"มาร์ค"ไม่หวั่นถูกหางแดงขู่ฆ่า ลั่นแอ่วเชียงใหม่ตามคำเชิญเอกชน ย้ำทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเพื่อเรียกความเชื่อมั่น กำชับจนท.จับไม่ไว้หน้า ตัวป่วนที่มีคดีติดตัว ด้านรองพ่อเมืองเชียงใหม่ ขออนุมัติศาลออกหมายจับ"เพชรวรรต" ฐานปากมอมขู่ฆ่านายกฯวันนี้ ส่วน"สาทิตย์"จ้องเชือด"วิทยุแดง"กว่า 20 สถานี
วานนี้(22 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ว่า จริงๆ แล้วที่ผ่านมาก็เดินทางไปหลายพื้นที่ ก็เรียบร้อยดี แต่ที่จ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีการไปประกาศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการเข้มงวดกวดขันกัน และอยากจะย้ำว่ากิจกรรมที่ไปเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเขามีความต้องการมากที่จะเห็นความเชื่อมั่นเกิดขึ้น ฉะนั้นอยากจะเชิญชวนว่าทุกฝ่ายให้โอกาสกับเชียงใหม่ ให้โอกาสกับประเทศไทย ในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นตรงนี้ การที่จะไปทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายอะไรขึ้นมา ไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย และคนที่จะเดือดร้อนที่สุดคือคนเชียงใหม่ และพี่น้องประชาชนเอง ฉะนั้น อยากให้ทบทวน ใครที่คิดว่าจะไปทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าจะไปแสดงออกเฉยๆ ก็ไปได้ เป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพก็ดำเนินการไป
ยังไม่เสนอใช้ พ.ร.บ.มั่นคงที่เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ เพราะตรงกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการเสนอตรงนี้ แต่ในการประชุม ครม.อังคารที่ 24 พ.ย.นี้ จะต้องพิจารณาในภาพรวมอยู่แล้วว่าจะประกาศที่ไหน อย่างไร หรือไม่ เมื่อถามว่าเบื้องต้นที่ จ.เชียงใหม่ มีการข่าวรายงานอะไรหรือไม่ เพราะเห็นว่ามีการส่งทีมไปเจรจากับแกนนำในพื้นที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงกลุ่มคนที่ออกอากาศไป โดยพูดผ่านวิทยุชุมชนเป็นกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับคีดเดิมอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการ
เมื่อถามว่า มีการปลุกระดมใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ให้มารวมตัวกันหวังฌาปนกิจนายกฯ หรือไม่ก็ให้พิการ ไม่ต้องมาที่กรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอยากเรียนว่าหากพูดถึงการเรียกร้องประชาธิปไตยไม่มีนักประชาธิปไตยที่ไหนใช้วิธีการแบบนี้ ฉะนั้นมันไม่น่าจะเป็นผลดี และมีคนจำนวนมากที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย ก็มีเหตุมีผลอยู่ แต่การที่จะไปทำอะไรอย่างนี้ ทำให้ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหายกับทุกฝ่าย
ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าหากมีการลอบทำร้ายนายกฯ จะไม่ใช่ฝีมือของคนเสื้อแดง และคนพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ช่วยไปห้ามคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเคลื่อนไหวของพวกนั้นสิ เพราะมีการแสดงออกโดยเปิดเผยอยู่แล้วว่า เป็นกลุ่มคนเดียวกัน
เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจะโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ในครั้งนี้ แม้แต่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ยังออกมาระบุว่า อย่าเผลอ อาจมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงหากเป็นไปตามกระบวนการของสภาฯไม่มีปัญหา แต่หากเป็นวิธีการอื่น ก็ไม่ใช่วิธีการที่ควรจะได้รับการสนับสนุน
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ ตนมีหน้าที่ทำงาน และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ฉะนั้นจะเดินหน้าทำไป หน้าที่ของรัฐบาลคือ ดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย และรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาของประชาชน และงานนี้ภาคเอกชนเขาต้องการให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนจะไปช่วยให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อถามว่า แสดงว่าในวันที่ 29 พ.ย.นี้ นายกฯ มีความตั้งใจที่จะไป จ.เชียงใหม่ แต่จะไปหรือไม่ ต้องดูที่การข่าวรายงานด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา น่าจะไปได้ เมื่อถามว่าในวันที่ 28 พ.ย.นี้ คิดว่าคนเสื้อแดงจะปิดถนน ป่วนเมือง เหมือนช่วงเดือนเมษายนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าทำผิดกฏหมาย หากทำผิดกฏหมายก็ต้องเข้มงวดกวดขันกัน การเคลื่อนไหวที่ผิดกฏหมาย ไม่ใช่การเคลื่อนไหวในวิถีทางประชาธิปไตย
ขออนุมัติจับเพชรวรรตวันนี้
นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผวจ.เชียงใหม่ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอขออนุมัติศาล จ.เชียงใหม่ให้ออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดง กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ในวันนี้(23 พ.ย.) ในข้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศ เรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้เข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดได้ หลังประกาศผ่านวิทยุชุมชนเชียงใหม่ ขู่ว่าจะมีการคาร์บอมบ์นายอภิสิทธิ์ เวชาชีชวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่างที่จะเดินทางมาเป็นประธานร่วมประชุมหอการค้าไทยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
