ASTVผู้จัดการรายวัน- “รัฐมาร์ค” จับตาแผนชั่วล้มล้างรัฐบาลก่อนวันที่ 4 ธ.ค. แฉ!“แดงถ่อย” ชิงความต้องการสูงกว่ากดดันรัฐยุบสภา ปิดทางนายกฯ ฉลองปีใหม่ คาดนำการข่าวเข้าครม.อังคารนี้ ประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง รอบที่ 6 ขณะที่ ส.ส.ปชป.จับไต๋ แผนชั่วแดงเชียงใหม่ แจ้งความเอาผิดวิทยุชุมชนเสื้อแดงปลุกระดม ส่วน“มาร์ค”ลั่นสัปดาห์หน้าแอ่วเหนือแน่
วานนี้(20 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมเร็วขึ้น เป็นวันที่ 28 พ.ย.นี้ ว่า ขณะนี้กำลังรอให้ฝ่ายความมั่นคงรายงานการข่าวมายังรัฐบาล เพื่อเสนอต่อ ครม.ว่าจะดำเนินการอย่างไร เข้าใจว่าในวันอังคารที่ 24 พ.ย. นี้ คงจะชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่
ส่วนที่ยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดงจะกระจายไปหลายพื้นที่ จะควบคุมได้ทุกจุดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องประเมินสถานการณ์ และทำงานทางด้านการข่าวพอสมควร ถึงแนวทางการเคลื่อนไหว แต่ถ้าการเคลื่อนไหวกำลังจะมาทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย เรายอมไม่ได้ หากไปบอกต้องการ หรือเจตนาให้เกิดปัญหาความเดือดร้อน หรือความวุ่นวายขึ้นโดยทั่วกัน อันนี้ไม่ใช่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ามาแล้วใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เราอยากจะให้ทุกอย่างอยู่บนความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า เขาบอกจะใช้คนเป็นล้านมากดดันให้นายกฯ ยุบสภาฯ จำนวนคนมีผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการเคลื่อนไหว เขาจะมาเป็นล้าน หรือจะมาสิบคน สิทธิเหมือนกัน คือชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ถ้าสิบคนทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ล้านคนมาถ้าไม่ทำผิดกฎหมายเลย ก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ ส่วนการกดดันตอนนี้มีกระบวนการทุกอย่างอยู่ในสภาและเปิดสมัยประชุมมาคราวหน้าเขาจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งก็มีกลไกของสภาฯ ที่มีการตรวจสอบอยู่
"ต้องถามว่า เงื่อนไขที่บอกว่าจะให้มากดดันให้มายุบสภาฯอะไรกันตอนนี้คืออะไร จริงๆตรงกันข้าม ผมได้เรียนแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มดีขึ้นชัดเจน ถ้ามาตกลงกันเรื่องกติกาเดิม ก็มาบอกจะแก้รัฐธรรมนูญกัน เมื่อตกลงกันได้ 6 ประเด็น ฝ่ายค้านก็เป็นฝ่ายที่ถอยไปเอง ผมก็บอกว่า หากบ้านเมืองสงบไม่มาเคลื่อนไหวขัดขวางการทำงาน เปิดโอกาสให้คนไปหาเสียงกันได้ตามปกติ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ การยุสภา แต่วันนี้คนที่เป็นฝ่ายปิดเงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายที่มาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ทำให้เกิดความคิดว่า สรุปแล้วความต้องการอันนั้น อยู่บนพื้นฐานอะไร เป็นประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่”นาอยภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จริงๆแล้วเหมือนความต้องการของคนกลุ่มนี้มากกว่าการยุบสภา อาจต้องการความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่มันใหญ่กว่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้ที่ตนคิดว่า นับวันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายมันคือเป้ามหายของบุคคล ของกลุ่ม เป็นผลประโยชน์เฉพาะตรงนั้นไม่ใช่เรื่องของส่วนรวม
** “เทือก”เชื่อแดงถ่อยหวังสูงกว่ายุบสภา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า อยากฝากถึงคนเสื้อแดงว่าช่วงปลายเดือนนี้ และเดือน ธ.ค.ไม่น่าจะเป็นเวลาของการชุมนุม เป็นเวลาที่คนไทยได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และจะเกิดความวุ่นวายกลายเป็นปัญหาของบ้านเมือง เพราะช่วงระยะเวลานั้นจะมีคนออกมาร่วมงานมาก รัฐบาลได้กำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.จะมีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติธรรมตามศาสนพิธี ซึ่งเขาทำกันทั่วประเทศ ปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เป็นบรรยากาศที่เขาต้องการความสงบด้านจิตใจ แต่ถ้ามาทำอะไรที่วุ่นวายก็ไม่น่าดู เป็นการรบกวนคนอื่น ส่วนวันที่ 3-4-5 ธ.ค.ก็มีงานไปตามลำดับจนถึงวันที่ 13 ธ.ค.ก่อนหน้านั้นก็มีการซักซ้อมงานสำคัญ ๆ
เมื่อถามว่าจะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเห็นว่าจำเป็นต้องใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯก็จะดำเนินการ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จุดประสงค์กลุ่มคนเสื้อแดงชัดเจนว่าต้องการล้มรัฐบาล เป็นเหตุผลที่ชัดเจนหรือไม่ที่จะประกาศ พ.ร.บ. นายสุเทพ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่าจะล้มรัฐบาล ทำให้ตนต้องคิดเรื่องของการนำ พ.ร.บ.มาใช้ เพราะถ้าเป็นการชุมนุมโดยปกติ แค่แสดงพลัง แสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยสงบ ไม่ไปก่อกวนปิดถนน ภาพที่พวกเขาเคยทำร้ายประเทศไทยช่วงสงกรานต์มันยังอยู่ในใจ จึงทำให้กังวลใจว่า คนพวกนี้จะไปก่อเหตุเช่นนั้นอีกจึงจะปล่อยไม่ได้ ต่อข้อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงประกาศว่าในวันจันทร์ที่ 30 พ.ย.ซึ่งเป็นวันทำงาน ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดาวกระจายไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุเทพฯ เตรียมรับมืออย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า “นั่นนะสิ ผมถึงได้เป็นห่วงมีการดาวกระจายไปตามถนนต่าง ๆ กรุงเทพฯก็จะเป็นอัมพาต เพราะเป็นช่วงเวลาทำงาน ผมคงต้องไปปรึกษาหารือ และติดตามสถานการณ์ให้รอบคอบ ให้ละเอียด” นายสุเทพ กล่าวและว่า ส่วนที่จำเป็นต้องตั้งกองบัญชาการหรือไม่นั้น คงต้องดูสถานการณ์ก่อน
นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เขาทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และวางแผนที่จะสร้างสถานการณ์ให้สอดประสานกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศโหมรุกเข้ามาทุกด้าน เป้าหมายคือล้มล้างรัฐบาลและให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมามีอำนาจใหม่ เพราะจะต้องรีบเอาเงินคืน รีบให้หลุดคดีไม่ต้องติดคุก เรื่องมีเท่านี้ เพราะฉะนั้นเขาสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาและคืนอำนาจให้กับประชาชน มองแล้วสมเหตุสมผลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การที่จะยุบสภาหรือไม่ มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไว้ ว่ายุบสภากรณีไหน ไม่ยุบสภากรณีไหน ถ้าทำแบบกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่พอใจก็เกณฑ์คนมาเดินขบวนแล้วบอกว่ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ ต่อไปรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ยากในประเทศไทย อย่างนั้นเขาเล่นตามอารมณ์ การเมืองจะว่าไปตามอารมณ์ไม่ได้
**ปชป. เชื่อแดงหวังสร้างความแตกแยก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วอร์รูมพรรคมองว่าการชุมนุมมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ1. การทำลายความมั่นคงภายในของประเทศไทยซึ่งสิ่งที่พรรควิตกอย่างยิ่งคือพัฒนาการของการใช้เวทีร่วมกันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นปช. และพรรคเพื่อไทย และยกระดับการปลุกระดมไปสู่การพาดพิงสถาบันเบื้องสูงโดยตรง ซึ่งเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คนไทยจะปฏิเสธและไม่ยอมรับแน่นอน 2.การใช้จังหวะช่วงเดือนธันวาคมเพื่อทุบและทำลาย เพราะรู้ว่ารัฐบาลสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจกลับมาเป็นบวกได้ในเดือนนี้ และเมื่อส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็จะกลับมาโทษรัฐบาลนี้ว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ยังวิตกถึงการส่งสัญญาณความรุนแรงจากแนงร่วมที่มีการพูดถึงการใช้กำลังเช่นกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแดงสยาม ที่ไม่ได้พูดชัดเจนถึงคำให้สัมภาษณ์เรื่องการเตรียมขนกำลังและอาวุธเบาเข้าทางชายแดนเข้าประเทศ ซึ่งสอดรับกับที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะมีการระเบิดเวทีพันธมิตร ฯรวมถึงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดว่าอาจจะมาปรากฎตัวที่ชายแดนไทย
**ข้องใจฉวยโอกาสทำลายความสุข
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากถามแกนนำ นปช.ว่ารู้หรือไม่ว่าเดือนธ.ค.นี้ คนไทยทั้งแผ่นดินต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง แต่คนเสื้อแดงกลับแสดงออกความจงรักภักดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงผู้เดียว คนทั้งชาติมีใจจดจ่อที่จะรับฟังกระแสพระราชดำรัสในวันสำคัญ ที่มีปีละครั้งว่าจะมีกระแสรับสั่ง แต่ไม่อยากฟังโฟนอินของทักษิณ จึงขอให้แกนนำเสื้อแดงทบทวนท่าที
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณได้ทวิตเตอร์ระบุว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นของสูง ไม่ควรเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง อยากฝากบอกไปว่า คนทั้งชาติย่อมรู้ที่ต่ำที่สูงดี มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประจำแล้วจะมาเรียกร้องคงไม่หนี ก่อนที่ศาลฏีกานักการเมือง จะมีคำสั่งเดือนเม.ย.ในสงกรานต์เลือดก็บอกว่า ถ้ามีเสียงปืนนัดเดียวจะกลับมานำม็อบแดง เป็นจริงทำไมไม่กลับมา เพราะมีเสียงปืนดังนับร้อยนัดแล้วก็ไม่เห็นเงาของคนชื่อทักษิณ กลับมาตามที่ประกาศ กลับปล่อยให้กองกำลังคนเถื่อนลิ่วล้อเผาบ้านเมือง ก่อจลาจลอย่างเมามัน ถ้ามองตาของคนชื่อทักษิณก็จะรู้ว่า ธาตุแท้เป็นอย่างไร เพราะนัยต์ตาของพ.ต.ท.ทักษิณ มีตาขาวมากกว่าตาดำ ถ้ากล้าจริงขอให้กลับมานำม็อบครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณดีแต่ซุกอยู่ใต้ปีกของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคงกล้าอยู่แค่ในกัมพูชา คงไม่กล้ามาเหยียบแผ่นดินอีสานตามที่ประกาศให้ความหวังพวกเสื้อแดงอีสาน
**“นปช.”ไม่สน รบ.ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เสื้อแดงมีเวลาเริ่มและเลิกชัดเจนในการชุมนุมเพราะไม่ต้องการให้กระทบหรือเกี่ยวพันกับทุกพิธีกรรมในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ดังนั้นรัฐบาลนี้ควรหยุดอ้างสถาบันเบื้องสูงมาสร้างความชอบธรรมทางการเมืองได้แล้ว อย่าพยายามทำตัวแอบแฝงที่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นได้แล้ว ทั้งนี้ยังยินดีถ้ารัฐบาลประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะยิ่งรัฐบาลทำอย่างนี้ก็จะยิ่งเป็นการเรียกให้คนมาร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงมากขึ้น ส่วนกรณีที่ทางพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท. ผบช.น.) จะไปขอร้องแกนนำนปช.เพื่อขอให้เลื่อนการชุมนุมออกไปก่อน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าจะมาเจรจาก็เจรจาได้ แต่คงไม่เป็นผล เพราะกลุ่มเสื้อแดงประกาศชัดเจนไปแล้ว และก็ประกาศชัดเจนด้วยว่าเช้ามืดวันที่ 2 ธ.ค.จะยุติทั้งหมด
**แดงถ่อยสุมหัวเด็ดชีพ “มาร์ค”
อีกเรื่องหนึ่ง จากที่นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำเสื้อแดงจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พูดคุยกันในรายการสภากาแฟ ซึ่งคนเสื้อแดงจัดขึ้นทุกเช้าที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านรายการวิทยุชุมชน 92.5 MHz ด้วย
