xs
xsm
sm
md
lg

“นช.แม้ว” อยู่อย่าง “ราชา” ในดูไบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลัง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเข้ามาเหยียบแผ่นดินกัมพูชา เพื่อปฏิบัติภารกิจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย แผ่นดินเกิด แต่น่าจะไม่ใช่แผ่นดินตายของตัวเองแล้ว นช.ทักษิณก็บินปร๋อกลับไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฐานบัญชาการการรบของเขาอีกครั้ง

หลายคนอาจคิดว่า ชีวิตความเป็นอยู่มหาเศรษฐีที่ถูกอายัดเงินกว่า 8.6 หมื่นล้านบาท และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปีจากคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ในดูไบคงเป็นไปอย่างลำบาก เพราะต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ อาหารการกินก็คงไม่ถูกปาก

แต่ความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่

นช.ทักษิณยังคงใช้ชีวิตในต่างประเทศไม่ต่างอะไรกับ “มหาราชา” เขายังคงมีชีวิตไม่ต่างอะไรกับที่อยู่ในเมืองไทย แถมยังฟู่ฟ่าและเปิดเผยชนิดที่ไม่ต้องเกรงกลัวสายตาของใครอีกต่างหาก

ทุ่มซื้อคฤหาสน์หรูเพียบ

กล่าวสำหรับถิ่นพำนักพักอาศัยของนช.ทักษิณในดูไบนั้น จากการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข่าวในดูไบพบว่า เขาทุ่มทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์และบ้านเอาไว้หลายต่อหลายแห่งด้วยกัน แต่คฤหาสน์ที่เขากินอยู่หลับนอนคือโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ชื่อ Emirates Hills

Emirates Hills เป็นโครงการสุดหรูที่ตั้งชื่อเลียนแบบย่าน Beverly Hills ของสหรัฐอเมริกา โดยคฤหาสน์ของเขาอยู่ใน Sector E ซึ่งสร้างเรียงรายเป็นวงล้อมรอบสนามกอล์ฟ The Montgomerie กีฬาที่เขาโปรดปรานมากเป็นพิเศษ

คฤหาสน์หมายเลข E46 ซอยแยกที่ 10 จากถนนเมนคือเลขที่คฤหาสน์ของ นช.ทักษิณ

สนนราคาของคฤหาสน์ที่ซื้อขายกันไม่แพงเท่าใดนักสำหรับคนรวยเพราะคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐแล้ว ตกอยู่ที่ประมาณ1-5.4 ล้านเท่านั้น

สำหรับรูปลักษณ์ของตัวอาคารนั้น มีอาคารขนาด 2 ชั้น ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับสภาพอากาศแบบทะเลทราย

อีกโครงการหนึ่งที่ว่ากันว่า นช.ทักษิณเป็นเจ้าของอยู่ที่ Dubai Creek ซึ่งคนที่จะไปอยู่ที่นั่นได้ แน่นอนว่า ไม่ใช่ธรรมดา เพราะสนนราคาน่าจะตกอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าหลักสิบล้านหรืออาจจะถึงร้อยล้านบาทเสียด้วยซ้ำไป

ส่วนอีกโครงการหนึ่งที่หากเอ่ยชื่อแล้วคงต้องเป่าปากด้วยความสงสัยว่า นักโทษชายเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะราคาต่อหลังนั้น “โคตรแพง” คือมีราคาสูงถึง 800 ล้านบาททีเดียว นั่นก็คือโครงการที่มีชื่อว่า The Palm Jumeira

เรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งของ The Palm ก็คือ โครงการนี้เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลให้เป็นรูปต้นปาล์ม ซึ่งคนดูไบ คนท้องถิ่นไม่ซื้อ เพราะเห็นว่าเป็นการก่อสร้างที่ผิดหลักธรรมชาติ เป็นการทำลายธรรมชาติ คือขนดินไปถมทะเลแล้วนำมาสร้างบ้าน ดังนั้น The Palm จึงขายคนท้องถิ่นไม่ได้ หากแต่สามารถขายได้สำหรับมหาเศรษฐีที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้เท่านั้น

นอกจากนี้ ว่ากันว่า เขายังซื้อ “เบิร์จดูไบ(Burj Dubai)”ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเอาไว้อีก 1 ฟลอร์อีกต่างหาก