แต่ในส่วนของการสั่งปิดวิทยุชุมชนนั้น คงทำได้ยาก เพราะ จ.เชียงใหม่ไม่มีอำนาจ หรือยังไม่มีกฎหมายจัดการที่ชัดเจน คงทำได้เพียงขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำที่ไม่สมควร
ส่วนคดีค้างเก่าที่นายเพชรวรรต มีคดีติดตัวมามากกว่า 10 คดีนั้น ทางนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงใหม่ และพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 ได้สั่งเร่งรัดพนักงานสอบสวนให้เร่งดำเนินคดีโดยเร็วแล้ว ซึ่งอำนาจอยู่ที่พนักงานสอบสวน รวมทั้งการจะยื่นถอนประกันด้วย
นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า วันที่นายกรัฐมนตรีจะมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ หน่วยงานรัฐใจกว้าง เปิดพื้นที่ลานประตูท่าแพให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้ชุมนุมแสดงออกแล้ว แต่หากไม่ยอมใช้ และออกไปเคลื่อนไหว หรือสร้างความปั่นป่วนนอกพื้นที่แบบผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีเช่นกัน โดยในส่วนของประชาชนที่จะออกมาร่วมชุมนุมนั้น ทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ได้สั่งการไปยังทุกอำเภอของ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งประสานขอไปยังกระทรวงมหาดไทยให้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนืออื่น ๆแจ้งเตือนประชาชนว่าอย่าได้ออกมาร่วมชุมนุมเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายหลังมีกระแสข่าวว่าจะมีการลอบใช้ระเบิด คาร์บอมบ์ และเกิดความรุนแรงขึ้นในระหว่างการชุมนุม
ลั่นเชือดวิทยุเสื้อแดงเชียงใหม่
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกับผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนเชียงใหม่ ที่มีการปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดง 8 จังหวัดภาคเหนือ มาร่วมกันเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี โดยล่าสุดออกมาบอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่ฝีมือพวกเขา แต่อาจเป็นมือที่สาม เพราะเขาไม่มีเจตนาทำร้ายแบบนั้นว่า ประเด็นอยู่ที่เท็จจริง ซึ่งตอนนี้ เทปการให้สัมภาษณ์ และเทปการออกอากาศมีเรียบร้อย และตนได้ประสานงานกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว คงดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่มี หากจะมาปฏิเสธ ก็สามารถทำได้ แต่กระบวนการทางกฎหมายก็ดำเนินการไป
ประเด็นปัญหาในขณะนี้คือ การออกมาพูดลักษณะอย่างนี้ โดยหลักไม่สามารถที่จะพูดได้ในสถานีวิทยุชุมชน ซึ่งเป็นสื่อไม่ว่าจะคลื่นใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เชียงใหม่ หลายสถานีมีคดีติดตัวอยู่แล้ว และคนที่ดำเนินการที่เป็นดีเจ มีคดีติดตัวอยู่แล้ว ฉะนั้นต้องจัดการ เรื่องนี้ต้องจัดการแน่ ส่วนเขาจะไปแก้ตัวอย่างไร ก็ว่ากันไปตามกฎหมายต่อไป "ได้ขอให้ทางอนุกรรมการ กทช.ไปตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวว่า จดทะเบียนในโอกาสที่อนุกรรมการ กทช. เปิดให้จดทะเบียนเมื่อสองเดือนที่แล้วหรือยัง หากยังไม่จดก็สามารถดำเนินการไม่อนุญาตให้ออกอากาศได้ทันที คิดว่าทุกอย่างคงจะเรียบร้อยในสัปดาห์นี้ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปเชียงใหม่" นายสาทิตย์กล่าว
จับตา"วิทยุแดง" อีก 20 สถานี
เมื่อถามว่าวิทยุชุมชนหลายแห่งเวลานี้มีการปลุกระดม ล้มล้างรัฐบาลหนัก นายสาทิตย์ กล่าวว่า ได้เรียนกับผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ต้องมีการเฝ้าฟังทุกสถานีที่อยู่ในข่าย ที่มีการติดตามมาตั้งแต่ต้นซึ่งมีประมาณ 20 สถานี ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัดที่เป็นฐานของคนเสื้อแดง ในแท็กซี่หลายคัน มีการเปิดวิทยุในเครือข่ายของเขา ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าไม่ปลุกระดมให้ทำร้ายคน ก็เอาผิดในทางกฎหมายไม่ได้
"เพียงแต่ว่า กระบวนการในการลงทะเบียนวิทยุชุมชน ซึ่งต้องออกใบอนุญาตประกอบกิจการประเภทบริการชุมชนก่อน ที่เหลือออกใบอนุญาตชั่วคราว ซึ่งเดือนธันวาคมนี้ จะเสร็จทั้งหมด หากไปดำเนินการลักษณะอย่างนี้ก็ถือว่าผิดการออกใบอนุญาติชั่วคราว ก็ต้องถอนใบอนุญาติชั่วคราว และต้องปิดสถานี ยึดเครื่อง และคนที่มีชื่อก็ต้องถูกขึ้นบัญชีในกรณีที่ไม่สามารถขอจัดตั้งสถานีวิทยุได้อีก และหากผิดอาญา ก็ต้องดำเนินคดีอาญาด้วย ต้องเข้าใจว่าวิทยุชุมชนประเทศไทยเปรียบเทียบขนาดพื้นที่ประชากรมากที่สุดในโลกเลย เพราะมีประมาณ 7 พันกว่าสถานีทั่วประเทศ แต่หน่วยเฝ้าฟังของ กทช. มีไม่กี่สิบแห่ง จะมอนิเตอร์ทั้งหมดคงยาก ต้องอาศัยดูว่า ส่วนที่ต้องสงสัยอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามการใช้วิทยุชุมชนเป็นเครื่องมือตลอด กระทั่งรัฐบาลนี้เข้ามาสร้างกฎเกณฑ์ ระเบียบการกำกับควบคุม" นายสาทิตย์ กล่าว และว่า หากพบวิทยุชุมชนที่พูดจาไม่เหมาะสม ทางที่ดีที่สุดคือ อย่าไปฟัง
