นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนส.ส.พรรคเพื่อไทยประมาณ 40-50 คน เพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ดูไบ โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้บอกให้ส.ส. เร่งติดตามการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะเรื่องการทุจริต เรื่องงานประมูลต่างๆ เพราะท่านรู้ว่าบริษัทต่างๆ นั้นต้องจ่ายก่อน 20-30 % โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะได้งานหรือไม่
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังให้ติดตามการใช้งบของรัฐบาลด้วย เช่น การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่แต่ละครั้งจะต้องใช้งบประมาณ 200 กว่าล้านบาท ดังนั้นให้ส.ส.เตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้เผื่ออาจจะได้ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายประชา กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ด้วยว่า รัฐบาลจะต้องเจอปัญหาอย่างหนักในปีหน้าจนรัฐบาลอยู่ไม่ได้ เพราะ 1.รัฐบาลจะต้องเจอกับแรงกดดันจากปัญหาต่างๆ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ จนต้องยุบสภาในที่สุด 2.หากไม่ยุบสภารัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้เพราะความแตกแยก ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนขั้วหันมาสนับสนุนฝ่ายค้านเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
3.ถ้ารัฐบาลยังอยู่ได้อีกก็จะเจอกับเกมกดดันต่างๆ ซึ่งจะทำให้ฝ่ายอำมาตย์ ที่มีอำนาจดำเนินการล้มกระดานแล้วเริ่มกันใหม่ และ 4.หากรัฐบาลยังรอดอยู่ได้ก็จะเจอฝ่ายค้านจับรัฐบาลแก้ผ้าในสภาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้ส.ส.เตรียมข้อมูลไว้ เพื่อให้ประชาชนรู้ไปเลยว่าบริหารประเทศผิดพลาดอย่างไร และไม่สมควรไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สำหรับการเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นอกจากจะมีส.ส.ของพรรคเพื่อไทยแล้วยังมีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนบางส่วนเดินทางไปหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของการหารือนั้นเป็นการหารือถึงยุทธศาสตร์ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยพ.ต.ท.ทักษิณเห็นด้วยที่จะมีการเคลื่อนไหว ต่างๆ แต่ต้องการผ่านการหารือกันในหลายส่วน ทั้งแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะการเคลื่อนไหวที่ผ่านมานั้นเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดความผิดพลาด โดยเฉพาะกรณีที่ 3 เกลอประกาศชุมนุมในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ทำให้เกิดกระแสตีกลับ เกิดการต่อต้านมายังกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งจากนี้ไปจะต้องหารือกันหลายส่วนเพื่อประเมินเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา และเพื่อไม่ให้รัฐบาลจับทางและแก้เกมได้ถูก
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังยอมรับด้วยว่าปัญหาการถูกโจมตี เรื่องความจงรักภักดีนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังแก้ไม่ตก เพราะไม่มีทีมที่มีกลยุทธ์ที่ดี ในการตอบโต้หรือชี้แจงให้สังคมส่วนใหญ่เข้าใจ รวมทั้งการตอบโต้ในประเด็นอื่นๆ ด้วย ทำให้รัฐบาลนำมาเป็นข้อได้เปรียบกลับมาเล่นงานคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับด้านยุทธศาสตร์การรบของคนเสื้อแดงนั้นจะต้องดำเนิน ต่อไปไม่ให้ขาดตอน แต่จะเน้นที่การเจรจา ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ในส่วนของบ้านเลขที่ 111 ช่วยประสานเจรจากับเบื้องบน ซึ่งได้รับสัญญาณที่ดี โดยมีเงื่อนไขตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องรับโทษ ส่วนในคดีต่างๆ รวมถึงการยึดทรัพย์นั้นให้พิจารณา ตามความเหมาะสม จากนั้นให้เลิกแล้วต่อกัน ส่วนรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมก็ไม่ว่าอะไร แต่หลังจากอยู่ครบเทอมแล้ว จะจัดให้มีการเลือกตั้งตามปกติ ส่วนแพ้หรือชนะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังให้ติดตามการใช้งบของรัฐบาลด้วย เช่น การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่แต่ละครั้งจะต้องใช้งบประมาณ 200 กว่าล้านบาท ดังนั้นให้ส.ส.เตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้เผื่ออาจจะได้ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายประชา กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ด้วยว่า รัฐบาลจะต้องเจอปัญหาอย่างหนักในปีหน้าจนรัฐบาลอยู่ไม่ได้ เพราะ 1.รัฐบาลจะต้องเจอกับแรงกดดันจากปัญหาต่างๆ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ จนต้องยุบสภาในที่สุด 2.หากไม่ยุบสภารัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้เพราะความแตกแยก ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนขั้วหันมาสนับสนุนฝ่ายค้านเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
3.ถ้ารัฐบาลยังอยู่ได้อีกก็จะเจอกับเกมกดดันต่างๆ ซึ่งจะทำให้ฝ่ายอำมาตย์ ที่มีอำนาจดำเนินการล้มกระดานแล้วเริ่มกันใหม่ และ 4.หากรัฐบาลยังรอดอยู่ได้ก็จะเจอฝ่ายค้านจับรัฐบาลแก้ผ้าในสภาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้ส.ส.เตรียมข้อมูลไว้ เพื่อให้ประชาชนรู้ไปเลยว่าบริหารประเทศผิดพลาดอย่างไร และไม่สมควรไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สำหรับการเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นอกจากจะมีส.ส.ของพรรคเพื่อไทยแล้วยังมีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนบางส่วนเดินทางไปหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของการหารือนั้นเป็นการหารือถึงยุทธศาสตร์ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยพ.ต.ท.ทักษิณเห็นด้วยที่จะมีการเคลื่อนไหว ต่างๆ แต่ต้องการผ่านการหารือกันในหลายส่วน ทั้งแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะการเคลื่อนไหวที่ผ่านมานั้นเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดความผิดพลาด โดยเฉพาะกรณีที่ 3 เกลอประกาศชุมนุมในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ทำให้เกิดกระแสตีกลับ เกิดการต่อต้านมายังกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งจากนี้ไปจะต้องหารือกันหลายส่วนเพื่อประเมินเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา และเพื่อไม่ให้รัฐบาลจับทางและแก้เกมได้ถูก
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังยอมรับด้วยว่าปัญหาการถูกโจมตี เรื่องความจงรักภักดีนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังแก้ไม่ตก เพราะไม่มีทีมที่มีกลยุทธ์ที่ดี ในการตอบโต้หรือชี้แจงให้สังคมส่วนใหญ่เข้าใจ รวมทั้งการตอบโต้ในประเด็นอื่นๆ ด้วย ทำให้รัฐบาลนำมาเป็นข้อได้เปรียบกลับมาเล่นงานคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับด้านยุทธศาสตร์การรบของคนเสื้อแดงนั้นจะต้องดำเนิน ต่อไปไม่ให้ขาดตอน แต่จะเน้นที่การเจรจา ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ในส่วนของบ้านเลขที่ 111 ช่วยประสานเจรจากับเบื้องบน ซึ่งได้รับสัญญาณที่ดี โดยมีเงื่อนไขตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องรับโทษ ส่วนในคดีต่างๆ รวมถึงการยึดทรัพย์นั้นให้พิจารณา ตามความเหมาะสม จากนั้นให้เลิกแล้วต่อกัน ส่วนรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมก็ไม่ว่าอะไร แต่หลังจากอยู่ครบเทอมแล้ว จะจัดให้มีการเลือกตั้งตามปกติ ส่วนแพ้หรือชนะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