เดอะมอลล์ กรุ๊ป อัด 200 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญเทศกาลปีใหม่ ชู 8 กลยุทธ์การตลาดผสมผสาน สู้ศึกค้าปลีกแข่งเดือดโกยยอดขายโค้งสุดท้าย รับไตรมาส 4 รับกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้น นักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาท่องเที่ยว มั่นใจยอดขาย 60 วัน โต 8% กวาด 7,000 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมโกย 4 หมื่นล้านบาท
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ดำเนินการตลาดเชิงรุกในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปีและต้อนรับปีใหม่ของ 3 ห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน
ภายใต้คอนเซปต์ “เทศกาลปีใหม่ถือเป็นเทศกาลแห่งการให้” ซึ่งปีนี้บริษัทนำกลยุทธ์ “Integrated Marketing Power” หรือการผสมผสานการตลาด 8 รูปแบบ คือ 1.อีโมชันนัล มาร์เก็ตติ้ง การสร้างบรรยายกาศตกแต่ง 3 ห้างสรรพสินค้า ภายใต้แนวคิดย้อนความทรงจำที่มีแต่ความสุขในวัยเด็ก 2.เซอร์วิส มาร์เก็ตติ้ง ให้ทุกบริการเป็นเรื่องที่ประทับใจ โดยมีคำแนะนำการเลือกซื้อของขวัญ ราคาตั้งแต่ 100-300 บาท
สำหรับกลยุทธ์ที่ 3 คือ อีเวนต์ มาร์เก็ตติ้ง ให้ความรื่นเริงแบบไม่รู้ลืม โดยจัดขบวนพาเหรดที่มาสร้างสีสันและบรรยากาศแห่งเพลงคริสต์มาส
และ 4.โปรโมชันนัล มาร์เก็ตติ้ง สร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าสำหรับรายการส่งเสริมการขาย ภายใต้ชื่อ “2010 Brilliant Thanks” โดยลูกค้าซื้อสินค้าตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท รับคูปองส่วนลด 10-50% และสมาชิกบัตรเอ็ม การ์ด สามารถสะสมคะแนนตั้งแต่ 100-500 คะแนน รับคูปองหรือลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ส่วนกลยุทธ์ที่ 5.แคธิกอรี่ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งสินค้าในแผนกของทั้ง 3 ห้าง ได้รับการออกแบบทั้งรูปแบบสินค้าและโปรโมชันพิเศษ โดยแผนกบิวตี้ ฮอลล์ ด้วยกิ๊ฟเซ็ตเครื่องสำอางและน้ำหอม แผนกบีเทรนด์ รวบรวมของขวัญที่มีไอเดีย เป็นต้น
ส่วนกลยุทธ์ที่ 6.รีเลชั่นชิป มาร์เก็ตติ้ง สร้างความสัมพันธ์ลูกค้าผ่านสมาชิกบัตรเอ็ม การ์ด ที่จ่ายครบ 2,000 บาท สามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยว รีสอร์ทและโรงแรมน่าประทับใจในราคาพิเศษลดสูง 80% และกลยุทธ์ที่ 6 คือ ซีเอสอาร์ แอนด์ โซเชียล มาร์เก็ตติ้ง ร่วมกับสมาคมสตรีอาสารักษาดินแดน จำหน่ายเสื้อสีชมพูประดับตราสัญลักษณ์มาจำหน่ายราคาตัวละ 299 บาท โดยรายได้หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา และ 8. พาร์ทเนอร์ ชิป มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งบริษัทได้ผนึกกับพันธมิตร อาทิ ไทยพาณิชย์ ซิตี้แบงก์ ร่วมมอบรางวัลพิเศษ
โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน – 17 มกราคม 2553
นายชำนาญ กล่าวต่อถึงกำลังการซื้อของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว โดยพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป มียอดขายเติบโต 5-6% และรวมทั้ง 3 ไตรมาส เติบโต 3-5% ซึ่งยอดขายจ่ายไม่ได้ลดลงโดยเฉลี่ย 1,800-2,000 บาทต่อคนต่อบิล ส่วนในช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ต 600-800 บาทต่อคนต่อบิล ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจากการดำเนินกลยุทธ์ผสมผสานตลอด 60 วัน
คาดว่ายอดขายในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่เติบโต 8% หรือมีรายได้เพิ่มจาก 6,500 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาท ขณะที่สมาชิกบัตรเอ็ม การ์ด เพิ่มทะลุเป้าหมายจาก 1.2 แสนราย เป็น 1.5 แสนรายในสิ้นปีนี้
“ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เกิดปัจจัยลบต่างๆ มากมาย ทั้งจากการปิดสนามบิน การเมืองที่ขาดสเถียรภาพ ทำให้ยอดขายในช่วงดังกล่าวไม่เติบโต เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีนี้ บรรยากาศการจับจ่ายเริ่มดีขึ้น เริ่มมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศ จากการหมุนเวียนการเข้าศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 10% ของสยามพารากอน ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเริ่มดีขึ้น จากช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกิดการจราจลส่งผล ทำให้ต้องปิดให้บริการศูนย์การค้า 2 วัน กระทบต่อยอดขายลดลง 7% อย่างไรก็ตามรายได้สิ้นปีตั้งเป้า 4 หมื่นล้านบาท ” นายชำนาญ กล่าว
