ศูนย์ข่าวขอนแก่น- ศาลอุทธรณ์จังหวัดขอนแก่นพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องอดีตผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรีนพีซ หลังถูกกรมวิชาการเกษตรแจ้งความดำเนินคดีบุกรุก ลักทรัพย์และทำลายทรัพย์สินในสถานที่ราชการเมื่อปี 2547 กรณีกรีนพีซเข้าไปตรวจสอบสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ส่วนแยกพืชสวน ต.ท่าพระ จ.ขอนแก่นและเปิดโปงว่ากรมวิชาการเกษตรเป็นต้นเหตุแพร่กระจายมะละกอจีเอ็มโอไปยังไร่นาเกษตร
วานนี้ ( 24 พ.ย.2552) ศาลอุทธรณ์จังหวัดขอนแก่น พิพากษาคดีกรมวิชาการเกษตรแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรีนพีซ เพื่อดำเนินคดีทางอาญาข้อกล่าวหาบุกรุก ลักทรัพย์สถานที่ราชการและทำลายทรัพย์สินในสถานที่ราชการเมื่อปี 2547 เมื่อกรีนพีซเข้าไปตรวจสอบสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ส่วนแยกพืชสวน ต.ท่าพระ จ.ขอนแก่น พร้อมเปิดโปงว่ากรมวิชาการเกษตรเป็นต้นเหตุแพร่กระจายมะละกอจีเอ็มโอออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม ไปสู่แปลงเพาะปลูกของเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม และให้ตรวจสอบมะละกอในพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรซ้ำทั้งหมด
ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นจังหวัดขอนแก่นพิพากษาคดีดังกล่าวเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2551 ศาลพิจารณาว่า พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ คือกรมวิชาการเกษตรและพฤติการณ์ในทางคดีรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยร่วมบุกรุก และข้อหาลักทรัพย์มีเหตุน่าสงสัย จึงยกประโยชน์ให้จำเลย ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพิพากษาคดียืนตามศาลชั้นต้น
น.ส.ณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาว่า จากคำพิพากษาทำให้เห็นว่าประชาชนและองค์กรต่างๆ มีสิทธิ์ปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามอดีตผู้บริหารกรีนพีซจะพ้นผิด แต่ทางกรีนพีซยังต้องรักษาจุดยืนในการรณรงค์เรียกร้องให้กรมวิชาการเกษตรหยุดการทดลองพืชจีเอ็มโอทุกชนิดในแปลงเปิดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากยังมีงานวิจัยพืชจีเอ็มโอของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการ โดยที่ยากต่อการตรวจสอบ
ทางกรีนพีซจึงอยากกระตุ้นให้ประชาชนแสดงสิทธิ์ของตนในการขอรับรู้และตรวจสอบรัฐ ว่ากำลังมีการทดลองพืชจีเอ็มโอชนิดใด สถานที่ใด เพราะงานทดลองลักษณะนี้ไม่ควรเป็นความลับกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาแม้เป็นการทดลองในแปลงปิด หรือห้องทดลองเรือนกระจกยังสามารถเล็ดลอดออกมาปนเปื้อนในไร่นาของเกษตรกรได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อการบริโภคของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
วานนี้ ( 24 พ.ย.2552) ศาลอุทธรณ์จังหวัดขอนแก่น พิพากษาคดีกรมวิชาการเกษตรแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรีนพีซ เพื่อดำเนินคดีทางอาญาข้อกล่าวหาบุกรุก ลักทรัพย์สถานที่ราชการและทำลายทรัพย์สินในสถานที่ราชการเมื่อปี 2547 เมื่อกรีนพีซเข้าไปตรวจสอบสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ส่วนแยกพืชสวน ต.ท่าพระ จ.ขอนแก่น พร้อมเปิดโปงว่ากรมวิชาการเกษตรเป็นต้นเหตุแพร่กระจายมะละกอจีเอ็มโอออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม ไปสู่แปลงเพาะปลูกของเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม และให้ตรวจสอบมะละกอในพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรซ้ำทั้งหมด
ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นจังหวัดขอนแก่นพิพากษาคดีดังกล่าวเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2551 ศาลพิจารณาว่า พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ คือกรมวิชาการเกษตรและพฤติการณ์ในทางคดีรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยร่วมบุกรุก และข้อหาลักทรัพย์มีเหตุน่าสงสัย จึงยกประโยชน์ให้จำเลย ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพิพากษาคดียืนตามศาลชั้นต้น
น.ส.ณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาว่า จากคำพิพากษาทำให้เห็นว่าประชาชนและองค์กรต่างๆ มีสิทธิ์ปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามอดีตผู้บริหารกรีนพีซจะพ้นผิด แต่ทางกรีนพีซยังต้องรักษาจุดยืนในการรณรงค์เรียกร้องให้กรมวิชาการเกษตรหยุดการทดลองพืชจีเอ็มโอทุกชนิดในแปลงเปิดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากยังมีงานวิจัยพืชจีเอ็มโอของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการ โดยที่ยากต่อการตรวจสอบ
ทางกรีนพีซจึงอยากกระตุ้นให้ประชาชนแสดงสิทธิ์ของตนในการขอรับรู้และตรวจสอบรัฐ ว่ากำลังมีการทดลองพืชจีเอ็มโอชนิดใด สถานที่ใด เพราะงานทดลองลักษณะนี้ไม่ควรเป็นความลับกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาแม้เป็นการทดลองในแปลงปิด หรือห้องทดลองเรือนกระจกยังสามารถเล็ดลอดออกมาปนเปื้อนในไร่นาของเกษตรกรได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อการบริโภคของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม