ASTVผู้จัดการรายวัน - แฉพฤติกรรมอำพราง "ปุระชัย" อุ้มบุตรชายยัดเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรตั้งแต่ปี 48 ทั้งที่ขาดคุณสมบัติไม่ผ่านตรวจร่างกาย สายตาผิดปกติ ชี้หลักฐานชัด "โกวิท-พัชรวาท" ไฟเขียว
วานนี้ (16 พ.ย.) ภายหลังจากที่เรื่องราวของ ร.ต.ต.ธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ รอง สว. งาน 2 กก. 4 พฐ. บุตรชายร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งในก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ถูกตีแผ่ตามสื่อต่างๆว่า การเข้ารับราชการของร.ต.ต.ธรรมาธิปัตย์ น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลนั้น เรื่องดังกล่าว ร.ต.อ.ปุระชัยให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินออกจากการประชุมก.ตร.วานนี้ว่า ขณะนั้น ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ ต.ค.2547 - 14 ม.ค.2548 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ารับราชการตำรวจของลูกชาย ตอนนั้นลูกชายได้สมัครเป็นทหารเกณฑ์ 6 เดือน ได้มาปรึกษากับตนว่าจะไปยื่นใบสมัครเป็นตำรวจ โดยต้องการสายงานด้านฟิสิกส์ ตามที่เขาจบมา แม้ตนเองก็มีความรู้ในระบบงานตำรวจดีว่า คืออะไร แต่ไม่ได้สนับสนุน เพราะคิดว่า ลูกชายโตแล้ว ตนก็คงไม่ได้ไปกำหนดชีวิตลูกชาย แม้เขาจะแต่งงานกับใคร ตนก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย แต่ก็ได้กำชับว่า ทำอย่างไรก็ได้แต่อย่าให้ตนไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้ว่าตอนนั้น ตนจะเป็นประธาน ก.ตร.ก็ตาม แต่ในตำแหน่งประธาน ก.ตร. ไม่มีอำนาจในการรับคนมาเป็นข้าราชการตำรวจ เพราะในตำแหน่งนายร้อย จะเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ดำรงตำแหน่งอยู่ในสมัยนั้น และ พล.ต.อ.โกวิท ลงนามเมื่อวันที่ 7 เม.ย. พ.ศ. 2548 ตอนนั้น ตนได้หมดหน้าที่รองนายกฯแล้ว และวันแรกที่ลูกชายเข้าทำงานเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2548 ตนก็เดินทางไปหาภรรยาที่ประเทศ นิวซีแลนด์ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวถึงกรณีมีหนังสือเปิดผนึกเรื่องลูกชายส่งไปถึงบ้าน ก.ตร.บางคนว่า ตรงนี้ก็อยากให้แยกแยะ เรื่องของพ่อก็คือเรื่องของพ่อ เรื่องของลูกก็คือเรื่องของลูก
ผู้สื่อข่าวรายว่า ก่อนหน้านี้ ในการประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งใน ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิได้นำเอาหลักฐานการฝากตำรวจของ ก.ตร. 4 ราย และนักการเมือง 1 ราย มาเปิดเผยต่อ ก.ตร. พร้อมกับเรียกร้องให้ ก.ตร.ที่มีพฤติกรรมฝากตำรวจออกจากตำแหน่ง โดยเฉพาะบุคคลที่ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีผลสรุปให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน จนเป็นเหตุให้การประชุม ก.ตร.ต้องล่มกลางคัน โดยไม่ได้ข้อยุติทั้งเรื่องการเดินหน้าตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่คณะอนุกรรมการฯเสนอ และบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ -ผู้บังคับการ กระทั่งต้องนัดประชุม ก.ตร.ใหม่วานนี้ (16 พ.ย.)นั้น
ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้มีจดหมายเปิดผนึกถึง ก.ตร.ทุกคน ลงลายมือชื่อว่า สมชาย บุญมาก ถูกส่งผ่านไปยังสื่อต่างๆ รวมทั้ง เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน โดยเนื้อหาทั้งหมดที่ระบุในจดหมายเปิดผนึกผู้ร้องเรียน ชี้ชัดว่า ต้องการให้การพิจารณาของ ก.ตร.เป็นไปด้วยความโปร่งใส รอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นคุณสมบัติของ ก.ตร.เองว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่จะมาทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้ ตามที่ ร.ต.อ.ปุระชัย ได้เปิดประเด็นไว้ในการประชุมเมื่อ วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่าน พร้อมระบุในรายละเอียดทั้งหมดที่ได้อ้างอิงมาสามารถตรวจสอบและมีหลักฐานเปิดโปงในทุกขั้นตอน ซึ่งได้บ่งชี้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในการบรรจุ นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ บุตรชายของ ร.ต.อ.ปุระชัย เข้ารับราชการในตำแหน่ง รอง สว. งาน 2 กก.4 พฐ. ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจร่ายกายจากคณะกรรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ แต่กลับมีการอนุมัติให้ยกเว้นการขาดคุณสมบัติดังกล่าวให้กับ นายธรรมธิปัตย์ เป็นกรณีพิเศษ เหตุใดต้องอนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้กับผู้สมัครเข้ารับราชการรายนี้ว่า สามารถขาดคุณสมบัติกรณีไม่ผ่านการตรวจร่างกายจากคณะกรรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ ทั้งที่ตามปกติ การสอบคัดเลือกบุคคลภายนอกเข้ารับราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องผ่านการตรวจร่างกายจากแพทย์ รพ.ตำรวจ ทุกราย หากผู้สมัครรายใดไม่ผ่านการตรวจร่างกาย ก็ขาดคุณสมบัติไม่สามารถเข้ารับราชการตำรวจได้ แต่นายธรรมาธิปต์ บุตรชาย ของ ร.ตร.ปุระชัย ซึ่งมีความบกพร่องทางสายตา เนื่องจากสายตาผิดปกติ ไม่ผ่านการตรวจแบบเสนอเลน (ปกติ 6/6) นอกจากจะไม่ถูกคัดออกแล้ว กลับได้รับสิทธิพิเศษเหนือบุคคลอื่น ทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฎว่ามีคุณสมบัติใดที่โดดเด่น หรือมีความปรีชาสามารถ จนทำให้ต้องมีการยกเว้น ให้เป็นพิเศษ นอกจากเพียงแค่จบการศึกษา วท.บ.ฟิสิกส์ และการเป็นบุตรชายของ ร.ต.อ.ปุระชัย เท่านั้น และด้วยเหตุที่บุตรชาย ของ ร.ต.อ.ปุระชัย จบการศึกษาสาขานี้ใช่หรือไม่ จึงมีการล็อคสเปค กำหนดคุณสมบัติในการขออนุมัติรับสมัครบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ วท.บ.ฟิสิกส์ จำนวน 1 ราย โดยใช้การคัดเลือก ทั้งที่ปกติควรจะเปิดสอบคัดเลือก เพื่อให้เกิดการแข่งขัน อันจะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุดมาทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการกีดกันไม่ให้บุคคลอื่นซึ่งมีคุณสมบัติครบตามที่ สตช.ต้องการได้เข้าแข่งขัน เพราะไม่มีการประกาศให้บุคคลภายนอกรับรู้ คำถามคือ ถ้านายธรรมาธิปต์ ไม่ได้เป็นบุตรชาย ของ ร.ต.อ.ปุระชัย จะได้รับสิทธิพิเศษนี้หรือไม่ เนื่องจากคนที่ตั้งเรื่องเพื่อให้ นายธรรมาธิปต์ ได้รับราชการตำรวจคือ พล.ต.ท.พรชัย พันธุ์วัฒนา ผบช.สกพ. มี พล.ต.ท.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อนสนิทของ ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นผู้ผลักดัน เสนอให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งแต่งตั้ง นายธรรมาธิปต์ ลงวันที่ 7 เมษายน 2548
ทั้งนี้ ข้อพิรุธหลายประการ ก.ตร.น่าจะพิจารณาการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจของบุตรชาย ร.ต.อ.ปุระชัย ที่ใช้เส้นพ่อผ่านเพื่อน ที่มีอำนาจในขณะนั้นหรือไม่ และสิ่งที่ ร.ต.อ.ปุระชัย พยายามที่จะล้มผลสรุปของคณะอนุ ก.ตร. ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และพวกร่วมกันกระทำความผิดนั้น เป็นเพราะต้องการตอบแทนบุณคุณเพื่อนรัก ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ นายธรรมาธิปต์ บุตรชายของตนเองเข้ารับราชการตำรวจใช่หรือไม่
ขณะเดียวกัน จดหมายเปิดผนึกที่ลงลายมือชื่อว่า สมชาย บุญมาก ได้แนบสำเนาหนังสือบันทึกข้อความ ส่วนราชการ สกพ. ที่ 0006.331/1396 วันที่ 5 เมษายน 2548 เรื่อง การแต่งตั้งว่าที่ ยศ และบรรจุแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือก เรียน ผบ.ตร.(ผ่าน ผู้ช่วย ผบ.ตร. (บร 1 ) เกี่ยวกับการอนุมัติหลักการให้สวท.ดำเนินการเปิดรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ วท.บ.ทางฟิสิกส์ จำนวน 1 ราย โดยใช้การคัดเลือก พร้อมทั้งอนุมัติยกเว้นการขาดคุณสมบัติกรณีที่ไม่ผ่านการตรวจร่างกายจากคณะกรรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ เนื่องจากสายตาผิดปกติ ซึ่งตรวจแบบเสนลเลน (ปกติ 6/6) ให้กับผู้สมัครเข้ารับราชการในกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
นอกจากนี้ มีข้อเท็จจริงว่า สวท.มีหนังสือที่ 0026 .112/1174 ลง 29 มี.ค. 2548 แจ้งว่าได้ดำเนินการรับสมัครบุคคลภายนอกตามข้อ 1 เสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ที่รับสมัครและคัดเลือกไว้คือ นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้มีวุฒิ Bachelor of Science จาก University of Canterbury ประเทศนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งส่งหลักฐานประกอบการรับสมัครของบุคคลดังกล่าว ให้ สกพ. เพื่อดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการต่อไป
ทั้งนี้ สกพ.ได้ตรวจสอบแล้วปรากฎว่า คุณวุฒิ Bachelor of Science จากUniversity of canterbury ประเทศนิวซีแลนด์ ก.พ.รับรองให้เป็นวุฒิปริญญาทางวิทยาศาสตร์ และทางฟิสิกส์ และสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาได้พิจารณาเป็นวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีที่เทียบได้เท่ากับการศึกษาระดับปริญญาตรี ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายธรรมาธิปต์ เป็นผู้มีคุณวุฒิตรงตามหลักการที่ ตร. อนุมัติไว้ตามข้อ 1 และมีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ ตำแหน่งและอัตราเงินเดือนที่จะใช้รับรองการบรรจุและแต่งตั้งในกรณีนี้ มีว่างและได้กันไว้แล้ว ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าว ได้มีการอนุมัติและลงนามโดยพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ 7 เม.ย. 48 , พล.ต.ท.พัชวาท วงษ์สุวรรณ 5 เม.ย. 4 พร้อมกันนี้ ได้แนบสำเนา บัญชีรายละเอียดการบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการเป็นราชการตำรวจ แนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 270 /2548 ลงวันที่ 7 เมษายน 2548 โดยลำดับที่ 1 นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ ยศ ว่าที่ ร.ต.ต. ตำแหน่ง /สังกัด รอง สว. งาน 2 กก. 4 พฐ. เลขที่ตำแหน่ง สพฐ. 120 อัตราเงินเดือน ระดับ / ขั้น ส.1 ขั้น 6 (7,260 บาท) ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. 2548 หมายเหตุ มีเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 ปี จึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่นได้.
วานนี้ (16 พ.ย.) ภายหลังจากที่เรื่องราวของ ร.ต.ต.ธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ รอง สว. งาน 2 กก. 4 พฐ. บุตรชายร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งในก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ถูกตีแผ่ตามสื่อต่างๆว่า การเข้ารับราชการของร.ต.ต.ธรรมาธิปัตย์ น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลนั้น เรื่องดังกล่าว ร.ต.อ.ปุระชัยให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินออกจากการประชุมก.ตร.วานนี้ว่า ขณะนั้น ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ ต.ค.2547 - 14 ม.ค.2548 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ารับราชการตำรวจของลูกชาย ตอนนั้นลูกชายได้สมัครเป็นทหารเกณฑ์ 6 เดือน ได้มาปรึกษากับตนว่าจะไปยื่นใบสมัครเป็นตำรวจ โดยต้องการสายงานด้านฟิสิกส์ ตามที่เขาจบมา แม้ตนเองก็มีความรู้ในระบบงานตำรวจดีว่า คืออะไร แต่ไม่ได้สนับสนุน เพราะคิดว่า ลูกชายโตแล้ว ตนก็คงไม่ได้ไปกำหนดชีวิตลูกชาย แม้เขาจะแต่งงานกับใคร ตนก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย แต่ก็ได้กำชับว่า ทำอย่างไรก็ได้แต่อย่าให้ตนไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้ว่าตอนนั้น ตนจะเป็นประธาน ก.ตร.ก็ตาม แต่ในตำแหน่งประธาน ก.ตร. ไม่มีอำนาจในการรับคนมาเป็นข้าราชการตำรวจ เพราะในตำแหน่งนายร้อย จะเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ดำรงตำแหน่งอยู่ในสมัยนั้น และ พล.ต.อ.โกวิท ลงนามเมื่อวันที่ 7 เม.ย. พ.ศ. 2548 ตอนนั้น ตนได้หมดหน้าที่รองนายกฯแล้ว และวันแรกที่ลูกชายเข้าทำงานเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2548 ตนก็เดินทางไปหาภรรยาที่ประเทศ นิวซีแลนด์ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวถึงกรณีมีหนังสือเปิดผนึกเรื่องลูกชายส่งไปถึงบ้าน ก.ตร.บางคนว่า ตรงนี้ก็อยากให้แยกแยะ เรื่องของพ่อก็คือเรื่องของพ่อ เรื่องของลูกก็คือเรื่องของลูก
ผู้สื่อข่าวรายว่า ก่อนหน้านี้ ในการประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งใน ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิได้นำเอาหลักฐานการฝากตำรวจของ ก.ตร. 4 ราย และนักการเมือง 1 ราย มาเปิดเผยต่อ ก.ตร. พร้อมกับเรียกร้องให้ ก.ตร.ที่มีพฤติกรรมฝากตำรวจออกจากตำแหน่ง โดยเฉพาะบุคคลที่ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีผลสรุปให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน จนเป็นเหตุให้การประชุม ก.ตร.ต้องล่มกลางคัน โดยไม่ได้ข้อยุติทั้งเรื่องการเดินหน้าตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่คณะอนุกรรมการฯเสนอ และบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ -ผู้บังคับการ กระทั่งต้องนัดประชุม ก.ตร.ใหม่วานนี้ (16 พ.ย.)นั้น
ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้มีจดหมายเปิดผนึกถึง ก.ตร.ทุกคน ลงลายมือชื่อว่า สมชาย บุญมาก ถูกส่งผ่านไปยังสื่อต่างๆ รวมทั้ง เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน โดยเนื้อหาทั้งหมดที่ระบุในจดหมายเปิดผนึกผู้ร้องเรียน ชี้ชัดว่า ต้องการให้การพิจารณาของ ก.ตร.เป็นไปด้วยความโปร่งใส รอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นคุณสมบัติของ ก.ตร.เองว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่จะมาทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้ ตามที่ ร.ต.อ.ปุระชัย ได้เปิดประเด็นไว้ในการประชุมเมื่อ วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่าน พร้อมระบุในรายละเอียดทั้งหมดที่ได้อ้างอิงมาสามารถตรวจสอบและมีหลักฐานเปิดโปงในทุกขั้นตอน ซึ่งได้บ่งชี้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในการบรรจุ นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ บุตรชายของ ร.ต.อ.ปุระชัย เข้ารับราชการในตำแหน่ง รอง สว. งาน 2 กก.4 พฐ. ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจร่ายกายจากคณะกรรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ แต่กลับมีการอนุมัติให้ยกเว้นการขาดคุณสมบัติดังกล่าวให้กับ นายธรรมธิปัตย์ เป็นกรณีพิเศษ เหตุใดต้องอนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้กับผู้สมัครเข้ารับราชการรายนี้ว่า สามารถขาดคุณสมบัติกรณีไม่ผ่านการตรวจร่างกายจากคณะกรรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ ทั้งที่ตามปกติ การสอบคัดเลือกบุคคลภายนอกเข้ารับราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องผ่านการตรวจร่างกายจากแพทย์ รพ.ตำรวจ ทุกราย หากผู้สมัครรายใดไม่ผ่านการตรวจร่างกาย ก็ขาดคุณสมบัติไม่สามารถเข้ารับราชการตำรวจได้ แต่นายธรรมาธิปต์ บุตรชาย ของ ร.ตร.ปุระชัย ซึ่งมีความบกพร่องทางสายตา เนื่องจากสายตาผิดปกติ ไม่ผ่านการตรวจแบบเสนอเลน (ปกติ 6/6) นอกจากจะไม่ถูกคัดออกแล้ว กลับได้รับสิทธิพิเศษเหนือบุคคลอื่น ทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฎว่ามีคุณสมบัติใดที่โดดเด่น หรือมีความปรีชาสามารถ จนทำให้ต้องมีการยกเว้น ให้เป็นพิเศษ นอกจากเพียงแค่จบการศึกษา วท.บ.ฟิสิกส์ และการเป็นบุตรชายของ ร.ต.อ.ปุระชัย เท่านั้น และด้วยเหตุที่บุตรชาย ของ ร.ต.อ.ปุระชัย จบการศึกษาสาขานี้ใช่หรือไม่ จึงมีการล็อคสเปค กำหนดคุณสมบัติในการขออนุมัติรับสมัครบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ วท.บ.ฟิสิกส์ จำนวน 1 ราย โดยใช้การคัดเลือก ทั้งที่ปกติควรจะเปิดสอบคัดเลือก เพื่อให้เกิดการแข่งขัน อันจะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุดมาทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการกีดกันไม่ให้บุคคลอื่นซึ่งมีคุณสมบัติครบตามที่ สตช.ต้องการได้เข้าแข่งขัน เพราะไม่มีการประกาศให้บุคคลภายนอกรับรู้ คำถามคือ ถ้านายธรรมาธิปต์ ไม่ได้เป็นบุตรชาย ของ ร.ต.อ.ปุระชัย จะได้รับสิทธิพิเศษนี้หรือไม่ เนื่องจากคนที่ตั้งเรื่องเพื่อให้ นายธรรมาธิปต์ ได้รับราชการตำรวจคือ พล.ต.ท.พรชัย พันธุ์วัฒนา ผบช.สกพ. มี พล.ต.ท.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อนสนิทของ ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นผู้ผลักดัน เสนอให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งแต่งตั้ง นายธรรมาธิปต์ ลงวันที่ 7 เมษายน 2548
ทั้งนี้ ข้อพิรุธหลายประการ ก.ตร.น่าจะพิจารณาการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจของบุตรชาย ร.ต.อ.ปุระชัย ที่ใช้เส้นพ่อผ่านเพื่อน ที่มีอำนาจในขณะนั้นหรือไม่ และสิ่งที่ ร.ต.อ.ปุระชัย พยายามที่จะล้มผลสรุปของคณะอนุ ก.ตร. ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และพวกร่วมกันกระทำความผิดนั้น เป็นเพราะต้องการตอบแทนบุณคุณเพื่อนรัก ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ นายธรรมาธิปต์ บุตรชายของตนเองเข้ารับราชการตำรวจใช่หรือไม่