วานนี้(20 พ.ย.)นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคลิปเสียงดังกล่าวมาเปิดให้สื่อมวลชนฟังพร้อมกล่าวว่า ขอให้ประชาชนร่วมกันประณาม และขอให้ตำรวจเชียงใหม่ขออำนาจศาลถอนการประกันตัวนายเพชรวรรต หรือใช้มาตรการไม่ให้หนีไปต่างประเทศ เพราะนายเพชรวรรตถูกดำเนินคดีหลายคดี จากนั้นนายบุญยอดได้นำคลิปเสียงดังกล่าวพร้อมเอกสารไปแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับนายเพชรวรรตและพวกด้วย
ทั้งนี้ บทสนทนาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ในเวลา 09.30 น.ตอนหนึ่ง นายเพชรวรรต ระบุว่า ในระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมการประชุมประจำปีหอการค้าทั่วประเทศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทางคนเสื้อแดงได้ประสานงานกันว่าจะไม่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่จะระดมมวลชน 8 จังหวัดมาที่เชียงใหม่ และรอบนี้จะไม่ใช่การขับไล่แต่จะเป็นการเอาชีวิตกันเท่านั้น โดยจะเป็นกิจกรรมเพื่อณาปนกิจนายอภิสิทธิ์สถานเดียว สอดรับกับนายสุรชัย แซ่ด่าน ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมกับคนเสื้อแดงเชียงใหม่ได้กล่าวเสริมในทางเดียวกันก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายเพชรวรรตได้กล่าวในรายการเดียวกันผ่านทางวิทยุว่า ตนทราบมาว่ามีคนเตรียมจะเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์ด้วยการระเบิดคาร์บอมบ์ และตนขอประกาศไม่เกี่ยวข้อง
** “มาร์ค” ลั่นสัปดาห์แอ่วเหนือแน่
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ในสัปดาห์หน้า แม้ล่าสุดจะมีการออกมาข่มขู่ผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดงถึงขั้นจะทำร้ายนายกรัฐมนตรี “เป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดูแล ข่าวทำนองนี้ก็มีมาเป็นระยะๆ ครั้งนี้อาจดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นหน่อย แต่เป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่เขาดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามกำหนดการต่างๆยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนการใช้วิทยุ และถึงขั้นข่มขู่นั้นผิดกฎหมาย ซึ่งอันนี้ทางเจ้าหน้าที่คงดำเนินการ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่าทั้งนี้แม้คนพูดจะมีคดีติดตัว คนๆนั้นก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ใครทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการ และต้องเข้มงวดกวดขันกันให้มากขึ้น เมื่อถามว่ากลัวหรือกังวลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่มีสิทธิ์ มันเป็นหน้าที่เราก็ทำ และเราต้องฟังความเห็นของฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายรักษาความปลอดภัยเขาด้วย แต่โดยหลักก็อยากจะไปทำหน้าที่ของเรา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า พื้นที่ตรงนั้นทางเจ้าหน้าที่เข้มแข็งพอสมควร แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง และเรื่องของข้อกฎหมายที่ต้องขึ้นอยู่กับหลายองค์กร ที่เดินหน้าทำอยู่ เมื่อถาามว่าจะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯเป็นพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ผู้จัดงานคือภาคเอกชน เขาต้องการที่จะทำให้งานนี้เป็นงานที่ช่วยระดมให้คนมองเห็นถึงความสำคัญที่จะมาช่วยกันทำงาน จะได้เกิดความสมานฉันท์ “พูดตามตรงเขาก็บอกว่า เชียงใหม่เสียโอกาสไปเยอะจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และจริงๆแล้วรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนการพัฒนาทุกพื้นที่ แม้กระทั้งเชียงใหม่ก็มีโครงการต่อเนื่อง เรื่องศูนย์ประชุม เรื่องอะไรต่างๆ ที่เขาต้องการให้ภาครัฐ ภาคเอกชนเข้าไป ผมเข้าใจว่าแม้กระทั่ง ส.ส. ซึ่งเป็นฝ่ายค้านก็ถูกดึงให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษา ฉะนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก หากเวทีนี้ไม่สามารถจัดขึ้นได้ เขาต้องการให้เป็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งผมมั่นใจว่า คนเชียงใหม่ส่วนใหญ่ ต้องการที่จะเห็นเกิดขึ้น”นายกฯกล่าว
** “เทือก” เชื่อคนเชียงใหม่จริงๆ ไม่โหด
นายสุเทพ เกล่าวว่า ตามรายงานการข่าว เจ้าหน้าที่ได้รายงานมาอย่างนั้น ซึ่งเรื่องที่ จ.เชียงใหม่เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ ในอดีตที่มีการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มคนเสื้อเหลือง ยังมีบิดาของเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชนท้องถิ่นถูกฆ่าตายกลางถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในสมัยนั้นไม่ตามคดีมาเสียที ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะตนเคยเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มา รู้ดีว่าคนเชียงใหม่ไม่ใช่คนโหดร้าย รุนแรง แต่กรณีที่มีการไปยุยง ปลุกปั่น มัวเมากัน ทำให้วุ่นวาย แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีขึ้นไป จ.เชียงใหม่ ก็เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องไปปฏิบัติภารกิจประชุมหอการค้าทั่วประเทศ “ผมให้คนคอยติดตามเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน เพราะทุกครั้งที่พวกเราไปก็ถูกต่อต้านทุกที ผมไปมา 2-3 ครั้ง ก็มาเล่นงานผมทุกที แต่คราวนี้ถึงขนาดประกาศออกวิทยุชุมชนกัน มันก็เกินไป แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเมื่อก่อนที่ผมไป จ.อุบลราชธานี วิทยุชุมชนก็ประกาศว่า ไอ้เทพเทือกจะไปตรงนั้น ให้พวกเราดักจัดการมัน ปลุกระดมให้คนลุกขึ้นมาทำร้ายกัน ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย”
