ASTVผู้จัดการรายวัน - " วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส " ประเมินแนวโน้มราคาทองคำยังพุ่งได้อีก ระบุมีโอกาสไต่ถึง 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศหันมาสำรองทองคำเพิ่ม อีกทั้งราคาน้ำมันพุ่งดันให้ราคาทองคำแปรผันทิศทางเดียวกัน "ฐิภา " เผยเป็นเหตุให้ปริมาณและมูลค่าการซื้อขายทองคำล่วงหน้าขยับขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย. ขณะที่บริษัทขึ้นแท่นส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 3 แนะกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ระยะสั้นยังเข้าเก็งกำไร ส่วนระยะยาวต้องระวังคาดเร็วๆ นี้อาจมีการปรับฐานรอบใหญ่
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่าในปัจจุบันราคาทองคำได้ทะยานขึ้นทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐมีนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยในระดับ และตลาดหุ้นที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้หันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคตคาดว่ายังจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่องและมีโอกาสที่จะขึ้นแตะระดับ 1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ที่สำคัญคือค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศต้องหันมาสำรองทองคำเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าประเทศอินเดียและจีนเริ่มดำเนินการในจุดนี้แล้ว และประเด็นที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ซึ่งทองคำจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เพราะช่วงปลายปีนี้ถึงช่วงต้นปีเป็นฤดูหนาวจะมีปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้น
" การที่ธนาคารกลางหลาย ๆ แห่งหันมาเก็บทองคำเป็นทุนสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเพราะเงินดอลลาร์เริ่มจะอ่อนค่าลง โดยนับจากต้นปีจนกระทั่งในปัจจุบันพบว่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแล้วประมาณ 15% ทำให้มูลค่าทุนสำรองของประเทศที่มีเงินดอลลาร์อยู่นั้นลดลง แต่ประเทศเหล่านั้นจะปรับเปลี่ยนโดยการหันไปสำรองเงินยูโรเพิ่มขึ้นก็ยังไม่มั่นใจเพราะเงินสกุลดังกล่าวเพิ่งจะเกิดไม่นาน ทำให้ไม่มั่นใจในเสถียรภาพของค่าเงิน "
สำหรับ การซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futuers) ช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย. 2552 ปริมาณการซื้อขายผ่าน YLG มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือน ต.ค.ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 96% ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของ YLG ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จากเดิมอยู่ในอันดับที่ 4 ทั้งนี้ส่วนแบ่งการตลาดในเดือน พ.ย.ยังขยายตัวได้ดี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 50% จากเดือน ต.ค. เนื่องจาก YLG ได้จัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ในระยะสั้นยังสามารถทำกำไรได้ โดย YLG ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไป high ที่ระดับ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวต้องรอจังหวะเพราะคาดว่าอาจจะมีการปรับฐานทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา คาดว่าค่าเฉลี่ยในปี 2552 จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปี 2551 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 800 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่าในปัจจุบันราคาทองคำได้ทะยานขึ้นทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐมีนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยในระดับ และตลาดหุ้นที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้หันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคตคาดว่ายังจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่องและมีโอกาสที่จะขึ้นแตะระดับ 1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ที่สำคัญคือค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศต้องหันมาสำรองทองคำเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าประเทศอินเดียและจีนเริ่มดำเนินการในจุดนี้แล้ว และประเด็นที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ซึ่งทองคำจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เพราะช่วงปลายปีนี้ถึงช่วงต้นปีเป็นฤดูหนาวจะมีปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้น
" การที่ธนาคารกลางหลาย ๆ แห่งหันมาเก็บทองคำเป็นทุนสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเพราะเงินดอลลาร์เริ่มจะอ่อนค่าลง โดยนับจากต้นปีจนกระทั่งในปัจจุบันพบว่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแล้วประมาณ 15% ทำให้มูลค่าทุนสำรองของประเทศที่มีเงินดอลลาร์อยู่นั้นลดลง แต่ประเทศเหล่านั้นจะปรับเปลี่ยนโดยการหันไปสำรองเงินยูโรเพิ่มขึ้นก็ยังไม่มั่นใจเพราะเงินสกุลดังกล่าวเพิ่งจะเกิดไม่นาน ทำให้ไม่มั่นใจในเสถียรภาพของค่าเงิน "
สำหรับ การซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futuers) ช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย. 2552 ปริมาณการซื้อขายผ่าน YLG มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือน ต.ค.ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 96% ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของ YLG ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จากเดิมอยู่ในอันดับที่ 4 ทั้งนี้ส่วนแบ่งการตลาดในเดือน พ.ย.ยังขยายตัวได้ดี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 50% จากเดือน ต.ค. เนื่องจาก YLG ได้จัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ในระยะสั้นยังสามารถทำกำไรได้ โดย YLG ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไป high ที่ระดับ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวต้องรอจังหวะเพราะคาดว่าอาจจะมีการปรับฐานทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา คาดว่าค่าเฉลี่ยในปี 2552 จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปี 2551 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 800 ดอลลาร์ต่อออนซ์