หวั่นเสื้อแดงป่วนกระทบท่องเที่ยว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ให้เกิดความวุ่นวาย มุ่งปลุกระดมให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ 5 ด้าน คือ 1. กระทบความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ทำให้การลงทุนลดลง 2. กระทบความเชื่อมั่นในประเทศ จะทำให้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง 3.หนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะหนี้สินภาคเกษตรกร 4. การว่างงานของภาคอุตสาหกรรมจะมากขึ้น โดยต้นปีมีการคาดการณ์ว่าจะมีการว่างงาน 1 ล้านคน โดยคาดว่า รัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้โดยมีการสร้างงานไปแล้ว 4 แสนตำแหน่ง และตั้งเป้าว่า 2 ปีจะสามารถสร้างงานได้อีก 1 ล้านตำแหน่ง รวมเป็น 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่หากเกิดการชุมนุมก็จะทำให้การสร้างงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และ 5 . กระทบต่อการท่องเที่ยว โดยเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขลดลงไปร้อยละ 20 แต่ภายหลังมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทำให้ตัวเลขบวกขึ้นร้อยละ18 แต่หากเกิดความวุ่นวายในช่วงเดือนธ.ค. จะทำให้ตัวเลขนักท่องที่ที่คาดว่าจะมาอีก 4 แสนคน ไม่ตรงไปตามเป้า
นายเฉลิมศักดิ์ สุรนันท์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน จ.เชียงใหม่ เป็นห่วงการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในช่วงการประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ หลังมีข่าวการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี หากการเคลื่อนไหวเป็นไปตามกฎกติกา เชื่อว่าจะไม่รุนแรง ซึ่งคนเชียงใหม่คงทราบดีว่า สิ่งไหนจะมีประโยชน์กับชาวเชียงใหม่มากที่สุด และจะไม่มีผลกระทบไม่มากนัก
อ้างหากรุนแรงเป็นเสื้อแดงปลอม
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่าใครจะลอบทำร้าย ก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย หากมีสีไหนทำ ก็ควรดำเนินการเช่นกัน อย่าเลือกปฎิบัติ เพราะเรื่องนี้ทำให้คนเชียงใหม่เสียหาย คนเสื้อแดงมีหลายกลุ่ม อาจคิดแตกต่างกันได้ คงไม่สามารถบังคับได้ ถ้าพบ หรือมีหลักฐาน ก็ว่าไปตามกฎหมาย " เป็นไปได้ที่จะมีสีแดงปลอมเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้รุนแรง เหมือนเหตุการณ์สงกรานต์เลือด ดังนั้นอาจมีการปลุกกระแสให้มีความรุนแรงแล้วโยงเพื่อทำลายสร้างเสียหายให้คนเสื้อแดง จุดนี้ที่เราเป็นห่วง" นายสุรพงษ์ กล่าว
ชี้เสื้อแดงชุมนุมส่อเหตุรุนแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความั่นคงเพื่อควบคุมสถานการณ์ ก็น่าที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนไทยทั้งประเทศ ที่ไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง
"เทพไท"เผยถูกสะกดรอย
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการประกาศของคนเสื้อแดงที่จะใช้ความรุนแรงลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ด้วยวิธีการคาร์บอมบ์ ที่จ.เชียงใหม่ ว่าอาจส่งสัญญาณให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพราะในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งขบวนการล่านายกรัฐมนตรี และทุกคนที่เป็นปฏิปักษ์ของคนเสื้อแดง เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ หรือแม้กระทั่งตนเอง ที่มีการออกมาสัมภาษณ์ผ่านสื่อของพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในลักษณะข่มขู่ โดยระบุว่า เป็นคนหน้าผากแคบ อายุไม่น่าจะยืน รวมทั้งมีการใช้รถมอเตอร์ไซด์ขับติดตามสะกดรอยในการเดินทางและการส่งมือทำงานไปถ่ายภาพที่หน้าบ้านพักของตน และที่สำนักงานกฏหมาย
"มีคนขับรถมอเตอร์ไซด์ ตามผมมาราว 2 อาทิตย์แล้ว ตั้งแต่หน้ารัฐสภา บางทีก็จากที่อื่น และยังมีคนมาดักถ่ายภาพที่หน้าบ้านในช่วงเช้า และตอนกลางวัน เหตุการณ์นี้เพิ่งจะเกิดในสัปดาห์นี้ จึงขอเรียกร้องว่า ตนทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย และฝากไปยังคนที่กระทำการหวังจะข่มขู่ว่า เรื่องอย่างนี้เขาใช้กันในการเมืองแบบเก่า สมัย 30 ปีที่แล้ว อย่ามาใช้ในยุคสมัยนี้ หากไม่พอใจการทำหน้าที่ของตน ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรมได้ ขอให้ใช้การเมืองแก้การเมือง ไม่ใช่ใช้ความรุนแรง ให้สู้ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ความรุนแรง และเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบแล้ว" นายเทพไทกล่าว
"วีระ-เหวง"รับแผนจากดูไบ
นายเทพไท กล่าวอีกว่า มีการใช้รูปแบบของการชุมนุมในลักษณะป่าล้อมเมือง ตามแผนตากสิน 1 และ ตากสิน 2 โดยมีการนัดชุมนุมคนเสื้อแดงทั้งในหัวเมืองต่างๆ จากนั้นจึงเคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ รวมถึงการประกาศชุมนุมของกลุ่มแกนนำ นปช. ว่าจะมีการเคลื่อนไหวกดดันในลักษณะดาวกระจายไปยังที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และอาจเกิดความรุนแรงเหมือนกับเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่ผ่านมา ยิ่งสำทับด้วยการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุผ่านรายการ ทักษิณไลฟ์ ดอท คอม ยอมรับว่าแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ ได้เดินทางไปพบที่ดูไบจริงและได้เลี้ยงข้าว ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตุว่า การเดินทางไปดูไบ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย ว่าเป็นการเดินทางไปรับแผน และยุทธปัจจัย เพื่อนำมาใช้ในการเคลื่อนไหวชุมนุมของม็อบเสื้อแดงครั้งนี้ ด้วยใช่หรือไม่
