีความจำเป็น เรื่องของผมเป็นการเมือง ถูกทหารปฏิวัติ คนเห็นใจทั้งโลก ผมยังใช้ชื่อเดิม หน้าเดิม อย่าทะลึ่งบอกว่าผ่าตัดแปลงโฉม แปลงเพศอีกล่ะ เอ็งดันโง่ถอน passport แล้วจะไปมีสิทธิเหนือข้าได้ยังไง เมื่อไม่ใช่ passport ไทย"
**"พนิช"ยันมีข้อมูลการเปลี่ยนชื่อจริง
ด้านนายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่า ทางกระทรวงมีข้อมูลตรงกับที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ไปขอพาสปอร์ตจากประเทศอื่น แล้วเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของตัวเอง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณใช้พาสปอร์ตของประเทศอื่น อยากทำ หรือพูดอะไรก็พูดไป แต่อยากให้รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีพาสปอร์ตของประเทศไทย และไม่มีชื่อในสาระบบของไทยด้วย
**"ไอ้ตู่" กระทู้ถามเรื่องงบฯ มั่นคง
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสด ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค.ว่า การประกาศชุมนุมของคนเสื้อแดงได้กำหนดเวลาไว้ตั้งแต่งเที่ยงวันที่ 28 พ.ย. ถึง 6 โมงเช้าวันที่ 2 ธ.ค. แต่รัฐบาลกลับประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ครอบงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อรัฐบาลไม่ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ ตนก็เลยต้องเป็นฝ่ายประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไป
การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงรวม 6 ครั้ง มีข้อสงสัยเรื่องการใช้งบประมาณแตกต่างกัน เริ่มจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต มีการใช้งบฯ 250 ล้านบาท ไม่ทราบเป็นค่าใช้จ่ายอะไร มีคำถามตามมามากเรื่องการอมเบี้ยเลี้ยงทหาร ต่อมาประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้อีกจนมาถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 19 ต.ค. มีการนัดชุมนุมเพียงวันเดียว แต่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ตั้งแต่วันที่ 15-25 ต.ค. ซึ่งตนทราบว่าในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีการเบิกงบไป 10 ล้านบาท ภายในวันเดียว ส่วนทหารไม่ทราบใช้งบไปกี่ล้าน
นายจตุพร กล่าวว่า ต่อมาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่หัวหิน มีการใช้งบ 296 ล้าน ซื้อรถกันกระสุนอีก 20 คัน ใช้กำลังพล 18,000 นาย แล้วตอนนี้มีรองนายกฯ หรือรัฐมนตรี คนใดใช้บ้าง และในการประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ กทม.ใช้กำลัง 18,000 นาย เท่ากัน ขณะที่การชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น วันนี้ไม่มีใครเห็นว่าใช้งบกันอย่างไร เป็นการเบิกงบประมาณซ้ำซ้อนหรือไม่ รวมการใช้งบ 6 ครั้ง จะชี้แจงรายละเอียดอย่างไร
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า การจับกุมผู้ต้องหาที่ จ.เชียงใหม่ ว่าพบเป็นคลังแสงอาวุธ ความจริงเป็นร้านขายพลุ และรับจำนำปืน และ ไม่ใช่ระเบิดปิงปอง ส่วนปืน 8 กระบอก ก็มีคนมาจำนำไว้ ถามคนเสื้อแดงเชียงใหม่ก็บอกไม่รู้จักคนนี้ จึงเป็นการกล่าวเท็จทั้งสิ้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ที่อาจมีผลกรทบความมั่นคงภายในเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยเหตุผล รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เมื่อมีการฝ่าฝืน ก็ต้องดำเนินการ เพื่อปกป้องสุจริตชน