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ดำเนินการตลาดเชิงรุกในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปีและต้อนรับปีใหม่ของ 3 ห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน
ภายใต้คอนเซปต์ “เทศกาลปีใหม่ถือเป็นเทศกาลแห่งการให้” ซึ่งปีนี้บริษัทนำกลยุทธ์ “Integrated Marketing Power” หรือการผสมผสานการตลาด 8 รูปแบบ คือ 1.อีโมชันนัล มาร์เก็ตติ้ง การสร้างบรรยายกาศตกแต่ง 3 ห้างสรรพสินค้า ภายใต้แนวคิดย้อนความทรงจำที่มีแต่ความสุขในวัยเด็ก 2.เซอร์วิส มาร์เก็ตติ้ง ให้ทุกบริการเป็นเรื่องที่ประทับใจ โดยมีคำแนะนำการเลือกซื้อของขวัญ ราคาตั้งแต่ 100-300 บาท
สำหรับกลยุทธ์ที่ 3 คือ อีเวนต์ มาร์เก็ตติ้ง ให้ความรื่นเริงแบบไม่รู้ลืม โดยจัดขบวนพาเหรดที่มาสร้างสีสันและบรรยากาศแห่งเพลงคริสต์มาส
และ 4.โปรโมชันนัล มาร์เก็ตติ้ง สร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าสำหรับรายการส่งเสริมการขาย ภายใต้ชื่อ “2010 Brilliant Thanks” โดยลูกค้าซื้อสินค้าตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท รับคูปองส่วนลด 10-50% และสมาชิกบัตรเอ็ม การ์ด สามารถสะสมคะแนนตั้งแต่ 100-500 คะแนน รับคูปองหรือลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ส่วนกลยุทธ์ที่ 5.แคธิกอรี่ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งสินค้าในแผนกของทั้ง 3 ห้าง ได้รับการออกแบบทั้งรูปแบบสินค้าและโปรโมชันพิเศษ โดยแผนกบิวตี้ ฮอลล์ ด้วยกิ๊ฟเซ็ตเครื่องสำอางและน้ำหอม แผนกบีเทรนด์ รวบรวมของขวัญที่มีไอเดีย เป็นต้น
ส่วนกลยุทธ์ที่ 6.รีเลชั่นชิป มาร์เก็ตติ้ง สร้างความสัมพันธ์ลูกค้าผ่านสมาชิกบัตรเอ็ม การ์ด ที่จ่ายครบ 2,000 บาท สามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยว รีสอร์ทและโรงแรมน่าประทับใจในราคาพิเศษลดสูง 80% และกลยุทธ์ที่ 6 คือ ซีเอสอาร์ แอนด์ โซเชียล มาร์เก็ตติ้ง ร่วมกับสมาคมสตรีอาสารักษาดินแดน จำหน่ายเสื้อสีชมพูประดับตราสัญลักษณ์มาจำหน่ายราคาตัวละ 299 บาท โดยรายได้หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา และ 8. พาร์ทเนอร์ ชิป มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งบริษัทได้ผนึกกับพันธมิตร อาทิ ไทยพาณิชย์ ซิตี้แบงก์ ร่วมมอบรางวัลพิเศษ
โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน – 17 มกราคม 2553
นายชำนาญ กล่าวต่อถึงกำลังการซื้อของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว โดยพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป มียอดขายเติบโต 5-6% และรวมทั้ง 3 ไตรมาส เติบโต 3-5% ซึ่งยอดขายจ่ายไม่ได้ลดลงโดยเฉลี่ย 1,800-2,000 บาทต่อคนต่อบิล ส่วนในช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ต 600-800 บาทต่อคนต่อบิล ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจากการดำเนินกลยุทธ์ผสมผสานตลอด 60 วัน
คาดว่ายอดขายในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่เติบโต 8% หรือมีรายได้เพิ่มจาก 6,500 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาท ขณะที่สมาชิกบัตรเอ็ม การ์ด เพิ่มทะลุเป้าหมายจาก 1.2 แสนราย เป็น 1.5 แสนรายในสิ้นปีนี้
“ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เกิดปัจจัยลบต่างๆ มากมาย ทั้งจากการปิดสนามบิน การเมืองที่ขาดสเถียรภาพ ทำให้ยอดขายในช่วงดังกล่าวไม่เติบโต เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีนี้ บรรยากาศการจับจ่ายเริ่มดีขึ้น เริ่มมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศ จากการหมุนเวียนการเข้าศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 10% ของสยามพารากอน ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเริ่มดีขึ้น จากช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เกิดการจราจลส่งผล ทำให้ต้องปิดให้บริการศูนย์การค้า 2 วัน กระทบต่อยอดขายลดลง 7% อย่างไรก็ตามรายได้สิ้นปีตั้งเป้า 4 หมื่นล้านบาท ” นายชำนาญ กล่าว