“ช่วงแรกๆ ที่เข้าไปดูไบ จำได้ว่า มีอยู่วันหนึ่งมีเจ้านายระดับสูงเดินทางเข้าไปที่ดูไบ และพักที่ร.ร.ดุสิตธานีดูไบ แต่ท่านอดีตนายกฯ ไปพักที่โรงแรมเรือใบ ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีค่าห้องแพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าห้องต่ำสุดต่อคืนอยู่ที่ 3 หมื่นดอลลาร์”แหล่งข่าวจากดูไบเล่าให้ฟัง

ด้านรถยนต์ที่ใช้นั้น นช.ทักษิณมีรถใช้หลายคัน แต่รถที่ใช้ส่วนตัวเป็นรถยี่ห้อหรู Bentley หมายเลขทะเบียน F54155นอกจากนี้ยังมีรถตู้ที่คอยเอาไว้ให้บริการแขกเหรื่อ ซึ่งด้านหลังจะติดสติ๊กเกอร์ “คนรักทักษิณ” แสดงเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน

ส่วนบอดี้การ์ดที่นช.ทักษิณใช้บริการนั้น คาดว่าเป็น “ทหารรับจ้าง” ที่น่าจะมีฝีไม้ลายมือเข้าขั้นเทพ โดยการ์ดที่อยู่ข้างกายใกล้ชิดมีอยู่ 2 คน คนหนึ่งเป็นชายผิวดำ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นฝรั่ง ทั้งนี้ นอกจากการรักษาความปลอดภัยแล้ว อีกหนึ่งหน้าที่ที่การ์ดทั้ง 2 คนต้องจัดการก็คือ การป้องกันไม่ให้มีใครที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถถ่ายรูปนช.ทักษิณได้ นอกจากนี้ เวลาที่เจ้ามูลเมืองจะเข้าไปกินอาหารที่ร้านใด ทั้ง 2 คนก็จะต้องนำเครื่องตรวจระเบิดมาเช็คเสมอ เพราะเกรงจะมีมือสังหารมาลอบทำร้าย

คนบัวแก้วเทกแคร์สุดชีวิต

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันบ้าง

เริ่มจากการเดินทางเข้าออกดูไบ ซึ่งไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทุกอย่างปลอดโปร่งโล่งสะดวกเพราะนึกจะเดินทางไปไหนก็ได้ตามความต้องการ เข้าดูไบ ออกดูไบ ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากมีคนของ “ก.บัวแก้ว” คอยดูแลและเทกแคร์อย่างเอาใจใส่ ราวกับว่า คนผู้นี้ยังเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่ใช่นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน

คนๆ นี้มีชื่อย่อว่า นาย“ป.” ซึ่งคนไทยในดูไบรู้จักกันดีเนื่องจากมีตำแหน่งแห่งหนที่ไม่ธรรมดา

นาย “ป.” จะคอยดูแลนักโทษชายหนีคดีตลอดเวลา ซึ่งนั่นส่งผลทำให้นายใหญ่แห่งดูไบสามารถเข้าออก ดูไบได้อย่างสะดวกสบายเฉกเช่นเดียวกับบุคคลระดับ VIP ของชาติ ไม่ว่า นช.ทักษิณไปที่ไหน นาย ป.ผู้นี่ก็จะไปปรากฏตัวอยู่ด้วยเสมือนเงาตามตัว ยิ่งช่วงที่ไปอยู่ดูไบแรกๆ ด้วยแล้ว ยิ่งเห็นภาพนี้ชัด แต่ในระยะหลังๆ ทราบว่า ไม่กล้าแสดงตัวออกนอกหน้าสักเท่าไหร่

ขณะที่เพื่อนร่วมงานของ นาย ป.เองก็เทิดทูนบูชา นช.ทักษิณกันเกือบทั้งหมด สมมติว่าในหน่วยงานมีคน 10 คน ในจำนวนนี้จะมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ไม่ใช่คนเสื้อแดง

นอกจาก นาย ป.แล้ว อีกคนหนึ่งที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้เพราะเป็นคนที่คอยดูแลช่วยเหลือ นช.ทักษิณทุกอย่างไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “ไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์” เจ้าของบ้านฉางกรุ๊ป

