เห็นภาพ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” สวมกอดกับ “ฮุนเซน” แล้ว ความรู้สึกแว่บแรกที่เกิดขึ้นคือ “ขยะแขยง” จากนั้นก็ตามมาด้วยคำว่า “ชิงชัง” และอีกสารพัดที่พึงจะนึกได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ก็มีบทสรุปที่เชื่อว่า หลายคนคงเห็นตรงกัน นั่นคือ ทั้ง 2 คนนั้น เป็นคู่หูทรราชที่ช่างเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน
คนหนึ่งเป็นนักโทษหนีคดีที่ “โคตรโกง” จนคนไทยโกรธและเกลียดเกือบจะทั้งประเทศ แถมยังมาาถ่มถุยถ้อยคำจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของคนไทยอีกต่างหาก
ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ตลอดชีวิตยังไม่เคยเห็นคุณงามความดีที่ทำให้แก่ชาติบ้านเมือง แถมยังออกหน้าให้ “เพื่อนชั่วนิรันดร์” มาใช้ประเทศของตนเองล้มรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่สนใจว่าปผลประโยชน์ของชาติจะฉิบหายวายป่วงสักเพียงใด
นี่คือคู่หูทรราชที่เชื่อว่าอีกไม่นานนักคงรับผลกรรมที่ได้ทำร่วมกันไว้ ส่วนจะไปรับกรรมในนรกขุมไหนนั้น อีกไม่ช้าคงได้เห็นกัน
สำหรับ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับนี้นั้น ได้รวมเรื่องของคนลวงโลกมาให้อ่านกันอย่างจุใจ เริ่มตั้งแต่การฉายภาพการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของนช.ทักษิณ-หัวหน้าขบวนการล้มเจ้าที่มีจุดกำเนิดจากปฏิญญาฟินแลนด์เรื่อยมาจนถึงปฏิญญาดูไบจากการให้สัมภาษณ์ไทมส์ ออนไลน์ ที่เป็นใบเสร็จยืนยันว่าคนๆ นี้ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามต่อด้วยการลากไส้ทีละขดๆ จนเป็นมหากาพย์ของจอมลวงโลกอย่าง “นาธาน โอมาน” ที่ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์คนหนึ่งจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ และปิดท้ายกันด้วยเรื่องจี๊ดจ๊าดสะท้านต่อมกำหนัดจากกรณีของ “ใหม่ เจริญปุระ” ที่เหินฟ้าไปดูไบ และร่วมกินข้าวกับนช.ทักษิณ-ผู้ที่ร็อกเกอร์สาวยอมรับว่าปลื้ม แต่คงไม่อาจเอื้อม ก่อนจากกันด้วยบรรยากาศซึ้งๆ ด้วยการรับสินน้ำใจจากคุณหญิงอ้อด้วยกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง
ส่วนใครที่คิดถึง “พล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร” รีบพลิกไปอ่านบทสัมภาษณ์ยาวๆ ที่ลุกขึ้นมาเปิดใจครั้งแรกในรอบ 2 ปีขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังลุกเป็นไฟ พร้อมด้วยแง่คิดดีๆ ที่ฝากให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองได้มีสติ
ด้วยจิตคารวะ
กองบรรณาธิการ
managerweekend@yahoo.com