ASTVผู้จัดการรายวัน-พุทธศาสนิกชนอาลัย “สมเด็จพระญาณวโรดม” เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ มรณะภาพ สิริอายุ 93 ปี 8 เดือน ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานโกศไม่ 12 และเครื่องประกอบเกียรติยศ ตามฐานันดรพระราชาคณะ และทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ สรงน้ำศพ วัดเทพศิรินทร์กำหนดจัดพิธี 100 วัน
เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.วานที่(18 พ.ย.) ที่วัดเทพศิรินทราวาส สมเด็จพระญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มรณภาพโดยอาการสงบที่กุฎิปิยะสมบัติกุล ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พระเสกสันต์ ศิริวรรณ พระอุปัฏฐาก(พระผู้ดูแล) สมเด็จพระญาณวโรดม ว่า เมื่อช่วงเวลา 05.30-05.45 น สมเด็จญาณวโรดมมีอาการไอ และมีเสมหะ โดยไอเพียง 2 ครั้ง ก็หมดสติ หัวใจหยุดเต้น จึงได้นำตัวส่ง รพ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งคณะแพทย์ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ เนื่องจากสมเด็จพระญาณวโรดมชราภาพมากทำให้มรณภาพในที่สุด รวมสิริอายุ ได้ 93 ปี 8 เดือน พรรษาที่ 72
พระเสกสันต์ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระญาณวโรดม มีอาการป่วยมาตั้งแต่ปี 2549 ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ มีโรคหัวใจและโรคไต ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา มีอาการเป็นหวัด ไอ มีน้ำมูก แพทย์จึงจัดยาให้ และได้พาไปพักต่างจังหวัด จนมีอาการดีขึ้น แต่เมื่อกลับมาอาการไอก็กำเริบอีก ประกอบกับท่านแพ้ยาปฏิชีวนะ แพทย์จึงไม่สามารถถวายยาดังกล่าวให้ฉัน ทำให้ไม่หายขาด และเกิดอาการไอจนทำให้มรณภาพ
พระเทพประสิทธิโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเทพศิรนทราวาส ราชวรวิหาร แถลงข่าวว่า ก่อนมรณภาพ สมเด็จพระญาณวโรดม ได้มอบหมายให้ พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เป็นผู้ดูแลวัด พระผู้ใหญ่ พระลูกวัดและศิษยานุศิษย์จึงมติพร้อมใจกันสนับสนุนพระพรหมเมธี เป็นรักษาการเจ้าอาวาส ซึ่งการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะต้องรอหนังสือจากเจ้าคณะจังหวัด สำหรับกำหนดการพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพนั้น จะตั้งบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 100 วัน ที่ศาลากวีนิรมิต หรือศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส
ด้านพระเสกสันต์ ศิริวรรณ พระอุปัฏฐากสมเด็จพระญาณวโรดม กล่าวว่า สมเด็จพระญาณวโรดม เคยปรารภถึงความตั้งใจที่ยังดำเนินการไม่สำเร็จ คือ ต้องการจัดสร้างวัตถุมงคล 3 อย่างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ หรือ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 คือ 1.พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร (ปางห้ามญาติ) 2.ระฆังอโศก และ 3.เหรียญและพระผงพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (เจ้าคุณนรฯ) ซึ่งก่อนมรณภาพได้อนุมัติแบบด้วยวาจา จึงยังไม่เรียบร้อย ทางวัดจะได้หารือกับพระผู้ใหญ่และศิษยานุศิษย์ว่าจะมีการดำเนินต่อไปหรือไม่