ไพโรจน์นั้นปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับนช.ทักษิณ และเป็นคนที่นายใหญ่ให้ความไว้วางใจเป็นอย่างสูง

แหล่งข่าวในดูไบรายงานว่า “ไพโรจน์ลงทุนทำธุรกิจร้านขายอาหารในดูไบ เป็นร้านขายสุกี้ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะเจ๊งไปแล้ว ส่วนทักษิณแว่วว่ากำลังสนใจลงทุนในธุรกิจสปา คาดว่า คงอีกไม่นานคงเห็น มีบางคนบอกว่า ทักษิณมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับราชวงศ์ที่นั่น จริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่เขามี ดร.ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเป็นคนที่กปรึกษาที่สำคัญ คนๆ นี้มีความสัมพันธ์ที่แน่นพอสมควรกับบรรดาบิ๊กๆ ในดูไบ”

หลายคนมักมีคำถามว่า ชีวิตของ นช.ทักษิณที่ดูไบนั้น เป็นที่ยอมรับของคนไทยที่มีถิ่นพำนักพักอาศัยที่นั่นหรือไม่

ตอบได้ว่าส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ

แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ศรัทธาเขาเช่นกัน เช่น กลุ่มคนเชียงใหม่ที่ไปทำงานหรือทำมาหากินอยู่ที่นั่นประมาณสัก 10 คนเห็นจะได้ และที่ดูเหมือนจะกรี๊ดมากเป็นพิเศษก็คือ ผู้หญิงที่มีชื่อว่า “ม.” ที่มีสามีเป็นคนดูไบ

ชอปกระจาย จ่ายไม่อั้น

สำหรับชีวิตประจำวันของนช.ทักษิณนั้น นอกเหนือจากทวิตเตอร์หรือโฟนอินเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทยแล้ว เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้หมดไปกับการชอปปิง เข้าคาราโอเกะ ดื่มไวน์ ตีกอล์ฟ และออกกำลังกายบนลู่วิ่งที่บ้านบางเป็นบางครั้ง

“ผมไปที่ดูไบ 4 วัน ผมเจอทักษิณทุกวันที่ Emirates Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และหรูหราที่สุดในดูไบ แกคงไม่มีอะไรทำ เลยใช้เวลาให้หมดไปกับการชอปปิง ผมถามคนที่รู้จักก็ได้ความว่า ทักษิณจะมาชอปที่นี่เกือบทุกวัน ระหว่างเวลาประมาณบ่าย 2 ถึงบ่าย 3 โมง แล้วก็ใช้เวลาชอปถึงประมาณ 5 โมงเย็นถึงจะกลับ แล้วก็เวลามาก็จะมีคนเป็นฝูงเดินตาม”แหล่งข่าวรายหนึ่งที่บังเอิญต้องไปทำธุระที่ดูไบเล่าให้ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ฟัง

ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นเล่า ก็สมบูรณ์พูนสุขเพราะสารพัดเมนูที่คิดถึงจะถูกส่งตรงมาจากประเทศไทยให้ได้รับประทานตามความต้องการ

หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานนักคือเมื่อวันที่ 28 ต.ค.สถานีโทรทัศน์และเว็บไซต์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้มีการเผยแพร่รายการสถานีประชาธิปไตย ซึ่งดำเนินรายการโดย น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และอดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 7 สี ที่พาไปชมคฤหาสน์ของนช.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับการรับประทานส้มตำและอาหารต่างๆ จำนวนมากที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย แถมยังมีพนักงานรับใช้เป็นคนไทยไม่น้อยกว่า 7 คนที่ทั้งคอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่และทำอาหารไทยที่ถูกปากได้ทุกชนิด ซึ่งจะเห็นได้ว่า เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย

นอกจากอาหารไทยที่มีให้เสพได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ร้านอาหารร้านหนึ่งที่นักโทษชายหนีคดีแวะมากิน เรียกจะกล่าวได้ว่าทุกอาทิตย์ก็คือ ร้านเสต็กชื่อดังที่มีชื่อว่า “บุชเลอร์”