ขณะเดียวกัน จดหมายเปิดผนึกที่ลงลายมือชื่อว่า สมชาย บุญมาก ได้แนบสำเนาหนังสือบันทึกข้อความ ส่วนราชการ สกพ. ที่ 0006.331/1396 วันที่ 5 เมษายน 2548 เรื่อง การแต่งตั้งว่าที่ ยศ และบรรจุแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือก เรียน ผบ.ตร.(ผ่าน ผู้ช่วย ผบ.ตร. (บร 1 ) เกี่ยวกับการอนุมัติหลักการให้สวท.ดำเนินการเปิดรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ วท.บ.ทางฟิสิกส์ จำนวน 1 ราย โดยใช้การคัดเลือก พร้อมทั้งอนุมัติยกเว้นการขาดคุณสมบัติกรณีที่ไม่ผ่านการตรวจร่างกายจากคณะกรรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ เนื่องจากสายตาผิดปกติ ซึ่งตรวจแบบเสนลเลน (ปกติ 6/6) ให้กับผู้สมัครเข้ารับราชการในกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
นอกจากนี้ มีข้อเท็จจริงว่า สวท.มีหนังสือที่ 0026 .112/1174 ลง 29 มี.ค. 2548 แจ้งว่าได้ดำเนินการรับสมัครบุคคลภายนอกตามข้อ 1 เสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ที่รับสมัครและคัดเลือกไว้คือ นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้มีวุฒิ Bachelor of Science จาก University of Canterbury ประเทศนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งส่งหลักฐานประกอบการรับสมัครของบุคคลดังกล่าว ให้ สกพ. เพื่อดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการต่อไป
ทั้งนี้ สกพ.ได้ตรวจสอบแล้วปรากฎว่า คุณวุฒิ Bachelor of Science จากUniversity of canterbury ประเทศนิวซีแลนด์ ก.พ.รับรองให้เป็นวุฒิปริญญาทางวิทยาศาสตร์ และทางฟิสิกส์ และสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาได้พิจารณาเป็นวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีที่เทียบได้เท่ากับการศึกษาระดับปริญญาตรี ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายธรรมาธิปต์ เป็นผู้มีคุณวุฒิตรงตามหลักการที่ ตร. อนุมัติไว้ตามข้อ 1 และมีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ ตำแหน่งและอัตราเงินเดือนที่จะใช้รับรองการบรรจุและแต่งตั้งในกรณีนี้ มีว่างและได้กันไว้แล้ว ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าว ได้มีการอนุมัติและลงนามโดยพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ 7 เม.ย. 48 , พล.ต.ท.พัชวาท วงษ์สุวรรณ 5 เม.ย. 4 พร้อมกันนี้ ได้แนบสำเนา บัญชีรายละเอียดการบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการเป็นราชการตำรวจ แนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 270 /2548 ลงวันที่ 7 เมษายน 2548 โดยลำดับที่ 1 นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ ยศ ว่าที่ ร.ต.ต. ตำแหน่ง /สังกัด รอง สว. งาน 2 กก. 4 พฐ. เลขที่ตำแหน่ง สพฐ. 120 อัตราเงินเดือน ระดับ / ขั้น ส.1 ขั้น 6 (7,260 บาท) ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. 2548 หมายเหตุ มีเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 ปี จึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่นได้.