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเร่งเผด็จศึกรัฐบาลในช่วงเดือนนี้ ทั้งที่ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย แม้แต่ตัวพล.อ.พัลลภเอง ซึ่งเป็นมือทำงานของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมายอมรับว่าเป็นการเลือกช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีหลายเหตุและปัจจัย เช่น 1. คดีความต่างๆ จะถูกตัดสินในช่วงปีใหม่นี้ โดยเฉพาะคดีการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกเสียดายมากที่สุ 2. ความกลัวว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะนโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตร และการแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบของพี่น้องประชาชน เนื่องจากถ้าปล่อยให้รัฐบาลทำผลงานประสบความสำเร็จ คนก็จะลืม พ.ต.ท.ทักษิณไปในที่สุด 3. บทบาทบนเวทีโลกของนายกรัฐมนตรีโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ในขณะที่ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกต่ำสุดขีด เป็นนักโทษหนีคดี ไม่มีแผ่นดินอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายเทพไทได้โชว์รูป นายบารัก โอบามา ประธานาธบดีของสหรัฐอเมริกา โอบไหล่นายอภิสิทธิ์ โดยมีข้อความเขียนบรรยายใต้ภาพว่า คู่แฝดอินเตอร์ โอบามาบวก มาร์ค เท่ากับ โอบามาร์ค และรูปภาพเปรียบเทียบของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโอบกอด พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีข้อความใต้ภาพว่า คู่แฝดเขมร ฮุนเซนบวกทักษิณ เท่ากับ ฮุนสิน พร้อมกล่าวสำทับว่า ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ สวมกอดกับสมเด็จฮุนเซน จะไปทดแทนภาพที่พรรคเพื่อไทยได้นำรูปนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สวมกอดกับนายอภิสิทธิ์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา เพื่อให้พี่น้องคนอีสาน และภาคเหนือรับรู้ข้อเท็จจริงว่า รูปของนายกฯ และนายเนวิน กอดกันก็เพื่อสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติและทำเพื่อชาติให้สงบ ส่วนภาพของสมเด็จฮุนเซน กอดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคู่แฝดใหม่ที่ทำเพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัว และเป็การทรยศต่อชาติบ้านเมือง หนำซ้ำยังเป็ฌนการร่วมมือกับคนต่างชาติ
นอกจากนี้ นายเทพไทได้นำแผ่นซีดีบันทึกเสียงเพลงชื่อ“คนขายชาติ” มาเปิดให้สื่อมวลชนฟัง โดยกล่าวว่า มีนักร้องนิรนามที่มีความปรารถนาดีส่งมาให้ เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่ได้มีการเอ่ยชื่อให้ใครได้รับความเสียหาย แต่เป็นการเตือนสติของคนไทยให้รักชาติบ้านเมืองยิ่งขึ้น จึงได้เปิดเพลงและร้องคลอไปด้วย พร้อมกล่าวว่า กำลังให้คนไปติดต่อเพื่อทำเป็นเพลงรอสายในโทรศัพท์มือถือ โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า
"มันเป็นเรื่องแปลก พระยาละแวกกลับชาติมาเกิด ลองคิดดูเถิดคนทรยศ คิดคดคนไทย เกิดเมืองสยาม ลองถามตัวเองดูไหม พ่อแม่เป็นใคร หรือเป็นไส้ศึกเขมร มันเป็นเรื่องเศร้า เมื่อคนของเราเอาชาติไปขาย มันน่าอาย ที่นักการเมืองสร้างเรื่องเกมเล่น ถามหน่อยได้ไหม เป็นญาติฝ่ายไหนกับนายฮุนเซน สัญชาติที่อาจโอนเอน คุณเป็นเขมรเมื่อไหร่"
"แม้ว"อ้างอำมาตย์ ต้นเหตุแตกแยก
วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความลงบนเว็บไซด์ทวิตเตอร์ถึงกรณีความขัดแย้งในสังคมไทยโดยมีใจความว่า "จุดเริ่มต้นอยู่ที่ฝ่ายอำมาตย์ ไม่ต้องการรัฐบาลที่เป็นที่นิยมของประชาชน แต่ต้องการรัฐบาลที่ฝ่ายตนชอบ จึงใช้ทุกวิธีการในการล้มล้างผม เริ่มด้วยลอบสังหาร ปฏิวัติ ยัดเยียดข้อหา ให้ไอ้เหลือง ออกมาโกหกรายวัน ใช้กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายมาจัดการการเมือง เกิดระบบ 2 มาตรฐาน ใช้กระบวนการปั้นพยานเท็จและศาล ล้มนายกฯฝ่ายประชาชน จัดตั้งรัฐบาลฝ่ายตนขึ้นมาด้วยวิธีงูเห่า และบังคับโดยทหาร ซึ่งเป็นการข่มขืนใจคนมากๆ ถ้าอยากจะสันติ ก็อยู่ที่ฝ่ายอำมาตย์ จะเปลี่ยนความตั้งใจหรือไม่ ถ้าเห็นแก่บ้านเมือง สงสารประชาชน และจงรักภักดีจริง ก็หันมาปรองดองกันจริงๆ ปล่อยให้ระบบทุกระบบทำงานด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรมไปโดยไม่แอบสั่งการแทรกแซง กระบวนการเริ่มต้นใหม่ทุกฝ่าย คืนอำนาจให้ประชาชนตามกติกา ประชาธิปไตย"
อวยพรวันเกิด"พจมาน"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ทวิตข้อความอวยพรวันเกิดให้กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาด้วย โดยมีใจความว่า "วันนี้วันเกิดคุณหญิงอ้อ ผมสงสารเธอมากที่ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีคนหนึ่งจากการเป็นนักธุรกิจอยู่ดีๆ ต้องมาลำบากเพราะผม ที่พูดไม่ใช่ท้อครับ ยิ่งต้องสู้ "
เตือนไม่ควรทำให้ระคายเคืองฯ
พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีการสั่งการใดๆในเรื่องการชุมนุม เพราะต้องรอผลประชุมครม. ว่าจะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ทางกอ.รมน.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ซึ่งการชุมนุมครั้งที่ผ่านมาได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ส่วนพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่มีการจัดการซ้อมสวนสนามรักษาพระองค์ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารลงไปรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ประกอบกับวันที่มีการชุมนุม เรามีกำลังทหารคอยดูแลรักษาความปลอดภัยระหว่างการซ้อมสวนสนามอยู่แล้ว แต่หากมีอะไรเพิ่มเติม ทางรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม
วานนี้(22 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ว่า จริงๆ แล้วที่ผ่านมาก็เดินทางไปหลายพื้นที่ ก็เรียบร้อยดี แต่ที่จ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีการไปประกาศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการเข้มงวดกวดขันกัน และอยากจะย้ำว่ากิจกรรมที่ไปเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเขามีความต้องการมากที่จะเห็นความเชื่อมั่นเกิดขึ้น ฉะนั้นอยากจะเชิญชวนว่าทุกฝ่ายให้โอกาสกับเชียงใหม่ ให้โอกาสกับประเทศไทย ในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นตรงนี้ การที่จะไปทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายอะไรขึ้นมา ไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย และคนที่จะเดือดร้อนที่สุดคือคนเชียงใหม่ และพี่น้องประชาชนเอง ฉะนั้น อยากให้ทบทวน ใครที่คิดว่าจะไปทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าจะไปแสดงออกเฉยๆ ก็ไปได้ เป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพก็ดำเนินการไป
ยังไม่เสนอใช้ พ.ร.บ.มั่นคงที่เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ เพราะตรงกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการเสนอตรงนี้ แต่ในการประชุม ครม.อังคารที่ 24 พ.ย.นี้ จะต้องพิจารณาในภาพรวมอยู่แล้วว่าจะประกาศที่ไหน อย่างไร หรือไม่ เมื่อถามว่าเบื้องต้นที่ จ.เชียงใหม่ มีการข่าวรายงานอะไรหรือไม่ เพราะเห็นว่ามีการส่งทีมไปเจรจากับแกนนำในพื้นที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงกลุ่มคนที่ออกอากาศไป โดยพูดผ่านวิทยุชุมชนเป็นกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับคีดเดิมอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการ
เมื่อถามว่า มีการปลุกระดมใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ให้มารวมตัวกันหวังฌาปนกิจนายกฯ หรือไม่ก็ให้พิการ ไม่ต้องมาที่กรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอยากเรียนว่าหากพูดถึงการเรียกร้องประชาธิปไตยไม่มีนักประชาธิปไตยที่ไหนใช้วิธีการแบบนี้ ฉะนั้นมันไม่น่าจะเป็นผลดี และมีคนจำนวนมากที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย ก็มีเหตุมีผลอยู่ แต่การที่จะไปทำอะไรอย่างนี้ ทำให้ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหายกับทุกฝ่าย
ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าหากมีการลอบทำร้ายนายกฯ จะไม่ใช่ฝีมือของคนเสื้อแดง และคนพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ช่วยไปห้ามคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเคลื่อนไหวของพวกนั้นสิ เพราะมีการแสดงออกโดยเปิดเผยอยู่แล้วว่า เป็นกลุ่มคนเดียวกัน
เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจะโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ในครั้งนี้ แม้แต่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ยังออกมาระบุว่า อย่าเผลอ อาจมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงหากเป็นไปตามกระบวนการของสภาฯไม่มีปัญหา แต่หากเป็นวิธีการอื่น ก็ไม่ใช่วิธีการที่ควรจะได้รับการสนับสนุน
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ ตนมีหน้าที่ทำงาน และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ฉะนั้นจะเดินหน้าทำไป หน้าที่ของรัฐบาลคือ ดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย และรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาของประชาชน และงานนี้ภาคเอกชนเขาต้องการให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนจะไปช่วยให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อถามว่า แสดงว่าในวันที่ 29 พ.ย.นี้ นายกฯ มีความตั้งใจที่จะไป จ.เชียงใหม่ แต่จะไปหรือไม่ ต้องดูที่การข่าวรายงานด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา น่าจะไปได้ เมื่อถามว่าในวันที่ 28 พ.ย.นี้ คิดว่าคนเสื้อแดงจะปิดถนน ป่วนเมือง เหมือนช่วงเดือนเมษายนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าทำผิดกฏหมาย หากทำผิดกฏหมายก็ต้องเข้มงวดกวดขันกัน การเคลื่อนไหวที่ผิดกฏหมาย ไม่ใช่การเคลื่อนไหวในวิถีทางประชาธิปไตย
ขออนุมัติจับเพชรวรรตวันนี้
นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผวจ.เชียงใหม่ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอขออนุมัติศาล จ.เชียงใหม่ให้ออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดง กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ในวันนี้(23 พ.ย.) ในข้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศ เรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้เข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดได้ หลังประกาศผ่านวิทยุชุมชนเชียงใหม่ ขู่ว่าจะมีการคาร์บอมบ์นายอภิสิทธิ์ เวชาชีชวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่างที่จะเดินทางมาเป็นประธานร่วมประชุมหอการค้าไทยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