**ปชป.เรียงหน้าจี้ปิดวิทยุแดง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมที่เหิมเกริมของคนนอกกฏหมายที่ท้าทายอำนาจรัฐปลุกระดมคน สร้างความแตกแยกในแผ่นดินและส่อให้เห็นว่า กลุ่มคนเสื้อแดง ไม่น้อยที่นิยมใช้ความรุนแรง ขอให้ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะหน่วยข่าวเข้าไปดูแลในเชิงลึก ถ้ามีข้อมูลจริงต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดที่กล้าใช้สื่อวิทยุชุมชน และขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านวิทยุชุมชน ต้องพิจารณาดำเนินการปิดสถานีดังกล่าวเพราะเป็นการใช้สถานีวิทยุชุมชนผิดวัตถุประสงค์ และขอให้จับกุมตัวการมาดำเนินคดีทางกฏหมาย เพราะถือว่ามีการเจตนาที่จะสังหารผู้นำของประเทศเพื่อก่อความไม่สงบแล้ว “แนวคิดใช้ความรุนแรงเช่นนี้ จะไม่มีในแกนนำคนเสื้อแดงระดับจังหวัดที่เชียงใหม่เพียงแห่งเดียว น่าจะมีการอบรมขยายแนวคิดใช้ความรุนแรงเช่นนนี้ผ่านโรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดินที่มีการฝึกอบรมมาแล้วหลายรุ่น น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์ดีๆของจังหวัดเชียงใหม่ ที่คนส่วนใหญ่ในจังหวัดไม่เอาด้วยกับแนวคิดนี้ แต่กลับปล่อยให้คนไม่กี่ร้อยคนมาทำให้ภาพลักษณ์ทั้งการท่องเที่ยว ความงดงามของประเพณี วัฒนธรรมของคนเชียงใหม่ถูกกลบกลืนไปด้วยข่าวพฤติกรรมป่าเถื่อนของคนพวกนี้ แล้วนักท่องเที่ยวที่ไหนจะกล้าไป”
**“น้องเดียว” เชื่อแดงถ่อยเป้าหมายสูง
วันเดียวกัน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้มีการดำเนินการทางกฎหมายไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายตั้งขึ้นมาใหม่ ขณะนี้อนุกรรมการกทช.เปิดให้มีการลงทะเบียนวิทยุชุมชนแล้ว จากนี้หากปรากฏว่ามีการทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องเข้าเงื่อนไขที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้เป็นวิทยุชุมชนได้ ประเด็นที่ต้องดำเนินการที่เชียงใหม่ ตนได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กทช.ที่นั่นตลอดเวลา เพราะจะมีการเฝ้าฟังบันทึกเทป และกรณีดังกล่าวจะดูเทปที่บันทึกไว้ ถ้าปรากฎหลักฐานชัดเจนว่ามีการปลุกระดมเพื่อมาทำร้ายคน ถือว่าเป็นการกระที่มีเจตนา จะมีความผิดทางอาญาและมีความผิดระเบียบวิทยชุมชน เรื่องนี้จะประสานไปยังตำรวจและผู้เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตามจะควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่ต้องป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีวิทยุชุมชนที่ทำผิดอยู่ประมาณ 20 สถานี ซึ่งเป็ยกลุ่มที่เคยทำความผิดมาแล้ว
“มีการประเมินตลอด และรับรู้มาตั้งแต่ต้นยืนยันว่าสิ่งที่นายกฯบอกว่าเขามีเป้าหมายมากกว่าให้รัฐบาลยุบสภาจริง ข่าวที่เกี่ยวข้องทำร้ายนายกฯ ถึงขั้นเอาชีวิตถึงขั้นที่มีการยืนยันมาตลอดเวลา จะเห็นตั้งแต่ที่กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่ว่ากลัวจนไม่ไปไหน แต่ต้องระวังเพราะรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่นายกฯคนเดียว”นายสาทิตย์กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายกฯว่ามีวิทยุชุมชนหลายที่ที่ไปปลุกระดมให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ คล้ายๆ ยุคก่อนเดือนเม.ย.ที่ผ่าน ฉะนั้นการดำเนินการจะเข้มงวดขึ้น จะมาบอกว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงคงไม่ได้อีกแล้ว เพราะปรากฏหลักฐานชัด เรื่องคดีก็มีการดำเนินการ ฟ้องร้องดำเนินคดี หากมีอีกคงจะหนักกว่าเดิม
“รัฐบาลจะปล่อยให้กลุ่มคนที่ไม่คำนึงถึงกฎหมายและความสงบสุขของบ้านเมืองคงไม่ได้ และการเดินทางไปเชียงใหม่ของนายฯนั้นไปแน่นอน และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลเต็มที่ หากมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องจัดการไม่มีทางเลือก” นายสาทิตย์กล่าวและว่าพบว่าจำนวนคนเสื้อแดงลดลงในทุกจังหวัด เพราะเขารู้ว่าถ้าประท้วงในขณะที่นายกฯไปช่วยชาวนาเขาก็จะเสีย แต่แกนนำคนเสื้อแดงที่กรุงเทพพยายามจะไปรวมคนเสื้อแดงที่มาจากจังหวัดอื่น คนมาประท้วงเพราะมีความเชื่ออย่างหนึ่ง กับออกมาประท้วงหาประโยชน์ก็มี เช่น กรณีที่อุบลฯบอกขอแสดงพลังเพื่อให้วางบิลได้
**ส่ง จนท.เจรจาแกนนำแดง
เมื่อถามว่า การส่งคนลงไปเจรจาแกนนำแต่ละพื้นที่ก่อนที่รัฐบาลจะลงพื้นที่ช่วยอะไรได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ช่วยได้ในหลายที่ สำหรับคนที่คิดว่าความเคลื่อนไหวไม่มีความชอบธรรมแล้ว ประท้วงเพื่อคนๆ เดียว ก็ถอยกันเยอะ แต่มีแกนนำบางส่วนหนึ่งยืนยันว่าต้องทำต่อ หลายคนก็เหมือนที่ได้รับผลประโยชน์ด้วย ฉะนั้นกลุ่มนี้คงยากหน่อย แต่หน้าที่รัฐบาลคงไม่รังแกใครก่อน มีหน้าที่รักษากฎหมาย ดำเนินการให้สงบเรียบร้อย