“วันที่พี่ไปเจอ นอกจากทักษิณแล้วก็มีคนไทยกลุ่มใหญ่เลยไปร่วมวงด้วย ประมาณสัก 20 คน เป็นผู้หญิง 17 คน ผู้ชาย 3 คน ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช็กไปเช็กมาเข้าใจว่าน่าจะเป็นพวกที่สมัครอบต.เพราะช่วงนั้นที่เมืองไทยมีเลือกตั้งพอดี เข้าใจว่าคงบินไปรับสตางค์กัน”แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งบรรยายให้เห็นภาพ

ใครที่อยู่ดูไบ ภาพที่มักเห็นกันจนเจนตาก็คือ นายใหญ่ผู้นี้เวลาไปไหนมาไหนมักจะมีสาวๆ แวดล้อมเป็นจำนวนมาก และเขาก็มักจะโอบเอวเดินควงกันจี๋จ๋าท้าสายตาของผู้คนอย่างเปิดเผย เดินไปเจอคนไทยที่ไหนก็เซย์ฮัลโหลทักทายอย่างหน้าชื่นตาบาน

ว่ากันว่า ในวันที่ร็อคเกอร์สาวเก่าบินไปดูไบและได้กระเป๋าหลุยส์ วิตตองติดไม้ติดมือมานั้น ขาไปเธอได้นำยาจีนเพื่อกระตุ้นต่อมกำหนัดติดไปฝากด้วย ส่วนขากลับนอกจากกระเป๋าหลุยส์ วิตตองแล้ว ภายในกระเป๋าน่าจะมีแหวนเพชรหรือสร้อยเพชรเม็ดใหญ่อยู่ด้านในด้วย และนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ร็อคเกอร์สาวเก่าบินไปพบชายในฝันที่ดูไบ

นักการเมืองพาเหรดไถเงิน

นอกจากนี้ ในระหว่างที่อยู่ดูไบ จะมีบรรดานักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ส.ส.” ผู้ทรงเกียรติที่กินเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาช สลับสับเปลี่ยนหน้าเดินทางไปพบ นช.ทักษิณอยู่เป็นประจำ ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อทุกคนก็รู้จักกันดีเพราะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี

ใครที่เคยไปดูไบโดยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ ภาพที่เห็นกันเสมอๆ ก็คือกลุ่มคนที่ใส่เสื้อสีแดงโลโก้ ความจริงวันนี้ Truth Today เดินกันให้เกลื่อนเครื่องบินไปหมด

พวกเขาไม่ได้ไปเพราะความคิดถึง หากแต่ไปเพราะต้องการ “เงิน” จากนช.ทักษิณ ซึ่งทุกคนก็ไม่ผิดหวัง เพราะก่อนกลับ นายใหญ่แห่งดูไบก็จะมีถุงของขวัญติดไม้ติดมือให้กลับมาเมืองไทยเสมอๆ

“ปกตินอกจากเงินแล้ว คุณทักษิณมักจะมอบกรอบรูปหรือนาฬิกาที่มีรูปของตัวเองให้เป็นที่ระลึกด้วย แต่คนเหล่านี้ไม่สนใจหรอก พอได้สตางค์ก็ทิ้งของขวัญเอาไว้ในห้องเกลื่อนไปหมด พอพนักงานโรงแรมถามว่า ท่านลืมของหรือเปล่า คนพวกนี้ก็บอกว่าไม่ได้ลืม แต่ไม่อยากหิ้วกลับเมืองไทย พูดง่ายๆ คือสนใจแต่เงินเพียงอย่างเดียว พนักงานถึงกับอึ้ง อ้าวไหนว่ารักกันนักหนายังไง ที่เด็ดกว่านั้นคือ แก๊งหิวเงินที่มาหาทักษิณเขาจะมีความอดทนสูงมาก เขายอมที่จะรออยู่ที่ดูไบกี่วันก็ได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้รับเงินจากทักษิณแล้ว ก็จะเปิดตูดกลับเมืองไทยแน่บเหมือนกันหมดทุกรายไป”แหล่งข่าวรายเดิมเล่าอย่างออกรส
แบบบ้านใน  Sector E ในโครงการ Emirates Hills
ภาพโครงการ Emirates Hills
The Palm อีกหนึ่งโครงการที่เชื่อว่า นช.ทักษิณไปซื้อเอาไว้
Burj Dubai ตึกที่สูงที่สุดในโลก อีกหนึ่งโครงการที่เชื่อว่า นช.ทักษิณไปซื้อเอาไว้



กำลังโหลดความคิดเห็น