แต่ในส่วนของการสั่งปิดวิทยุชุมชนนั้น คงทำได้ยาก เพราะ จ.เชียงใหม่ไม่มีอำนาจ หรือยังไม่มีกฎหมายจัดการที่ชัดเจน คงทำได้เพียงขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำที่ไม่สมควร
ส่วนคดีค้างเก่าที่นายเพชรวรรต มีคดีติดตัวมามากกว่า 10 คดีนั้น ทางนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงใหม่ และพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 ได้สั่งเร่งรัดพนักงานสอบสวนให้เร่งดำเนินคดีโดยเร็วแล้ว ซึ่งอำนาจอยู่ที่พนักงานสอบสวน รวมทั้งการจะยื่นถอนประกันด้วย
นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า วันที่นายกรัฐมนตรีจะมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ หน่วยงานรัฐใจกว้าง เปิดพื้นที่ลานประตูท่าแพให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้ชุมนุมแสดงออกแล้ว แต่หากไม่ยอมใช้ และออกไปเคลื่อนไหว หรือสร้างความปั่นป่วนนอกพื้นที่แบบผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีเช่นกัน โดยในส่วนของประชาชนที่จะออกมาร่วมชุมนุมนั้น ทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ได้สั่งการไปยังทุกอำเภอของ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งประสานขอไปยังกระทรวงมหาดไทยให้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนืออื่น ๆแจ้งเตือนประชาชนว่าอย่าได้ออกมาร่วมชุมนุมเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายหลังมีกระแสข่าวว่าจะมีการลอบใช้ระเบิด คาร์บอมบ์ และเกิดความรุนแรงขึ้นในระหว่างการชุมนุม
ลั่นเชือดวิทยุเสื้อแดงเชียงใหม่
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกับผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนเชียงใหม่ ที่มีการปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดง 8 จังหวัดภาคเหนือ มาร่วมกันเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี โดยล่าสุดออกมาบอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่ฝีมือพวกเขา แต่อาจเป็นมือที่สาม เพราะเขาไม่มีเจตนาทำร้ายแบบนั้นว่า ประเด็นอยู่ที่เท็จจริง ซึ่งตอนนี้ เทปการให้สัมภาษณ์ และเทปการออกอากาศมีเรียบร้อย และตนได้ประสานงานกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว คงดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่มี หากจะมาปฏิเสธ ก็สามารถทำได้ แต่กระบวนการทางกฎหมายก็ดำเนินการไป
ประเด็นปัญหาในขณะนี้คือ การออกมาพูดลักษณะอย่างนี้ โดยหลักไม่สามารถที่จะพูดได้ในสถานีวิทยุชุมชน ซึ่งเป็นสื่อไม่ว่าจะคลื่นใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เชียงใหม่ หลายสถานีมีคดีติดตัวอยู่แล้ว และคนที่ดำเนินการที่เป็นดีเจ มีคดีติดตัวอยู่แล้ว ฉะนั้นต้องจัดการ เรื่องนี้ต้องจัดการแน่ ส่วนเขาจะไปแก้ตัวอย่างไร ก็ว่ากันไปตามกฎหมายต่อไป "ได้ขอให้ทางอนุกรรมการ กทช.ไปตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวว่า จดทะเบียนในโอกาสที่อนุกรรมการ กทช. เปิดให้จดทะเบียนเมื่อสองเดือนที่แล้วหรือยัง หากยังไม่จดก็สามารถดำเนินการไม่อนุญาตให้ออกอากาศได้ทันที คิดว่าทุกอย่างคงจะเรียบร้อยในสัปดาห์นี้ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปเชียงใหม่" นายสาทิตย์กล่าว
จับตา"วิทยุแดง" อีก 20 สถานี
เมื่อถามว่าวิทยุชุมชนหลายแห่งเวลานี้มีการปลุกระดม ล้มล้างรัฐบาลหนัก นายสาทิตย์ กล่าวว่า ได้เรียนกับผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ต้องมีการเฝ้าฟังทุกสถานีที่อยู่ในข่าย ที่มีการติดตามมาตั้งแต่ต้นซึ่งมีประมาณ 20 สถานี ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัดที่เป็นฐานของคนเสื้อแดง ในแท็กซี่หลายคัน มีการเปิดวิทยุในเครือข่ายของเขา ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าไม่ปลุกระดมให้ทำร้ายคน ก็เอาผิดในทางกฎหมายไม่ได้
"เพียงแต่ว่า กระบวนการในการลงทะเบียนวิทยุชุมชน ซึ่งต้องออกใบอนุญาตประกอบกิจการประเภทบริการชุมชนก่อน ที่เหลือออกใบอนุญาตชั่วคราว ซึ่งเดือนธันวาคมนี้ จะเสร็จทั้งหมด หากไปดำเนินการลักษณะอย่างนี้ก็ถือว่าผิดการออกใบอนุญาติชั่วคราว ก็ต้องถอนใบอนุญาติชั่วคราว และต้องปิดสถานี ยึดเครื่อง และคนที่มีชื่อก็ต้องถูกขึ้นบัญชีในกรณีที่ไม่สามารถขอจัดตั้งสถานีวิทยุได้อีก และหากผิดอาญา ก็ต้องดำเนินคดีอาญาด้วย ต้องเข้าใจว่าวิทยุชุมชนประเทศไทยเปรียบเทียบขนาดพื้นที่ประชากรมากที่สุดในโลกเลย เพราะมีประมาณ 7 พันกว่าสถานีทั่วประเทศ แต่หน่วยเฝ้าฟังของ กทช. มีไม่กี่สิบแห่ง จะมอนิเตอร์ทั้งหมดคงยาก ต้องอาศัยดูว่า ส่วนที่ต้องสงสัยอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามการใช้วิทยุชุมชนเป็นเครื่องมือตลอด กระทั่งรัฐบาลนี้เข้ามาสร้างกฎเกณฑ์ ระเบียบการกำกับควบคุม" นายสาทิตย์ กล่าว และว่า หากพบวิทยุชุมชนที่พูดจาไม่เหมาะสม ทางที่ดีที่สุดคือ อย่าไปฟัง
