นายสรรพัชญ์ รัตคาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) หรือ QLT เปิดเผยว่าบริษัทคาดว่าปี 52 รายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตทิศทางเดียวกันที่ระดับ 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 245 ล้านบาท กำไรสุทธิ 57 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 15% แม้ช่วง 9 เดือนจะโตกว่า 20% ส่วนตัวเลขรายได้ปีนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ คาดจะจ่ายเงินปันผลงวดปี 52 ได้ประมาณ 5% ของราคาหุ้น หลังครึ่งแรกปันผลแล้ว 0.15 บาทต่อหุ้น
โดยช่วงที่เหลือปีนี้คาดว่าจะประมูลงานได้อีก 40 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือ(Backlog) เพิ่มจากที่มีอยู่ 240 ล้านบาท รับรู้ปีนี้บางส่วนและ 50% รับรู้ปี 53 ขณะรายได้ปี 52 ส่วนใหญ่มาจากงานในประเทศ ส่วนรายได้จากต่างประเทศมีเพียง 5% และคาดปีหน้าลดเหลือ 2-3% เพราะผันผวน แต่บริษัทพยายามรุกเพิ่มเชื่อโอกาสเติบโตสูง คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-15% จากปี 52 และยังคงเน้นงานทดสอบคุณภาพในอุตสาหกรรมด้านพลังงาน
นายสรรพัชญ์กล่าวว่างานในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรตะวันออกกลางคืบหน้ามาก แต่ยังติดปัญหาด้านกฎหมาย ซึ่งจะพยายามหาข้อสรุปเร็วที่สุด คาดเซ็น MOU กับพันธมิตรอาเซียนปลายสัปดาห์นี้ ส่วนงานในประเทศยังคงเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม และมองว่าลูกค้าใหม่จะขยายเพิ่มยากเพราะงานในประเทศชะลอตัว ส่วนหนึ่งมาโครงการในมาบตาพุดที่ชะงัก และปี 53 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตจากปีนี้ 10-15% พร้อมรุกตลาดในต่างประเทศมากขึ้นเน้นตลาดภูมิภาคอาเซียนและตะวันออกกลางที่แนวโน้มเติบโตดี
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 52 ซึ่งเป็นช่วง High Season จะส่งมอบงานประมาณ 870 ล้านบาท จากงานในมือ (Bagklog) ที่มีในปัจจุบัน 1,518 ล้านบาท ส่วนที่เหลือประมาณ 648 ล้านบาท รับรู้รายในปี 53 รวมทั้งยังมีงานในต่างประเทศที่คาดว่าจะได้มาเพิ่มประมาณ 200 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมี Backlog สะสมปี 53 เพิ่มเป็น 800 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอต่อการเติบโตปีหน้า
" ผมเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายปีนี้ รายได้และกำไรจะดีขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่มีผลขาดทุนสุทธิกว่า 20 ล้านบาท เพราะในไตรมาส 4 เราจะมีการส่งมอบงานจำนวนมาก แต่ทั้งปีมั่นใจได้ว่าจะมีกำไรแน่นอน เพราะฉะนั้นผู้ถือหุ้นยังสบายใจได้ว่าบริษัทสามารถจ่ายปันผลงวดปี 52 ได้ คาดว่าอาจจะได้ในอัตราสูงกว่าปีก่อน " นายสัมพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ TRT ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/52ว่าน่าจะพลิกเป็นกำไรจากไตรมาส 3 ที่ขาดทุน 20 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปีนี้น่าจะมากกว่าปีก่อนที่ 203 ล้านบาท และไตรมาส 4 เตรียมส่งมอบงานมูลค่า 870 ล้านบาท จากมูลค่างานดังกล่าวบริษัทรับรู้รายได้แล้ว 450 ล้านบาท
โดยช่วงที่เหลือปีนี้คาดว่าจะประมูลงานได้อีก 40 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือ(Backlog) เพิ่มจากที่มีอยู่ 240 ล้านบาท รับรู้ปีนี้บางส่วนและ 50% รับรู้ปี 53 ขณะรายได้ปี 52 ส่วนใหญ่มาจากงานในประเทศ ส่วนรายได้จากต่างประเทศมีเพียง 5% และคาดปีหน้าลดเหลือ 2-3% เพราะผันผวน แต่บริษัทพยายามรุกเพิ่มเชื่อโอกาสเติบโตสูง คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-15% จากปี 52 และยังคงเน้นงานทดสอบคุณภาพในอุตสาหกรรมด้านพลังงาน
นายสรรพัชญ์กล่าวว่างานในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรตะวันออกกลางคืบหน้ามาก แต่ยังติดปัญหาด้านกฎหมาย ซึ่งจะพยายามหาข้อสรุปเร็วที่สุด คาดเซ็น MOU กับพันธมิตรอาเซียนปลายสัปดาห์นี้ ส่วนงานในประเทศยังคงเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม และมองว่าลูกค้าใหม่จะขยายเพิ่มยากเพราะงานในประเทศชะลอตัว ส่วนหนึ่งมาโครงการในมาบตาพุดที่ชะงัก และปี 53 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตจากปีนี้ 10-15% พร้อมรุกตลาดในต่างประเทศมากขึ้นเน้นตลาดภูมิภาคอาเซียนและตะวันออกกลางที่แนวโน้มเติบโตดี
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 52 ซึ่งเป็นช่วง High Season จะส่งมอบงานประมาณ 870 ล้านบาท จากงานในมือ (Bagklog) ที่มีในปัจจุบัน 1,518 ล้านบาท ส่วนที่เหลือประมาณ 648 ล้านบาท รับรู้รายในปี 53 รวมทั้งยังมีงานในต่างประเทศที่คาดว่าจะได้มาเพิ่มประมาณ 200 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมี Backlog สะสมปี 53 เพิ่มเป็น 800 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอต่อการเติบโตปีหน้า
" ผมเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายปีนี้ รายได้และกำไรจะดีขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่มีผลขาดทุนสุทธิกว่า 20 ล้านบาท เพราะในไตรมาส 4 เราจะมีการส่งมอบงานจำนวนมาก แต่ทั้งปีมั่นใจได้ว่าจะมีกำไรแน่นอน เพราะฉะนั้นผู้ถือหุ้นยังสบายใจได้ว่าบริษัทสามารถจ่ายปันผลงวดปี 52 ได้ คาดว่าอาจจะได้ในอัตราสูงกว่าปีก่อน " นายสัมพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ TRT ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/52ว่าน่าจะพลิกเป็นกำไรจากไตรมาส 3 ที่ขาดทุน 20 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปีนี้น่าจะมากกว่าปีก่อนที่ 203 ล้านบาท และไตรมาส 4 เตรียมส่งมอบงานมูลค่า 870 ล้านบาท จากมูลค่างานดังกล่าวบริษัทรับรู้รายได้แล้ว 450 ล้านบาท