ขณะเดียวกันที่ศาลากลางน้ำ เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง ได้มาจัดเตรียมสถานที่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศไม้สิบสอง และเครื่องประกอบเกียรติยศศพตามฐานันดร สมเด็จพระราชาคณะ พร้อมจัดเตรียมสถานที่ในการพระราชทานน้ำสรงศพ จากนั้นเวลา 13.00 น.ขบวนเคลื่อนศพสมเด็จพระญาณวโรดม ถึงบริเวณศาลากลาง โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ มารอรับศพในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จากนั้นทางวัดได้เปิดให้คณะสงฆ์วัดเทพศิรินทร์ นำโดยพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสประกอบพิธีสรงน้ำศพ โดยมีคณะนักเรียนโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ และศิษยานุศิษย์ เข้าร่วม พร้อมทั้งมีคณะสงฆ์และแม่ชีจากวัดต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าสรงน้ำศพอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเวลา 17.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ โดยการบำเพ็ญกุศลอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเวลา 7 วัน
สำหรับประวัติสมเด็จพระญาณวโรดม นามเดิมว่า ประยูร พยุงธรรม เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2459 ที่ อ.จันตคาม จ.ปราจีนบุรี จบการศึกษาชั้น ป.5 ที่ ร.ร.ประชาบาลประจำ อ.จันตคาม จากนั้นได้เดินทางมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯโดยอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ และได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2476 และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2480 โดยจำพรรษาที่วัดเทพศิรินทร์มาตลอด พร้อมทั้งได้เลื่อนสมณศักดิ์มาเป็นลำดับ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2546 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะสพรรณบัฏที่ สมเด็จพระญาณวโรดม
สมเด็จพระญาณวโรดม ถือเป็นพระสงฆ์ ที่ริเริ่มโครงการต่างๆ ให้แก่คณะสงฆ์มากกว่า 100 โครงการ เช่น เปิดโรงเรียนพระสังฆาธิการ โครงการอบรมภิกษุพัฒนาภูมิภาค โครงการอบรมวิชาเคหพยาบาลแก่พระภิกษุและแม่ชี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นผู้เรียบเรียง แปล และจัดพิมพ์หลักสูตรนักธรรม ธรรมศึกษา ทุกชั้น เป็นภาษาอังกฤษ บทสวดมนต์ภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแผ่แก่ชาวต่างชาติ อีกทั้ง สมเด็จพระญาณวโรดม ยังถือเป็นผู้มีความสามารถด้านการศึกษาจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย(มมร.)ด้วย
เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.วานที่(18 พ.ย.) ที่วัดเทพศิรินทราวาส สมเด็จพระญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มรณภาพโดยอาการสงบที่กุฎิปิยะสมบัติกุล ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พระเสกสันต์ ศิริวรรณ พระอุปัฏฐาก(พระผู้ดูแล) สมเด็จพระญาณวโรดม ว่า เมื่อช่วงเวลา 05.30-05.45 น สมเด็จญาณวโรดมมีอาการไอ และมีเสมหะ โดยไอเพียง 2 ครั้ง ก็หมดสติ หัวใจหยุดเต้น จึงได้นำตัวส่ง รพ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งคณะแพทย์ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ เนื่องจากสมเด็จพระญาณวโรดมชราภาพมากทำให้มรณภาพในที่สุด รวมสิริอายุ ได้ 93 ปี 8 เดือน พรรษาที่ 72
พระเสกสันต์ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระญาณวโรดม มีอาการป่วยมาตั้งแต่ปี 2549 ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ มีโรคหัวใจและโรคไต ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา มีอาการเป็นหวัด ไอ มีน้ำมูก แพทย์จึงจัดยาให้ และได้พาไปพักต่างจังหวัด จนมีอาการดีขึ้น แต่เมื่อกลับมาอาการไอก็กำเริบอีก ประกอบกับท่านแพ้ยาปฏิชีวนะ แพทย์จึงไม่สามารถถวายยาดังกล่าวให้ฉัน ทำให้ไม่หายขาด และเกิดอาการไอจนทำให้มรณภาพ
พระเทพประสิทธิโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเทพศิรนทราวาส ราชวรวิหาร แถลงข่าวว่า ก่อนมรณภาพ สมเด็จพระญาณวโรดม ได้มอบหมายให้ พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เป็นผู้ดูแลวัด พระผู้ใหญ่ พระลูกวัดและศิษยานุศิษย์จึงมติพร้อมใจกันสนับสนุนพระพรหมเมธี เป็นรักษาการเจ้าอาวาส ซึ่งการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะต้องรอหนังสือจากเจ้าคณะจังหวัด สำหรับกำหนดการพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพนั้น จะตั้งบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 100 วัน ที่ศาลากวีนิรมิต หรือศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส
ด้านพระเสกสันต์ ศิริวรรณ พระอุปัฏฐากสมเด็จพระญาณวโรดม กล่าวว่า สมเด็จพระญาณวโรดม เคยปรารภถึงความตั้งใจที่ยังดำเนินการไม่สำเร็จ คือ ต้องการจัดสร้างวัตถุมงคล 3 อย่างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ หรือ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 คือ 1.พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร (ปางห้ามญาติ) 2.ระฆังอโศก และ 3.เหรียญและพระผงพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (เจ้าคุณนรฯ) ซึ่งก่อนมรณภาพได้อนุมัติแบบด้วยวาจา จึงยังไม่เรียบร้อย ทางวัดจะได้หารือกับพระผู้ใหญ่และศิษยานุศิษย์ว่าจะมีการดำเนินต่อไปหรือไม่
ขณะเดียวกันที่ศาลากลางน้ำ เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง ได้มาจัดเตรียมสถานที่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศไม้สิบสอง และเครื่องประกอบเกียรติยศศพตามฐานันดร สมเด็จพระราชาคณะ พร้อมจัดเตรียมสถานที่ในการพระราชทานน้ำสรงศพ จากนั้นเวลา 13.00 น.ขบวนเคลื่อนศพสมเด็จพระญาณวโรดม ถึงบริเวณศาลากลาง โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ มารอรับศพในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จากนั้นทางวัดได้เปิดให้คณะสงฆ์วัดเทพศิรินทร์ นำโดยพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสประกอบพิธีสรงน้ำศพ โดยมีคณะนักเรียนโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ และศิษยานุศิษย์ เข้าร่วม พร้อมทั้งมีคณะสงฆ์และแม่ชีจากวัดต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าสรงน้ำศพอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเวลา 17.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ โดยการบำเพ็ญกุศลอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเวลา 7 วัน
สำหรับประวัติสมเด็จพระญาณวโรดม นามเดิมว่า ประยูร พยุงธรรม เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2459 ที่ อ.จันตคาม จ.ปราจีนบุรี จบการศึกษาชั้น ป.5 ที่ ร.ร.ประชาบาลประจำ อ.จันตคาม จากนั้นได้เดินทางมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯโดยอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ และได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2476 และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2480 โดยจำพรรษาที่วัดเทพศิรินทร์มาตลอด พร้อมทั้งได้เลื่อนสมณศักดิ์มาเป็นลำดับ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2546 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะสพรรณบัฏที่ สมเด็จพระญาณวโรดม
สมเด็จพระญาณวโรดม ถือเป็นพระสงฆ์ ที่ริเริ่มโครงการต่างๆ ให้แก่คณะสงฆ์มากกว่า 100 โครงการ เช่น เปิดโรงเรียนพระสังฆาธิการ โครงการอบรมภิกษุพัฒนาภูมิภาค โครงการอบรมวิชาเคหพยาบาลแก่พระภิกษุและแม่ชี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นผู้เรียบเรียง แปล และจัดพิมพ์หลักสูตรนักธรรม ธรรมศึกษา ทุกชั้น เป็นภาษาอังกฤษ บทสวดมนต์ภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแผ่แก่ชาวต่างชาติ อีกทั้ง สมเด็จพระญาณวโรดม ยังถือเป็นผู้มีความสามารถด้านการศึกษาจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย(มมร.)ด้วย