แต่วิธีการใช้กฎหมายอาจต่างกัน เช่น ตอนนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ได้เลือกใช้ประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลชุดนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้ เลือกใช้ความพยายาม อดทนอดกลั้น มีการไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ให้นายกฯ เข้าไปทำงานได้ ตนจึงได้ไปจัดประชุมที่พัทยา และหัวหินบ้าง แต่กลับยิ่งฮึกเหิม ล้มแม้กระทั่งการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา เพราะความลำพอง ต่อมามีการปิดถนนในกทม. เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้ควบคุมสถานการณ์ และคุ้มครองผู้นำประเทศต่างๆ กลับแล้วยกเลิกการประกาศ
จากประสบการณ์ 2 ครั้งสำคัญ เป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ ไม่ปราศจากอาวุธ มีจุดประสงค์ทำให้เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง และประชาชน นอกจากนี้ได้นำบทเรียนจากการที่มีการยึดทำเนียบฯ เป็น 100 วัน แล้วเพิ่งมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มันใช้ไม่ได้ รัฐบาลนี้จึงนำพ.ร.บ.ความมั่นคงมาใช้ ขอยืนยันว่า เป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยหลักกฎหมาย ถุกต้องตามหลักนิติรัฐทุกประการ เพราะมีการประกาศจะชุมนุมใหญ่ เคลื่อนพลไปยังจุดชุมนุมต่างๆ จะมีผู้ชุมนุมเป็นล้านคน มาขับไล่รัฐบาล ปิดล้อมสถานที่สำคัญ เช่น ทำเนียบรัฐบาล บ้านสี่เสาเทเวศร์ ศาลรัฐธรรมนูญ สถานทูตกัมพูชา สำนักงานป.ป.ช. ถ้ามีมือที่ 3 เข้ามาก่อกวนไม่สามารถควบคุมฝูงชนได้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันดูแลรักษาคนบริสุทธิ์ที่ทำมาหากินโดยสุจริตไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน
**ชี้แจงค่าใช้จ่ายต่อสภาแล้ว
นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนการรายงานต่อสองสภาเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐบาลเตรียมอยู่แล้วและนำเสนอสภาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนครั้งที่ 4 ได้รายงานนายกฯ ทราบแล้ว อยู่ระหว่างรออนุมัติ และครั้งที่ 5 ที่ หัวหิน กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งนี้สภามีกมธ.สามัญติดตามการใช้จ่ายงบประมาณอยู่แล้ว ให้ทำหนังสือมาไม่มีปัญหา ตนชี้แจงได้ สามารถตรวจสอบได้ เรียกมาเมื่อไร ตนก็พร้อมไปชี้แจง เพราะเป็นการใช้ในค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นค่าใช้จ่ายตามปกติ
ส่วนเรื่องรถกันกระสุน ถ้าไม่ใช่พวกท่านก่อเรื่องขึ้นมาก็ไม่ต้องมี แต่ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ชนิดตั้งใจจะฆ่ากัน ทำให้ผู้นำต่างประเทศเห็นกลุ่มคนพวกนี้ก็ตกใจ จึงต้องมีรถกันกระสุนไว้รองรับ 16 ผู้นำประเทศ ตอนนี้ตนเอามาใช้ 1 คัน เพราะคนพวกนี้ทำได้ทุกอย่าง ตนก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า เรื่องคนต่างด้าว ตนไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา แต่ได้ตักเตือนว่าอย่าบังอาจเอาคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุมและเตือนเจ้าของกิจการทั้งหลายว่า อย่ามาสมคบเพราะจะถูกดำนินคดี ส่วนคนต่างด้าว จะเป็นคนเขมร หรือที่ไหนไม่ทราบ และตนไม่ได้พูดว่ามีการฝึกอาวุธกันที่ไหน แต่ถ้ารู้จะดำเนินการหมด และตนเฝ้าอยู่ รอจังหวะอยู่ทุกวัน ได้จังหวะเมื่อไร จะจับมาดำเนินคดีให้ดู ท่านระวังตัวให้ดี.
จากกรณีที่หอการค้าไทย จะจัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ และได้เชิญรัฐมนตรีไปร่วมสัมมนา รวมทั้งเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานปิดการสัมมนา ในวันที่ 29 พ.ย. ขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ ก็มีการปลุกระดมให้ประชาชนมาชุมนุมต่อต้านการเดินทางมาของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ ถึงขั้นมีการขู่จะเอาชีวิตผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนใน จ.เชียงใหม่ด้วย
ช่วงเช้าวานนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ว่า นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเป็นประธานปิดงานสัมมนาหอการค้าฯ ที่เชียงใหม่หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน อ้างว่าอยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และกำลังรวบรวมข้อมูล ถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมาอยู่ เพราะมีทั้งเสียงสนับสนุน และคัดค้าน
**หอการค้าหาทางลงให้นายกฯ
กระทั่งช่วงบ่ายวานนี้ (26 พ.ย.) นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย ได้แถลงข่าว หลังจากประชุมกรรมการหอการค้าไทยและคณะกรรมการจัดงาน ว่า คณะกรรมการหอการค้าไทย มีมติร่วมกันจะทำหนังสือเสนอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการเดินทางไปร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ที่จ.เชียงใหม่ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งและความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งความปลอดภัยของตัวนายกรัฐมนตรี และผู้เข้าร่วมสัมมนา อีกทั้งการรักษาความปลอดภัย ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม การประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งนี้ จะยังเป็นกำหนดการเดิมคือประชุมระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย. ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 2,000-3,000 คน ส่วนข้อเสนอที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ จะสรุปให้นายกรัฐมนตรีรับทราบในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ เพราะตามกำหนดการเดิมนั้น นายกรัฐมนตรีแค่มาเข้าร่วมรับฟังผลสรุปจากการประชุมสัมมนาเท่านั้น
"จุดยืนของหอการค้าไทยคือ ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกในชาติ เพราะประเทศจะก้าวหน้าได้ ต้องใช้ความปรองดอง เพราะเป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ นอกจากเป็นการประชุมประจำปี ยังมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งการเลือกเชียงใหม่เป็นสถานที่จัดประชุมได้มีการคัดเลือกเมื่อ 2 ปีที่แล้วไม่ได้เพิ่งเลือก"
นายดุสิตกล่าวว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ไม่มีความชัดเจนต่อไป เป็นห่วงว่าหัวข้อการประชุมที่กำหนดขึ้น เช่น การกำหนดยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมของประเทศไทย การเตรียมความพร้อมการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก็จะถูกละเลย ทั้งที่เป็นหัวข้อมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ช่วงเย็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการหอการค้าไทยฯ ที่จะไม่เดินทางเข้าร่วมการประชุมที่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและมีความเสี่ยงที่อาจเกิดการปะทะขึ้นได้ หลังมีการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่กำลังปรับตัวดีขึ้น โดยที่ประชุมหอการค้าจะส่งรายงานผลการประชุมให้รับทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหากเดินทางไปร่วมการประชุมจะมีความปลอดภัย แต่เกรงจะเกิดปัญหาขึ้นได้หลังกลุ่มผู้ชุมนุมแสดงท่าทีชัดเจนว่าอาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้น พร้อมยืนยันว่า การที่ตนเองตั้งใจเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่นั้น ต้องการเยี่ยมเยือนชาวเชียงใหม่ไม่มีความคิดไปท้าทายหรือยั่วยุ ตนเองจะหาโอกาสอื่นในการเดินทางขึ้นไปรับฟังเรื่องต่างๆจากชาวเชียงใหม่ โดยรัฐบาล มั่นใจว่า สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จะไม่กลัวคำขู่ของกลุ่มบุคคลใด และเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการให้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สำหรับวันนี้ (27 พ.ย.) นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมและติดตามผลงานในโครงการต่างๆ รวมทั้ง จะมีการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม
**ยังไม่ยกเลิก พ.ร.บ.มั่นคง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค. 52 แม้แกนนำกลุ่มเสื้อแดงจะประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด ว่า จะยังคงตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเตรียมการเอาไว้ เพราะกลุ่มเสื้อแดงเปลี่ยนไป เปลี่ยนมาบ่อย ไว้ใจไม่ได้ และเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่เสียหายขึ้นในช่วงเวลานี้ ฉะนั้นต้องเตรียมพร้อมเอาไว้
" แต่ผมไม่ได้ให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาเตรียมพร้อมอยู่ในพื้นที่ทำเนียบฯ หรือรอบทำเนียบฯ หรือบนถนน เพียงแต่ให้มีความพร้อมที่จะเรียกมาปฏิบัติหน้าที่ได้ภายใน 4 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง แล้วแต่สถานที่ ซึ่งจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของสถานการณ์ในกรุงเทพฯมีผลอะไรกับนักท่องเที่ยว หรือนักลงทุน ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า กรุงเทพฯ ยังเป็นปกติดีอยู่ ไม่มีอะไร เพียงแต่ผมไม่ประมาทเท่านั้น"นายสุเทพกล่าว และว่า จะดูสถานการณ์ต่อไปก่อน เมื่อถึงวันประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า ก็จะรายงานว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ต้องดูกันไป ส่วนจะยกเลิกหรือไม่ ครม.จะเป็นผู้พิจารณา
“ประวิตร”เห็นด้วยนายกรัฐมนตรีควรงดไปเชียงใหม่ เกรงเกิดความวุ่นวายเชื่อนายกฯตัดสินใจเองได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า หากจะมีการยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงต้องนำเข้าหารือในที่ประชุม ครม. โดยฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินในที่ประชุมกอ.รมน. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ไปแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทในช่วงนี้ยังคงไว้ก่อน ซึ่งทางทหารก็ไม่ได้ทำอะไร ส่วนใหญ่ก็อยู่ในที่ตั้ง อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างเป็นไปตามที่กลุ่มนปช.ได้แถลงออกมาตามนั้น ก็ไม่น่า มีปัญหาอะไร
**"แม้ว"ปัดใช้ชื่อ"Takki Shinegra"
เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ (26 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ติดต่อสื่อสารกับกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านการส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ถึงการเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไปเป็นช่วงกลางเดือนธ.ค.โดยมีใจความว่า "ขอบคุณแกนนำเสื้อแดงที่เลื่อนชุมนุมให้เราได้มีสมาธิ ในการถวายพระพรในหลวง"
ต่อมาเวลา12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ twitter.com ถึงกรณีที่มีข่าวว่าได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ Takki Shinegra เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปประเทศต่างๆ โดยมีใจความว่า "วันนี้คุณสรยุทธ์ พูดในรายการว่า กระทรวงต่างประเทศตามจับผมยาก เพราะผมเปลี่ยนชื่อเป็น Takki Shinegra ถ้าพูดจริง แสดงว่าถึงภาวะตกต่ำสุดๆ ของกระทรวงต่างประเทศไทย คนอย่างผม เดินศูนย์การค้าประเทศไหนก็มีคนมาทัก เปลี่ยนชื่อไม่เกิดประโยชน์ และไม่มีความจำเป็น เรื่องของผมเป็นการเมือง ถูกทหารปฏิวัติ คนเห็นใจทั้งโลก ผมยังใช้ชื่อเดิม หน้าเดิม อย่าทะลึ่งบอกว่าผ่าตัดแปลงโฉม แปลงเพศอีกล่ะ เอ็งดันโง่ถอน passport แล้วจะไปมีสิทธิเหนือข้าได้ยังไง เมื่อไม่ใช่ passport ไทย"
**"พนิช"ยันมีข้อมูลการเปลี่ยนชื่อจริง
ด้านนายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่า ทางกระทรวงมีข้อมูลตรงกับที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ไปขอพาสปอร์ตจากประเทศอื่น แล้วเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของตัวเอง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณใช้พาสปอร์ตของประเทศอื่น อยากทำ หรือพูดอะไรก็พูดไป แต่อยากให้รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีพาสปอร์ตของประเทศไทย และไม่มีชื่อในสาระบบของไทยด้วย
**"ไอ้ตู่" กระทู้ถามเรื่องงบฯ มั่นคง
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสด ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค.ว่า การประกาศชุมนุมของคนเสื้อแดงได้กำหนดเวลาไว้ตั้งแต่งเที่ยงวันที่ 28 พ.ย. ถึง 6 โมงเช้าวันที่ 2 ธ.ค. แต่รัฐบาลกลับประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ครอบงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อรัฐบาลไม่ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ ตนก็เลยต้องเป็นฝ่ายประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไป
การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงรวม 6 ครั้ง มีข้อสงสัยเรื่องการใช้งบประมาณแตกต่างกัน เริ่มจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต มีการใช้งบฯ 250 ล้านบาท ไม่ทราบเป็นค่าใช้จ่ายอะไร มีคำถามตามมามากเรื่องการอมเบี้ยเลี้ยงทหาร ต่อมาประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้อีกจนมาถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 19 ต.ค. มีการนัดชุมนุมเพียงวันเดียว แต่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ตั้งแต่วันที่ 15-25 ต.ค. ซึ่งตนทราบว่าในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีการเบิกงบไป 10 ล้านบาท ภายในวันเดียว ส่วนทหารไม่ทราบใช้งบไปกี่ล้าน