หวั่นเสื้อแดงป่วนกระทบท่องเที่ยว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ให้เกิดความวุ่นวาย มุ่งปลุกระดมให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ 5 ด้าน คือ 1. กระทบความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ทำให้การลงทุนลดลง 2. กระทบความเชื่อมั่นในประเทศ จะทำให้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง 3.หนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะหนี้สินภาคเกษตรกร 4. การว่างงานของภาคอุตสาหกรรมจะมากขึ้น โดยต้นปีมีการคาดการณ์ว่าจะมีการว่างงาน 1 ล้านคน โดยคาดว่า รัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้โดยมีการสร้างงานไปแล้ว 4 แสนตำแหน่ง และตั้งเป้าว่า 2 ปีจะสามารถสร้างงานได้อีก 1 ล้านตำแหน่ง รวมเป็น 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่หากเกิดการชุมนุมก็จะทำให้การสร้างงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และ 5 . กระทบต่อการท่องเที่ยว โดยเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขลดลงไปร้อยละ 20 แต่ภายหลังมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทำให้ตัวเลขบวกขึ้นร้อยละ18 แต่หากเกิดความวุ่นวายในช่วงเดือนธ.ค. จะทำให้ตัวเลขนักท่องที่ที่คาดว่าจะมาอีก 4 แสนคน ไม่ตรงไปตามเป้า
นายเฉลิมศักดิ์ สุรนันท์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน จ.เชียงใหม่ เป็นห่วงการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในช่วงการประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ หลังมีข่าวการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี หากการเคลื่อนไหวเป็นไปตามกฎกติกา เชื่อว่าจะไม่รุนแรง ซึ่งคนเชียงใหม่คงทราบดีว่า สิ่งไหนจะมีประโยชน์กับชาวเชียงใหม่มากที่สุด และจะไม่มีผลกระทบไม่มากนัก
อ้างหากรุนแรงเป็นเสื้อแดงปลอม
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่าใครจะลอบทำร้าย ก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย หากมีสีไหนทำ ก็ควรดำเนินการเช่นกัน อย่าเลือกปฎิบัติ เพราะเรื่องนี้ทำให้คนเชียงใหม่เสียหาย คนเสื้อแดงมีหลายกลุ่ม อาจคิดแตกต่างกันได้ คงไม่สามารถบังคับได้ ถ้าพบ หรือมีหลักฐาน ก็ว่าไปตามกฎหมาย " เป็นไปได้ที่จะมีสีแดงปลอมเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้รุนแรง เหมือนเหตุการณ์สงกรานต์เลือด ดังนั้นอาจมีการปลุกกระแสให้มีความรุนแรงแล้วโยงเพื่อทำลายสร้างเสียหายให้คนเสื้อแดง จุดนี้ที่เราเป็นห่วง" นายสุรพงษ์ กล่าว
ชี้เสื้อแดงชุมนุมส่อเหตุรุนแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความั่นคงเพื่อควบคุมสถานการณ์ ก็น่าที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนไทยทั้งประเทศ ที่ไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง
"เทพไท"เผยถูกสะกดรอย
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการประกาศของคนเสื้อแดงที่จะใช้ความรุนแรงลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ด้วยวิธีการคาร์บอมบ์ ที่จ.เชียงใหม่ ว่าอาจส่งสัญญาณให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพราะในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งขบวนการล่านายกรัฐมนตรี และทุกคนที่เป็นปฏิปักษ์ของคนเสื้อแดง เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ หรือแม้กระทั่งตนเอง ที่มีการออกมาสัมภาษณ์ผ่านสื่อของพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในลักษณะข่มขู่ โดยระบุว่า เป็นคนหน้าผากแคบ อายุไม่น่าจะยืน รวมทั้งมีการใช้รถมอเตอร์ไซด์ขับติดตามสะกดรอยในการเดินทางและการส่งมือทำงานไปถ่ายภาพที่หน้าบ้านพักของตน และที่สำนักงานกฏหมาย
"มีคนขับรถมอเตอร์ไซด์ ตามผมมาราว 2 อาทิตย์แล้ว ตั้งแต่หน้ารัฐสภา บางทีก็จากที่อื่น และยังมีคนมาดักถ่ายภาพที่หน้าบ้านในช่วงเช้า และตอนกลางวัน เหตุการณ์นี้เพิ่งจะเกิดในสัปดาห์นี้ จึงขอเรียกร้องว่า ตนทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย และฝากไปยังคนที่กระทำการหวังจะข่มขู่ว่า เรื่องอย่างนี้เขาใช้กันในการเมืองแบบเก่า สมัย 30 ปีที่แล้ว อย่ามาใช้ในยุคสมัยนี้ หากไม่พอใจการทำหน้าที่ของตน ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรมได้ ขอให้ใช้การเมืองแก้การเมือง ไม่ใช่ใช้ความรุนแรง ให้สู้ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ความรุนแรง และเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบแล้ว" นายเทพไทกล่าว
"วีระ-เหวง"รับแผนจากดูไบ
นายเทพไท กล่าวอีกว่า มีการใช้รูปแบบของการชุมนุมในลักษณะป่าล้อมเมือง ตามแผนตากสิน 1 และ ตากสิน 2 โดยมีการนัดชุมนุมคนเสื้อแดงทั้งในหัวเมืองต่างๆ จากนั้นจึงเคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ รวมถึงการประกาศชุมนุมของกลุ่มแกนนำ นปช. ว่าจะมีการเคลื่อนไหวกดดันในลักษณะดาวกระจายไปยังที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และอาจเกิดความรุนแรงเหมือนกับเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่ผ่านมา ยิ่งสำทับด้วยการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุผ่านรายการ ทักษิณไลฟ์ ดอท คอม ยอมรับว่าแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ ได้เดินทางไปพบที่ดูไบจริงและได้เลี้ยงข้าว ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตุว่า การเดินทางไปดูไบ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย ว่าเป็นการเดินทางไปรับแผน และยุทธปัจจัย เพื่อนำมาใช้ในการเคลื่อนไหวชุมนุมของม็อบเสื้อแดงครั้งนี้ ด้วยใช่หรือไม่
