xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกส่งสัญญาณพ้นโคม่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นที่จับตามองกันอย่างมากว่าตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนต.ค.2552 จะออกมาติดลบมากหรือติดลบน้อย หรือจะดีถึงขั้นที่ว่ากลับมาเป็นบวกได้หรือไม่ เพราะการส่งออกของไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ ที่มูลค่าการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น อัตราการขยายตัวเริ่มติดลบน้อยลง จากเมื่อช่วงต้นปีที่การขยายตัวติดลบในในระดับตัวเลข 2 หลัก หรือมากกว่า 20% ขึ้นไป
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศตัวเลขการส่งออกในเดือนต.ค.2552 อย่างเป็นทางการ ตัวเลขปรากฎออกมาเป็นไปอย่างที่คาด โดยสามารถส่งออกได้มูลค่า 14,813 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวติดลบเหลือเพียง 3% เป็นอัตราการขยายตัวติดลบที่ต่ำสุดในรอบปี และลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.2552
ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 13,050 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 17.5% เมื่อเทียบเดียวเดียวกันของปีก่อน และมีดุลการค้าเกินดุล 1,763 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการส่งออกในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่ารวม 124,114 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้ามีมูลค่า 106,594 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 31.2% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 17,520 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อดูเป็นรายสินค้าพบว่า สินค้าเกษตรสำคัญในเดือนต.ค.นี้ ส่งออกได้มูลค่า 2,424 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.4% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 8.1% เทียบเดือนก.ย.2552 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ที่ส่งออกลดลง เช่น ยางพารา ผักผลไม้สดแช่แข็ง กระป๋อง ไก่ สินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกมูลค่า 9,963 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน และลดลง 4.9% เมื่อเทียบเดือนก.ย.2552 โดยสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ ทองคำ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เภสัช ส่วนที่ลดลง เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วนที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณี สำหรับสินค้าอื่นๆ ส่งออกมูลค่า 2,425 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 8.3% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่ม 11% จากเดือนก.ย.2552
ขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญปรับตัวดีขึ้นทั้งตลาดหลัก และตลาดใหม่ โดยตลาดหลัก ลดลงเพียง 8.8% เป็นการปรับตัวดีขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะสหรัฐฯ และอาเซียน (5) ที่ลดลงเพียง 2.5% และ 5.9% ตามลำดับ ส่วนตลาดใหม่ เพิ่มขึ้น 3.2% เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยออสเตรเลีย เพิ่ม 34.8% จีน เพิ่ม 2.1% ฮ่องกง เพิ่ม 23.6% ไต้หวัน เพิ่ม 15.4% อินเดีย เพิ่ม 2.4% และอินโดจีน เพิ่ม 7.6%
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา และคาดว่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะยังคงมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจและการค้าของตลาดส่งออกสำคัญเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ประกอบกับสต๊อกผู้นำเข้าที่ลดลง ทำให้หันกลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม เพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ส่งผลให้การส่งออกปรับเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า
“ช่วง 2 เดือนสุดท้ายปี 2552 คาดว่าการส่งออกจะยังคงมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นบวกได้ค่อนข้างสูง มีผลทำให้ทั้งปี 2552 การส่งออกจะลดลงประมาณ 13-15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 154-151 พันล้านเหรียญสหรัฐ”นางพรทิวากล่าว
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ได้แก่ 1.ผลสำเร็จจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ 2.ผู้นำเข้าเริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้าอีกครั้งเพื่อทดแทนสต๊อกที่ลดลง และเพื่อรองรับความต้องการในช่วงเทศกาลปลายปี 3.ผู้ประกอบการไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อสนใจซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น 4.สินค้าจีนประสบปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า จึงเป็นโอกาสของสินค้าไทย 5.ความพยายามในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการและผู้ส่งออก 6.ฐานตัวเลขเดือนพ.ย.และธ.ค.2551 ค่อนข้างต่ำ
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัว ได้แก่ 1.แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐ๙กิจของตลาดส่งออกสำคัญยังมีความเปราะบาง 2.แนวโน้มราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น 3.ความไม่มีเสถียรภาพของค่าเงินบาท 4.ความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาให้ผู้ส่งออก 5.ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
เหลือเวลาอีก 2 เดือนที่จะวัดผลว่าการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้จะขยายตัวติดลบมากน้อยแค่ไหน จะสามารถหักปากกาเซียนลงได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยันว่าการส่งออกทั้งปีแม้จะติดลบอยู่ การติดลบจะลดลงมาเหลือแค่ติดลบ 13% ถึงติดลบ 15% เท่านั้น ส่วนในปีหน้า เชื่อว่าการส่งออกจะขยายตัวเป็นบวกได้ โดยจะบวกในระดับ 10-15% อย่างแน่นอน หากไม่มีเหตุการณ์อะไรพลิกผัน และทำให้การส่งออกต้องสะดุด
กำลังโหลดความคิดเห็น