ASTVผู้จัดการรายวัน - นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า ครั้งนี้ได้ใช้งบประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาทคือ 945 ล้านบาท ในการจัดงาน “มิดไนท์เซล” 75 ล้านบาท และ “เลทเซเลเบรท” 870 ล้านบาท เป็นงบที่เพิ่มขึ้นสำหรับ 2 รายการนี้จากปีที่แล้ว 20% และคาดหวังยอดขายทั้ง 2 งานรวมกว่า 8,600 ล้านบาท แบ่งเป็น มิดไนท์เซล 750 ล้านบาท และเลทเซเลเบรท 7,850 ล้านบาท จากปีที่แล้วทำได้รวม 7,500 ล้านบาท
“ครั้งนี้เราให้สิทธิพิเศษกับลูกค้ามากที่สุด คือ สินค้าเคาน์เตอร์ปรกติลด 10-30% และสินค้าคุณภาพลดสูงสุด 70% และยังได้รับส่วนลดจากรายการเลทเซเลเบรท สูงสุดถึง 50% สามารถนำคะแนนสะสมเดอะวันการ์ด 100 คะแนน แลกสติ๊กเกอร์สะสมได้ 1 ดวง เพื่อรับส่วนลดซื้อสินค้าครั้งต่อไป “
สำหรับแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายนี้คาดว่า บริษัทฯน่าจะเติบโตมากกว่า 7%และเชื่อว่าภาพรวมบริษัทฯจะเติบโตมากกว่า 5% หรือทำยอดขายเฉพาะห้างสรรพสินค้าอย่างเดียว 27,000 ล้านบาท (ไม่นับรวม ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย บีทูเอส ) ขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 2 เติบโตขึ้น 5% และไตรมาสที่สามเราเติบโต 7% ทั้งนี้สินค้าที่ขายดีที่สุดคือ กลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาคือสินค้าแฟชั่น โดยช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาชอปปิ้งทุกสาขาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นที่ 10%
สำหรับการตั้งเป้าหมายจีดีพี เพื่อไปในทิศทางเดียวกันกับการตั้งเป้าจีดีพีของประเทศไทยนั้น นางสาวปิยวรรณมองว่า จากการที่กระทรวงการคลังประกาศตัวเลขจีดีพีในไตรมาสแรกว่า สิ้นปีนี้จะลดลง 4-4.5% แต่ล่าสุด ได้มีการประกาศตัวเลขใหม่ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีค่าจีดีพีอยู่ที่ 3% ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันซึ่งเป็นตัวเลขบวกขึ้นมา 2% รวมทั้งเห็นสัญญาณดีว่าโรงแรมมียอดจองจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น การส่งออกก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามปีหน้าห้างเซ็นทรัลจะไม่มีการขยายสาขาใหม่ในประเทศ แต่จะมีการขยายสาขาในต่างประเทศ คือ หังโจว ประเทศจีน ช่วงปลายเดือนเมษายน และคาดว่าสาขาที่ทำยอดขายได้ดีคือ ชิดลม ลาดพร้าว บางนา ปิ่นเกล้า ตามลำดับ โดยยอดการซื้อสินค้าต่อรายของลูกค้า ไตรมาสแรกเฉลี่ย 1,800-2,500 บาท ไตรมาสที่สามเฉลี่ย 2,000-2,800 บาท คาดว่ามิดไนท์เซลเฉลี่ยแล้วจะเพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อราย
“ครั้งนี้เราให้สิทธิพิเศษกับลูกค้ามากที่สุด คือ สินค้าเคาน์เตอร์ปรกติลด 10-30% และสินค้าคุณภาพลดสูงสุด 70% และยังได้รับส่วนลดจากรายการเลทเซเลเบรท สูงสุดถึง 50% สามารถนำคะแนนสะสมเดอะวันการ์ด 100 คะแนน แลกสติ๊กเกอร์สะสมได้ 1 ดวง เพื่อรับส่วนลดซื้อสินค้าครั้งต่อไป “
สำหรับแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายนี้คาดว่า บริษัทฯน่าจะเติบโตมากกว่า 7%และเชื่อว่าภาพรวมบริษัทฯจะเติบโตมากกว่า 5% หรือทำยอดขายเฉพาะห้างสรรพสินค้าอย่างเดียว 27,000 ล้านบาท (ไม่นับรวม ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย บีทูเอส ) ขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 2 เติบโตขึ้น 5% และไตรมาสที่สามเราเติบโต 7% ทั้งนี้สินค้าที่ขายดีที่สุดคือ กลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาคือสินค้าแฟชั่น โดยช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาชอปปิ้งทุกสาขาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นที่ 10%
สำหรับการตั้งเป้าหมายจีดีพี เพื่อไปในทิศทางเดียวกันกับการตั้งเป้าจีดีพีของประเทศไทยนั้น นางสาวปิยวรรณมองว่า จากการที่กระทรวงการคลังประกาศตัวเลขจีดีพีในไตรมาสแรกว่า สิ้นปีนี้จะลดลง 4-4.5% แต่ล่าสุด ได้มีการประกาศตัวเลขใหม่ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีค่าจีดีพีอยู่ที่ 3% ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันซึ่งเป็นตัวเลขบวกขึ้นมา 2% รวมทั้งเห็นสัญญาณดีว่าโรงแรมมียอดจองจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น การส่งออกก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามปีหน้าห้างเซ็นทรัลจะไม่มีการขยายสาขาใหม่ในประเทศ แต่จะมีการขยายสาขาในต่างประเทศ คือ หังโจว ประเทศจีน ช่วงปลายเดือนเมษายน และคาดว่าสาขาที่ทำยอดขายได้ดีคือ ชิดลม ลาดพร้าว บางนา ปิ่นเกล้า ตามลำดับ โดยยอดการซื้อสินค้าต่อรายของลูกค้า ไตรมาสแรกเฉลี่ย 1,800-2,500 บาท ไตรมาสที่สามเฉลี่ย 2,000-2,800 บาท คาดว่ามิดไนท์เซลเฉลี่ยแล้วจะเพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อราย