นายเทพไท ยังกล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเร่งเผด็จศึกรัฐบาลในช่วงเดือนนี้ ทั้งที่ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย แม้แต่ตัวพล.อ.พัลลภเอง ซึ่งเป็นมือทำงานของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมายอมรับว่าเป็นการเลือกช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีหลายเหตุและปัจจัย เช่น 1. คดีความต่างๆ จะถูกตัดสินในช่วงปีใหม่นี้ โดยเฉพาะคดีการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกเสียดายมากที่สุ 2. ความกลัวว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะนโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตร และการแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบของพี่น้องประชาชน เนื่องจากถ้าปล่อยให้รัฐบาลทำผลงานประสบความสำเร็จ คนก็จะลืม พ.ต.ท.ทักษิณไปในที่สุด 3. บทบาทบนเวทีโลกของนายกรัฐมนตรีโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ในขณะที่ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกต่ำสุดขีด เป็นนักโทษหนีคดี ไม่มีแผ่นดินอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายเทพไทได้โชว์รูป นายบารัก โอบามา ประธานาธบดีของสหรัฐอเมริกา โอบไหล่นายอภิสิทธิ์ โดยมีข้อความเขียนบรรยายใต้ภาพว่า คู่แฝดอินเตอร์ โอบามาบวก มาร์ค เท่ากับ โอบามาร์ค และรูปภาพเปรียบเทียบของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโอบกอด พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีข้อความใต้ภาพว่า คู่แฝดเขมร ฮุนเซนบวกทักษิณ เท่ากับ ฮุนสิน พร้อมกล่าวสำทับว่า ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ สวมกอดกับสมเด็จฮุนเซน จะไปทดแทนภาพที่พรรคเพื่อไทยได้นำรูปนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สวมกอดกับนายอภิสิทธิ์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา เพื่อให้พี่น้องคนอีสาน และภาคเหนือรับรู้ข้อเท็จจริงว่า รูปของนายกฯ และนายเนวิน กอดกันก็เพื่อสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติและทำเพื่อชาติให้สงบ ส่วนภาพของสมเด็จฮุนเซน กอดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคู่แฝดใหม่ที่ทำเพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ส่วนตัว และเป็การทรยศต่อชาติบ้านเมือง หนำซ้ำยังเป็ฌนการร่วมมือกับคนต่างชาติ
นอกจากนี้ นายเทพไทได้นำแผ่นซีดีบันทึกเสียงเพลงชื่อ“คนขายชาติ” มาเปิดให้สื่อมวลชนฟัง โดยกล่าวว่า มีนักร้องนิรนามที่มีความปรารถนาดีส่งมาให้ เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่ได้มีการเอ่ยชื่อให้ใครได้รับความเสียหาย แต่เป็นการเตือนสติของคนไทยให้รักชาติบ้านเมืองยิ่งขึ้น จึงได้เปิดเพลงและร้องคลอไปด้วย พร้อมกล่าวว่า กำลังให้คนไปติดต่อเพื่อทำเป็นเพลงรอสายในโทรศัพท์มือถือ โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า
"มันเป็นเรื่องแปลก พระยาละแวกกลับชาติมาเกิด ลองคิดดูเถิดคนทรยศ คิดคดคนไทย เกิดเมืองสยาม ลองถามตัวเองดูไหม พ่อแม่เป็นใคร หรือเป็นไส้ศึกเขมร มันเป็นเรื่องเศร้า เมื่อคนของเราเอาชาติไปขาย มันน่าอาย ที่นักการเมืองสร้างเรื่องเกมเล่น ถามหน่อยได้ไหม เป็นญาติฝ่ายไหนกับนายฮุนเซน สัญชาติที่อาจโอนเอน คุณเป็นเขมรเมื่อไหร่"
"แม้ว"อ้างอำมาตย์ ต้นเหตุแตกแยก
วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความลงบนเว็บไซด์ทวิตเตอร์ถึงกรณีความขัดแย้งในสังคมไทยโดยมีใจความว่า "จุดเริ่มต้นอยู่ที่ฝ่ายอำมาตย์ ไม่ต้องการรัฐบาลที่เป็นที่นิยมของประชาชน แต่ต้องการรัฐบาลที่ฝ่ายตนชอบ จึงใช้ทุกวิธีการในการล้มล้างผม เริ่มด้วยลอบสังหาร ปฏิวัติ ยัดเยียดข้อหา ให้ไอ้เหลือง ออกมาโกหกรายวัน ใช้กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายมาจัดการการเมือง เกิดระบบ 2 มาตรฐาน ใช้กระบวนการปั้นพยานเท็จและศาล ล้มนายกฯฝ่ายประชาชน จัดตั้งรัฐบาลฝ่ายตนขึ้นมาด้วยวิธีงูเห่า และบังคับโดยทหาร ซึ่งเป็นการข่มขืนใจคนมากๆ ถ้าอยากจะสันติ ก็อยู่ที่ฝ่ายอำมาตย์ จะเปลี่ยนความตั้งใจหรือไม่ ถ้าเห็นแก่บ้านเมือง สงสารประชาชน และจงรักภักดีจริง ก็หันมาปรองดองกันจริงๆ ปล่อยให้ระบบทุกระบบทำงานด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรมไปโดยไม่แอบสั่งการแทรกแซง กระบวนการเริ่มต้นใหม่ทุกฝ่าย คืนอำนาจให้ประชาชนตามกติกา ประชาธิปไตย"
อวยพรวันเกิด"พจมาน"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ทวิตข้อความอวยพรวันเกิดให้กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาด้วย โดยมีใจความว่า "วันนี้วันเกิดคุณหญิงอ้อ ผมสงสารเธอมากที่ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีคนหนึ่งจากการเป็นนักธุรกิจอยู่ดีๆ ต้องมาลำบากเพราะผม ที่พูดไม่ใช่ท้อครับ ยิ่งต้องสู้ "
เตือนไม่ควรทำให้ระคายเคืองฯ
พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีการสั่งการใดๆในเรื่องการชุมนุม เพราะต้องรอผลประชุมครม. ว่าจะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ทางกอ.รมน.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ซึ่งการชุมนุมครั้งที่ผ่านมาได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ส่วนพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่มีการจัดการซ้อมสวนสนามรักษาพระองค์ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารลงไปรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ประกอบกับวันที่มีการชุมนุม เรามีกำลังทหารคอยดูแลรักษาความปลอดภัยระหว่างการซ้อมสวนสนามอยู่แล้ว แต่หากมีอะไรเพิ่มเติม ทางรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม
