ธุรกิจตรวจสอบเชิงวิศวกรรมแบบไม่ทำลาย กลายเป็นเครื่องมือตรวจสอบเบื้องต้นที่สำคัญในหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมี เนื่องจากอุบัติเหตุและความผิดพลาดในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่บริษัทต่างๆต้องจ่ายเงินออกไป ดังนั้น แนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมีที่ยังมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลต่อเนื่องให้งานตรวจสอบเชิงวิศวกรรมแบบไม่ทำลายในอนาคตคาดจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20% จากมูลค่างานปัจจุบันที่สูงกว่า 1 พันล้านบาท และด้วยประสบการณ์ในการตรวจสอบในธุรกิจ NDT มานานกว่า 18 ปี ทำให้บริษัทได้รับงานสม่ำเสมอและมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่า 30% ปัจจัยดังกล่าว ช่วยผลักดันให้ผลประกอบการปี 2552 – 2554 ของ QLT ขยายตัวไม่ต่ำกว่าปีละ 10% โดยคาดกำไรสุทธิปี 2552 จะเติบโต 13% yoy นอกจากนี้ ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจนใกล้เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินและการไม่ลงทุนที่เกินตัว ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องในระดับสูง จนสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอในอัตราไม่ต่ำกว่าปีละ 7.7% ต่อปี ดังนั้น SCRI แนะนำ"ซื้อ" โดยมีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 2553 เท่ากับ 6 บาท/หุ้น
ธุรกิจ NDT มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน: แม้การทดสอบโดยไม่ทําลายในประเทศไทยจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่เกิดขึ้นจากต้นทุนการผลิต แต่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ใช้โครงสร้างโลหะ เช่น ตึกสูง สะพาน เป็นธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูงหรือถูกควบคุมโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอุบัติเหตุและความผิดพลาดในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่บริษัทต่างๆต้องจ่ายเงินออกไป ดังนั้นการทดสอบโดยไม่ทำลาย จึงเป็นเสมือนเครื่องป้องกันเบื้องต้นที่ทุกธุรกิจให้ความสำคัญเพื่อลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
งานในมือที่มั่นคงจากธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ผลักดันกำไรปี 2552 เติบโต 13% yoy: การเติบโตของธุรกิจพลังงานในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจขุดเจาะสำรวจและโรงกลั่น โดยมีลูกค้ารายสำคัญ อาทิ เชฟรอน เอสโซ่ ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือปัจจุบันที่สูงกว่า 286 ล้านบาท โดยคาดจะรับรู้รายได้ในปี 2H/52 เท่ากับ 130 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมกับรายได้ 1H/52 แนวโน้มรายได้ปี 2552 คาดจะเติบโต 9% yoy เป็น 265 ล้านบาท สำหรับ ตลาดการตรวจสอบและให้บริการ NDT ที่มีคู่แข่งขันในระดับต่ำ ประกอบกับสัดส่วนการตรวจสอบต่อการให้บริการ NDT ที่คาดจะปรับขึ้นจาก 45:55 เป็น 50:50 ซึ่งงานตรวจสอบที่มีอัตรากำไรที่สูงกว่า จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเท่ากับ 37-39% นอกจากนี้ การได้รับสิทธิทางภาษีจาก BOI ทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษี ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2552 เพิ่มขึ้นจาก 57 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 65 ล้านบาท
สภาพคล่องสูงและมีระดับหนี้สินต่ำ ส่งผลให้ QLT จ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราเฉลี่ย 7.7% p.a.: การดำเนินงานธุรกิจที่รัดกุมและไม่มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เกินกำลัง ขณะที่ ผลบวกจากการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ทำให้บริษัทสามารถนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระหนี้สินและสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท ดังเห็นได้จาก Debt Service Coverage Ratio (DSCR) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 23 เท่า จาก 14 เท่า ในปี 2551 ขณะที่ D/E ratio ปี 2552-2554 ลดลงต่อเนื่องต่ำกว่า 0.14 เท่า เทียบกับ 0.3 เท่า ในปี 2551 ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ QLT จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ โดยคาดเงินปันผลจ่ายปี 2552 เท่ากับ 0.35 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่ากับ 7.78% ต่อปี
มูลค่าเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 6 บาท/หุ้น: ผลการดำเนินงานของ QLT ที่เข้าสู่ช่วงขาขึ้นและเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10% อีกทั้งฐานะการเงินยังมีความแข็งแกร่ง ดังนั้น SCRI แนะนำ " ซื้อ "ราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 6 บาท/หุ้น (DDM, Payout Ratio 45%, Growth 3.5%)
ธุรกิจ NDT มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน: แม้การทดสอบโดยไม่ทําลายในประเทศไทยจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่เกิดขึ้นจากต้นทุนการผลิต แต่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ใช้โครงสร้างโลหะ เช่น ตึกสูง สะพาน เป็นธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูงหรือถูกควบคุมโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอุบัติเหตุและความผิดพลาดในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่บริษัทต่างๆต้องจ่ายเงินออกไป ดังนั้นการทดสอบโดยไม่ทำลาย จึงเป็นเสมือนเครื่องป้องกันเบื้องต้นที่ทุกธุรกิจให้ความสำคัญเพื่อลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
งานในมือที่มั่นคงจากธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ผลักดันกำไรปี 2552 เติบโต 13% yoy: การเติบโตของธุรกิจพลังงานในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจขุดเจาะสำรวจและโรงกลั่น โดยมีลูกค้ารายสำคัญ อาทิ เชฟรอน เอสโซ่ ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือปัจจุบันที่สูงกว่า 286 ล้านบาท โดยคาดจะรับรู้รายได้ในปี 2H/52 เท่ากับ 130 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมกับรายได้ 1H/52 แนวโน้มรายได้ปี 2552 คาดจะเติบโต 9% yoy เป็น 265 ล้านบาท สำหรับ ตลาดการตรวจสอบและให้บริการ NDT ที่มีคู่แข่งขันในระดับต่ำ ประกอบกับสัดส่วนการตรวจสอบต่อการให้บริการ NDT ที่คาดจะปรับขึ้นจาก 45:55 เป็น 50:50 ซึ่งงานตรวจสอบที่มีอัตรากำไรที่สูงกว่า จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเท่ากับ 37-39% นอกจากนี้ การได้รับสิทธิทางภาษีจาก BOI ทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษี ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2552 เพิ่มขึ้นจาก 57 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 65 ล้านบาท
สภาพคล่องสูงและมีระดับหนี้สินต่ำ ส่งผลให้ QLT จ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราเฉลี่ย 7.7% p.a.: การดำเนินงานธุรกิจที่รัดกุมและไม่มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เกินกำลัง ขณะที่ ผลบวกจากการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ทำให้บริษัทสามารถนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระหนี้สินและสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท ดังเห็นได้จาก Debt Service Coverage Ratio (DSCR) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 23 เท่า จาก 14 เท่า ในปี 2551 ขณะที่ D/E ratio ปี 2552-2554 ลดลงต่อเนื่องต่ำกว่า 0.14 เท่า เทียบกับ 0.3 เท่า ในปี 2551 ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ QLT จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ โดยคาดเงินปันผลจ่ายปี 2552 เท่ากับ 0.35 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่ากับ 7.78% ต่อปี
มูลค่าเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 6 บาท/หุ้น: ผลการดำเนินงานของ QLT ที่เข้าสู่ช่วงขาขึ้นและเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10% อีกทั้งฐานะการเงินยังมีความแข็งแกร่ง ดังนั้น SCRI แนะนำ " ซื้อ "ราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 6 บาท/หุ้น (DDM, Payout Ratio 45%, Growth 3.5%)