นายจตุพร กล่าวว่า ต่อมาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่หัวหิน มีการใช้งบ 296 ล้าน ซื้อรถกันกระสุนอีก 20 คัน ใช้กำลังพล 18,000 นาย แล้วตอนนี้มีรองนายกฯ หรือรัฐมนตรี คนใดใช้บ้าง และในการประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ กทม.ใช้กำลัง 18,000 นาย เท่ากัน ขณะที่การชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น วันนี้ไม่มีใครเห็นว่าใช้งบกันอย่างไร เป็นการเบิกงบประมาณซ้ำซ้อนหรือไม่ รวมการใช้งบ 6 ครั้ง จะชี้แจงรายละเอียดอย่างไร
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า การจับกุมผู้ต้องหาที่ จ.เชียงใหม่ ว่าพบเป็นคลังแสงอาวุธ ความจริงเป็นร้านขายพลุ และรับจำนำปืน และ ไม่ใช่ระเบิดปิงปอง ส่วนปืน 8 กระบอก ก็มีคนมาจำนำไว้ ถามคนเสื้อแดงเชียงใหม่ก็บอกไม่รู้จักคนนี้ จึงเป็นการกล่าวเท็จทั้งสิ้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ที่อาจมีผลกรทบความมั่นคงภายในเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยเหตุผล รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เมื่อมีการฝ่าฝืน ก็ต้องดำเนินการ เพื่อปกป้องสุจริตชน แต่วิธีการใช้กฎหมายอาจต่างกัน เช่น ตอนนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ได้เลือกใช้ประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลชุดนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้ เลือกใช้ความพยายาม อดทนอดกลั้น มีการไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ให้นายกฯ เข้าไปทำงานได้ ตนจึงได้ไปจัดประชุมที่พัทยา และหัวหินบ้าง แต่กลับยิ่งฮึกเหิม ล้มแม้กระทั่งการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา เพราะความลำพอง ต่อมามีการปิดถนนในกทม. เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้ควบคุมสถานการณ์ และคุ้มครองผู้นำประเทศต่างๆ กลับแล้วยกเลิกการประกาศ
จากประสบการณ์ 2 ครั้งสำคัญ เป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ ไม่ปราศจากอาวุธ มีจุดประสงค์ทำให้เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง และประชาชน นอกจากนี้ได้นำบทเรียนจากการที่มีการยึดทำเนียบฯ เป็น 100 วัน แล้วเพิ่งมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มันใช้ไม่ได้ รัฐบาลนี้จึงนำพ.ร.บ.ความมั่นคงมาใช้ ขอยืนยันว่า เป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยหลักกฎหมาย ถุกต้องตามหลักนิติรัฐทุกประการ เพราะมีการประกาศจะชุมนุมใหญ่ เคลื่อนพลไปยังจุดชุมนุมต่างๆ จะมีผู้ชุมนุมเป็นล้านคน มาขับไล่รัฐบาล ปิดล้อมสถานที่สำคัญ เช่น ทำเนียบรัฐบาล บ้านสี่เสาเทเวศร์ ศาลรัฐธรรมนูญ สถานทูตกัมพูชา สำนักงานป.ป.ช. ถ้ามีมือที่ 3 เข้ามาก่อกวนไม่สามารถควบคุมฝูงชนได้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันดูแลรักษาคนบริสุทธิ์ที่ทำมาหากินโดยสุจริตไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน
**ชี้แจงค่าใช้จ่ายต่อสภาแล้ว
นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนการรายงานต่อสองสภาเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐบาลเตรียมอยู่แล้วและนำเสนอสภาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนครั้งที่ 4 ได้รายงานนายกฯ ทราบแล้ว อยู่ระหว่างรออนุมัติ และครั้งที่ 5 ที่ หัวหิน กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งนี้สภามีกมธ.สามัญติดตามการใช้จ่ายงบประมาณอยู่แล้ว ให้ทำหนังสือมาไม่มีปัญหา ตนชี้แจงได้ สามารถตรวจสอบได้ เรียกมาเมื่อไร ตนก็พร้อมไปชี้แจง เพราะเป็นการใช้ในค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นค่าใช้จ่ายตามปกติ
ส่วนเรื่องรถกันกระสุน ถ้าไม่ใช่พวกท่านก่อเรื่องขึ้นมาก็ไม่ต้องมี แต่ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ชนิดตั้งใจจะฆ่ากัน ทำให้ผู้นำต่างประเทศเห็นกลุ่มคนพวกนี้ก็ตกใจ จึงต้องมีรถกันกระสุนไว้รองรับ 16 ผู้นำประเทศ ตอนนี้ตนเอามาใช้ 1 คัน เพราะคนพวกนี้ทำได้ทุกอย่าง ตนก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า เรื่องคนต่างด้าว ตนไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา แต่ได้ตักเตือนว่าอย่าบังอาจเอาคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุมและเตือนเจ้าของกิจการทั้งหลายว่า อย่ามาสมคบเพราะจะถูกดำนินคดี ส่วนคนต่างด้าว จะเป็นคนเขมร หรือที่ไหนไม่ทราบ และตนไม่ได้พูดว่ามีการฝึกอาวุธกันที่ไหน แต่ถ้ารู้จะดำเนินการหมด และตนเฝ้าอยู่ รอจังหวะอยู่ทุกวัน ได้จังหวะเมื่อไร จะจับมาดำเนินคดีให้ดู ท่านระวังตัวให้ดี.