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินหรือไม่นั้นคงยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศ เพราะการประกาศพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉินคงต้องปรากฏเหตุที่ชัดเจน อย่างกรณีการชุมนุม 28- 29 พ.ย.จะต้องมีหน่วยงานที่ติดตามสถานการณ์ มีเงื่อนไขที่ปรากฏชัดเจน ว่ามีเหตุการณ์ที่คุกคามต่อความมั่นคงจึงประกาศได้
วานนี้(20 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมเร็วขึ้น เป็นวันที่ 28 พ.ย.นี้ ว่า ขณะนี้กำลังรอให้ฝ่ายความมั่นคงรายงานการข่าวมายังรัฐบาล เพื่อเสนอต่อ ครม.ว่าจะดำเนินการอย่างไร เข้าใจว่าในวันอังคารที่ 24 พ.ย. นี้ คงจะชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่
ส่วนที่ยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดงจะกระจายไปหลายพื้นที่ จะควบคุมได้ทุกจุดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องประเมินสถานการณ์ และทำงานทางด้านการข่าวพอสมควร ถึงแนวทางการเคลื่อนไหว แต่ถ้าการเคลื่อนไหวกำลังจะมาทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย เรายอมไม่ได้ หากไปบอกต้องการ หรือเจตนาให้เกิดปัญหาความเดือดร้อน หรือความวุ่นวายขึ้นโดยทั่วกัน อันนี้ไม่ใช่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ามาแล้วใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เราอยากจะให้ทุกอย่างอยู่บนความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า เขาบอกจะใช้คนเป็นล้านมากดดันให้นายกฯ ยุบสภาฯ จำนวนคนมีผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการเคลื่อนไหว เขาจะมาเป็นล้าน หรือจะมาสิบคน สิทธิเหมือนกัน คือชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ถ้าสิบคนทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ล้านคนมาถ้าไม่ทำผิดกฎหมายเลย ก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ ส่วนการกดดันตอนนี้มีกระบวนการทุกอย่างอยู่ในสภาและเปิดสมัยประชุมมาคราวหน้าเขาจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งก็มีกลไกของสภาฯ ที่มีการตรวจสอบอยู่
"ต้องถามว่า เงื่อนไขที่บอกว่าจะให้มากดดันให้มายุบสภาฯอะไรกันตอนนี้คืออะไร จริงๆตรงกันข้าม ผมได้เรียนแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มดีขึ้นชัดเจน ถ้ามาตกลงกันเรื่องกติกาเดิม ก็มาบอกจะแก้รัฐธรรมนูญกัน เมื่อตกลงกันได้ 6 ประเด็น ฝ่ายค้านก็เป็นฝ่ายที่ถอยไปเอง ผมก็บอกว่า หากบ้านเมืองสงบไม่มาเคลื่อนไหวขัดขวางการทำงาน เปิดโอกาสให้คนไปหาเสียงกันได้ตามปกติ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ การยุสภา แต่วันนี้คนที่เป็นฝ่ายปิดเงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายที่มาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ทำให้เกิดความคิดว่า สรุปแล้วความต้องการอันนั้น อยู่บนพื้นฐานอะไร เป็นประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่”นาอยภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จริงๆแล้วเหมือนความต้องการของคนกลุ่มนี้มากกว่าการยุบสภา อาจต้องการความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่มันใหญ่กว่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้ที่ตนคิดว่า นับวันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายมันคือเป้ามหายของบุคคล ของกลุ่ม เป็นผลประโยชน์เฉพาะตรงนั้นไม่ใช่เรื่องของส่วนรวม
** “เทือก”เชื่อแดงถ่อยหวังสูงกว่ายุบสภา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า อยากฝากถึงคนเสื้อแดงว่าช่วงปลายเดือนนี้ และเดือน ธ.ค.ไม่น่าจะเป็นเวลาของการชุมนุม เป็นเวลาที่คนไทยได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และจะเกิดความวุ่นวายกลายเป็นปัญหาของบ้านเมือง เพราะช่วงระยะเวลานั้นจะมีคนออกมาร่วมงานมาก รัฐบาลได้กำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.จะมีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติธรรมตามศาสนพิธี ซึ่งเขาทำกันทั่วประเทศ ปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เป็นบรรยากาศที่เขาต้องการความสงบด้านจิตใจ แต่ถ้ามาทำอะไรที่วุ่นวายก็ไม่น่าดู เป็นการรบกวนคนอื่น ส่วนวันที่ 3-4-5 ธ.ค.ก็มีงานไปตามลำดับจนถึงวันที่ 13 ธ.ค.ก่อนหน้านั้นก็มีการซักซ้อมงานสำคัญ ๆ
เมื่อถามว่าจะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเห็นว่าจำเป็นต้องใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯก็จะดำเนินการ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จุดประสงค์กลุ่มคนเสื้อแดงชัดเจนว่าต้องการล้มรัฐบาล เป็นเหตุผลที่ชัดเจนหรือไม่ที่จะประกาศ พ.ร.บ. นายสุเทพ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่าจะล้มรัฐบาล ทำให้ตนต้องคิดเรื่องของการนำ พ.ร.บ.มาใช้ เพราะถ้าเป็นการชุมนุมโดยปกติ แค่แสดงพลัง แสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยสงบ ไม่ไปก่อกวนปิดถนน ภาพที่พวกเขาเคยทำร้ายประเทศไทยช่วงสงกรานต์มันยังอยู่ในใจ จึงทำให้กังวลใจว่า คนพวกนี้จะไปก่อเหตุเช่นนั้นอีกจึงจะปล่อยไม่ได้ ต่อข้อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงประกาศว่าในวันจันทร์ที่ 30 พ.ย.ซึ่งเป็นวันทำงาน ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดาวกระจายไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุเทพฯ เตรียมรับมืออย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า “นั่นนะสิ ผมถึงได้เป็นห่วงมีการดาวกระจายไปตามถนนต่าง ๆ กรุงเทพฯก็จะเป็นอัมพาต เพราะเป็นช่วงเวลาทำงาน ผมคงต้องไปปรึกษาหารือ และติดตามสถานการณ์ให้รอบคอบ ให้ละเอียด” นายสุเทพ กล่าวและว่า ส่วนที่จำเป็นต้องตั้งกองบัญชาการหรือไม่นั้น คงต้องดูสถานการณ์ก่อน
นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เขาทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และวางแผนที่จะสร้างสถานการณ์ให้สอดประสานกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศโหมรุกเข้ามาทุกด้าน เป้าหมายคือล้มล้างรัฐบาลและให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมามีอำนาจใหม่ เพราะจะต้องรีบเอาเงินคืน รีบให้หลุดคดีไม่ต้องติดคุก เรื่องมีเท่านี้ เพราะฉะนั้นเขาสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาและคืนอำนาจให้กับประชาชน มองแล้วสมเหตุสมผลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การที่จะยุบสภาหรือไม่ มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไว้ ว่ายุบสภากรณีไหน ไม่ยุบสภากรณีไหน ถ้าทำแบบกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่พอใจก็เกณฑ์คนมาเดินขบวนแล้วบอกว่ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ ต่อไปรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ยากในประเทศไทย อย่างนั้นเขาเล่นตามอารมณ์ การเมืองจะว่าไปตามอารมณ์ไม่ได้
**ปชป. เชื่อแดงหวังสร้างความแตกแยก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วอร์รูมพรรคมองว่าการชุมนุมมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ1. การทำลายความมั่นคงภายในของประเทศไทยซึ่งสิ่งที่พรรควิตกอย่างยิ่งคือพัฒนาการของการใช้เวทีร่วมกันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นปช. และพรรคเพื่อไทย และยกระดับการปลุกระดมไปสู่การพาดพิงสถาบันเบื้องสูงโดยตรง ซึ่งเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คนไทยจะปฏิเสธและไม่ยอมรับแน่นอน 2.การใช้จังหวะช่วงเดือนธันวาคมเพื่อทุบและทำลาย เพราะรู้ว่ารัฐบาลสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจกลับมาเป็นบวกได้ในเดือนนี้ และเมื่อส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็จะกลับมาโทษรัฐบาลนี้ว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ยังวิตกถึงการส่งสัญญาณความรุนแรงจากแนงร่วมที่มีการพูดถึงการใช้กำลังเช่นกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแดงสยาม ที่ไม่ได้พูดชัดเจนถึงคำให้สัมภาษณ์เรื่องการเตรียมขนกำลังและอาวุธเบาเข้าทางชายแดนเข้าประเทศ ซึ่งสอดรับกับที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะมีการระเบิดเวทีพันธมิตร ฯรวมถึงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดว่าอาจจะมาปรากฎตัวที่ชายแดนไทย
**ข้องใจฉวยโอกาสทำลายความสุข
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากถามแกนนำ นปช.ว่ารู้หรือไม่ว่าเดือนธ.ค.นี้ คนไทยทั้งแผ่นดินต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง แต่คนเสื้อแดงกลับแสดงออกความจงรักภักดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงผู้เดียว คนทั้งชาติมีใจจดจ่อที่จะรับฟังกระแสพระราชดำรัสในวันสำคัญ ที่มีปีละครั้งว่าจะมีกระแสรับสั่ง แต่ไม่อยากฟังโฟนอินของทักษิณ จึงขอให้แกนนำเสื้อแดงทบทวนท่าที
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณได้ทวิตเตอร์ระบุว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นของสูง ไม่ควรเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง อยากฝากบอกไปว่า คนทั้งชาติย่อมรู้ที่ต่ำที่สูงดี มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประจำแล้วจะมาเรียกร้องคงไม่หนี ก่อนที่ศาลฏีกานักการเมือง จะมีคำสั่งเดือนเม.ย.ในสงกรานต์เลือดก็บอกว่า ถ้ามีเสียงปืนนัดเดียวจะกลับมานำม็อบแดง เป็นจริงทำไมไม่กลับมา เพราะมีเสียงปืนดังนับร้อยนัดแล้วก็ไม่เห็นเงาของคนชื่อทักษิณ กลับมาตามที่ประกาศ กลับปล่อยให้กองกำลังคนเถื่อนลิ่วล้อเผาบ้านเมือง ก่อจลาจลอย่างเมามัน ถ้ามองตาของคนชื่อทักษิณก็จะรู้ว่า ธาตุแท้เป็นอย่างไร เพราะนัยต์ตาของพ.ต.ท.ทักษิณ มีตาขาวมากกว่าตาดำ ถ้ากล้าจริงขอให้กลับมานำม็อบครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณดีแต่ซุกอยู่ใต้ปีกของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคงกล้าอยู่แค่ในกัมพูชา คงไม่กล้ามาเหยียบแผ่นดินอีสานตามที่ประกาศให้ความหวังพวกเสื้อแดงอีสาน
**“นปช.”ไม่สน รบ.ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เสื้อแดงมีเวลาเริ่มและเลิกชัดเจนในการชุมนุมเพราะไม่ต้องการให้กระทบหรือเกี่ยวพันกับทุกพิธีกรรมในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ดังนั้นรัฐบาลนี้ควรหยุดอ้างสถาบันเบื้องสูงมาสร้างความชอบธรรมทางการเมืองได้แล้ว อย่าพยายามทำตัวแอบแฝงที่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นได้แล้ว ทั้งนี้ยังยินดีถ้ารัฐบาลประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะยิ่งรัฐบาลทำอย่างนี้ก็จะยิ่งเป็นการเรียกให้คนมาร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงมากขึ้น ส่วนกรณีที่ทางพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท. ผบช.น.) จะไปขอร้องแกนนำนปช.เพื่อขอให้เลื่อนการชุมนุมออกไปก่อน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าจะมาเจรจาก็เจรจาได้ แต่คงไม่เป็นผล เพราะกลุ่มเสื้อแดงประกาศชัดเจนไปแล้ว และก็ประกาศชัดเจนด้วยว่าเช้ามืดวันที่ 2 ธ.ค.จะยุติทั้งหมด
**แดงถ่อยสุมหัวเด็ดชีพ “มาร์ค”
อีกเรื่องหนึ่ง จากที่นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำเสื้อแดงจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พูดคุยกันในรายการสภากาแฟ ซึ่งคนเสื้อแดงจัดขึ้นทุกเช้าที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านรายการวิทยุชุมชน 92.5 MHz ด้วย
วานนี้(20 พ.ย.)นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคลิปเสียงดังกล่าวมาเปิดให้สื่อมวลชนฟังพร้อมกล่าวว่า ขอให้ประชาชนร่วมกันประณาม และขอให้ตำรวจเชียงใหม่ขออำนาจศาลถอนการประกันตัวนายเพชรวรรต หรือใช้มาตรการไม่ให้หนีไปต่างประเทศ เพราะนายเพชรวรรตถูกดำเนินคดีหลายคดี จากนั้นนายบุญยอดได้นำคลิปเสียงดังกล่าวพร้อมเอกสารไปแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับนายเพชรวรรตและพวกด้วย
ทั้งนี้ บทสนทนาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ในเวลา 09.30 น.ตอนหนึ่ง นายเพชรวรรต ระบุว่า ในระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมการประชุมประจำปีหอการค้าทั่วประเทศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทางคนเสื้อแดงได้ประสานงานกันว่าจะไม่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่จะระดมมวลชน 8 จังหวัดมาที่เชียงใหม่ และรอบนี้จะไม่ใช่การขับไล่แต่จะเป็นการเอาชีวิตกันเท่านั้น โดยจะเป็นกิจกรรมเพื่อณาปนกิจนายอภิสิทธิ์สถานเดียว สอดรับกับนายสุรชัย แซ่ด่าน ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมกับคนเสื้อแดงเชียงใหม่ได้กล่าวเสริมในทางเดียวกันก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายเพชรวรรตได้กล่าวในรายการเดียวกันผ่านทางวิทยุว่า ตนทราบมาว่ามีคนเตรียมจะเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์ด้วยการระเบิดคาร์บอมบ์ และตนขอประกาศไม่เกี่ยวข้อง
** “มาร์ค” ลั่นสัปดาห์แอ่วเหนือแน่
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ในสัปดาห์หน้า แม้ล่าสุดจะมีการออกมาข่มขู่ผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดงถึงขั้นจะทำร้ายนายกรัฐมนตรี “เป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดูแล ข่าวทำนองนี้ก็มีมาเป็นระยะๆ ครั้งนี้อาจดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นหน่อย แต่เป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่เขาดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามกำหนดการต่างๆยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนการใช้วิทยุ และถึงขั้นข่มขู่นั้นผิดกฎหมาย ซึ่งอันนี้ทางเจ้าหน้าที่คงดำเนินการ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่าทั้งนี้แม้คนพูดจะมีคดีติดตัว คนๆนั้นก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ใครทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการ และต้องเข้มงวดกวดขันกันให้มากขึ้น เมื่อถามว่ากลัวหรือกังวลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่มีสิทธิ์ มันเป็นหน้าที่เราก็ทำ และเราต้องฟังความเห็นของฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายรักษาความปลอดภัยเขาด้วย แต่โดยหลักก็อยากจะไปทำหน้าที่ของเรา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า พื้นที่ตรงนั้นทางเจ้าหน้าที่เข้มแข็งพอสมควร แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง และเรื่องของข้อกฎหมายที่ต้องขึ้นอยู่กับหลายองค์กร ที่เดินหน้าทำอยู่ เมื่อถาามว่าจะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯเป็นพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ผู้จัดงานคือภาคเอกชน เขาต้องการที่จะทำให้งานนี้เป็นงานที่ช่วยระดมให้คนมองเห็นถึงความสำคัญที่จะมาช่วยกันทำงาน จะได้เกิดความสมานฉันท์ “พูดตามตรงเขาก็บอกว่า เชียงใหม่เสียโอกาสไปเยอะจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และจริงๆแล้วรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนการพัฒนาทุกพื้นที่ แม้กระทั้งเชียงใหม่ก็มีโครงการต่อเนื่อง เรื่องศูนย์ประชุม เรื่องอะไรต่างๆ ที่เขาต้องการให้ภาครัฐ ภาคเอกชนเข้าไป ผมเข้าใจว่าแม้กระทั่ง ส.ส. ซึ่งเป็นฝ่ายค้านก็ถูกดึงให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษา ฉะนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก หากเวทีนี้ไม่สามารถจัดขึ้นได้ เขาต้องการให้เป็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งผมมั่นใจว่า คนเชียงใหม่ส่วนใหญ่ ต้องการที่จะเห็นเกิดขึ้น”นายกฯกล่าว
** “เทือก” เชื่อคนเชียงใหม่จริงๆ ไม่โหด
นายสุเทพ เกล่าวว่า ตามรายงานการข่าว เจ้าหน้าที่ได้รายงานมาอย่างนั้น ซึ่งเรื่องที่ จ.เชียงใหม่เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ ในอดีตที่มีการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มคนเสื้อเหลือง ยังมีบิดาของเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชนท้องถิ่นถูกฆ่าตายกลางถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในสมัยนั้นไม่ตามคดีมาเสียที ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะตนเคยเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มา รู้ดีว่าคนเชียงใหม่ไม่ใช่คนโหดร้าย รุนแรง แต่กรณีที่มีการไปยุยง ปลุกปั่น มัวเมากัน ทำให้วุ่นวาย แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีขึ้นไป จ.เชียงใหม่ ก็เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องไปปฏิบัติภารกิจประชุมหอการค้าทั่วประเทศ “ผมให้คนคอยติดตามเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน เพราะทุกครั้งที่พวกเราไปก็ถูกต่อต้านทุกที ผมไปมา 2-3 ครั้ง ก็มาเล่นงานผมทุกที แต่คราวนี้ถึงขนาดประกาศออกวิทยุชุมชนกัน มันก็เกินไป แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเมื่อก่อนที่ผมไป จ.อุบลราชธานี วิทยุชุมชนก็ประกาศว่า ไอ้เทพเทือกจะไปตรงนั้น ให้พวกเราดักจัดการมัน ปลุกระดมให้คนลุกขึ้นมาทำร้ายกัน ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย”
**ปชป.เรียงหน้าจี้ปิดวิทยุแดง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมที่เหิมเกริมของคนนอกกฏหมายที่ท้าทายอำนาจรัฐปลุกระดมคน สร้างความแตกแยกในแผ่นดินและส่อให้เห็นว่า กลุ่มคนเสื้อแดง ไม่น้อยที่นิยมใช้ความรุนแรง ขอให้ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะหน่วยข่าวเข้าไปดูแลในเชิงลึก ถ้ามีข้อมูลจริงต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดที่กล้าใช้สื่อวิทยุชุมชน และขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านวิทยุชุมชน ต้องพิจารณาดำเนินการปิดสถานีดังกล่าวเพราะเป็นการใช้สถานีวิทยุชุมชนผิดวัตถุประสงค์ และขอให้จับกุมตัวการมาดำเนินคดีทางกฏหมาย เพราะถือว่ามีการเจตนาที่จะสังหารผู้นำของประเทศเพื่อก่อความไม่สงบแล้ว “แนวคิดใช้ความรุนแรงเช่นนี้ จะไม่มีในแกนนำคนเสื้อแดงระดับจังหวัดที่เชียงใหม่เพียงแห่งเดียว น่าจะมีการอบรมขยายแนวคิดใช้ความรุนแรงเช่นนนี้ผ่านโรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดินที่มีการฝึกอบรมมาแล้วหลายรุ่น น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์ดีๆของจังหวัดเชียงใหม่ ที่คนส่วนใหญ่ในจังหวัดไม่เอาด้วยกับแนวคิดนี้ แต่กลับปล่อยให้คนไม่กี่ร้อยคนมาทำให้ภาพลักษณ์ทั้งการท่องเที่ยว ความงดงามของประเพณี วัฒนธรรมของคนเชียงใหม่ถูกกลบกลืนไปด้วยข่าวพฤติกรรมป่าเถื่อนของคนพวกนี้ แล้วนักท่องเที่ยวที่ไหนจะกล้าไป”
**“น้องเดียว” เชื่อแดงถ่อยเป้าหมายสูง
วันเดียวกัน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้มีการดำเนินการทางกฎหมายไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายตั้งขึ้นมาใหม่ ขณะนี้อนุกรรมการกทช.เปิดให้มีการลงทะเบียนวิทยุชุมชนแล้ว จากนี้หากปรากฏว่ามีการทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องเข้าเงื่อนไขที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้เป็นวิทยุชุมชนได้ ประเด็นที่ต้องดำเนินการที่เชียงใหม่ ตนได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กทช.ที่นั่นตลอดเวลา เพราะจะมีการเฝ้าฟังบันทึกเทป และกรณีดังกล่าวจะดูเทปที่บันทึกไว้ ถ้าปรากฎหลักฐานชัดเจนว่ามีการปลุกระดมเพื่อมาทำร้ายคน ถือว่าเป็นการกระที่มีเจตนา จะมีความผิดทางอาญาและมีความผิดระเบียบวิทยชุมชน เรื่องนี้จะประสานไปยังตำรวจและผู้เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตามจะควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่ต้องป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีวิทยุชุมชนที่ทำผิดอยู่ประมาณ 20 สถานี ซึ่งเป็ยกลุ่มที่เคยทำความผิดมาแล้ว
“มีการประเมินตลอด และรับรู้มาตั้งแต่ต้นยืนยันว่าสิ่งที่นายกฯบอกว่าเขามีเป้าหมายมากกว่าให้รัฐบาลยุบสภาจริง ข่าวที่เกี่ยวข้องทำร้ายนายกฯ ถึงขั้นเอาชีวิตถึงขั้นที่มีการยืนยันมาตลอดเวลา จะเห็นตั้งแต่ที่กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่ว่ากลัวจนไม่ไปไหน แต่ต้องระวังเพราะรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่นายกฯคนเดียว”นายสาทิตย์กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายกฯว่ามีวิทยุชุมชนหลายที่ที่ไปปลุกระดมให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ คล้ายๆ ยุคก่อนเดือนเม.ย.ที่ผ่าน ฉะนั้นการดำเนินการจะเข้มงวดขึ้น จะมาบอกว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงคงไม่ได้อีกแล้ว เพราะปรากฏหลักฐานชัด เรื่องคดีก็มีการดำเนินการ ฟ้องร้องดำเนินคดี หากมีอีกคงจะหนักกว่าเดิม
“รัฐบาลจะปล่อยให้กลุ่มคนที่ไม่คำนึงถึงกฎหมายและความสงบสุขของบ้านเมืองคงไม่ได้ และการเดินทางไปเชียงใหม่ของนายฯนั้นไปแน่นอน และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลเต็มที่ หากมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องจัดการไม่มีทางเลือก” นายสาทิตย์กล่าวและว่าพบว่าจำนวนคนเสื้อแดงลดลงในทุกจังหวัด เพราะเขารู้ว่าถ้าประท้วงในขณะที่นายกฯไปช่วยชาวนาเขาก็จะเสีย แต่แกนนำคนเสื้อแดงที่กรุงเทพพยายามจะไปรวมคนเสื้อแดงที่มาจากจังหวัดอื่น คนมาประท้วงเพราะมีความเชื่ออย่างหนึ่ง กับออกมาประท้วงหาประโยชน์ก็มี เช่น กรณีที่อุบลฯบอกขอแสดงพลังเพื่อให้วางบิลได้
**ส่ง จนท.เจรจาแกนนำแดง
เมื่อถามว่า การส่งคนลงไปเจรจาแกนนำแต่ละพื้นที่ก่อนที่รัฐบาลจะลงพื้นที่ช่วยอะไรได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ช่วยได้ในหลายที่ สำหรับคนที่คิดว่าความเคลื่อนไหวไม่มีความชอบธรรมแล้ว ประท้วงเพื่อคนๆ เดียว ก็ถอยกันเยอะ แต่มีแกนนำบางส่วนหนึ่งยืนยันว่าต้องทำต่อ หลายคนก็เหมือนที่ได้รับผลประโยชน์ด้วย ฉะนั้นกลุ่มนี้คงยากหน่อย แต่หน้าที่รัฐบาลคงไม่รังแกใครก่อน มีหน้าที่รักษากฎหมาย ดำเนินการให้สงบเรียบร้อย
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินหรือไม่นั้นคงยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศ เพราะการประกาศพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉินคงต้องปรากฏเหตุที่ชัดเจน อย่างกรณีการชุมนุม 28- 29 พ.ย.จะต้องมีหน่วยงานที่ติดตามสถานการณ์ มีเงื่อนไขที่ปรากฏชัดเจน ว่ามีเหตุการณ์ที่คุกคามต่อความมั่นคงจึงประกาศได้