นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประชุมร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ เพื่อหารือเรื่องการจ่ายผลตอบแทนตามมูลค่าหลักทรัพย์(อินเซนทีฟ) ให้กับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและไม่ส่งผลกระทบกับมาร์เกตติ้งมากเกินไปหลังจากมีข้อร้องเรียนเกิดขึ้น
ทั้งนี้ เกณฑ์ที่ออกมานั้นะจ่ายอินเซนทีฟให้มาร์เกตติ้ง 75% และ อีก 25% จะกันไว้เพื่อจ่ายให้ทุก 6 เดือน ซึ่งจะประเมินจากคุณภาพในการดำเนินงาน และเกณฑ์ดังกล่าวได้ประกาศออกมาช่วงปลายปี 2549 นั้น เพื่อต้องการให้มาร์เก็ตติ้งช่วยกันพัฒนาในเรื่องคุณภาพการทำงาน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเพื่อรองรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียม จะช่วยให้ขยายโอกาสทางการทำธุรกรรมต่างๆ มากขึ้น และจะส่งผลดีต่อมาร์เก็ตติ้งในที่สุด
" วันที่ 18 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ และสมาคม.บล จะร่วมกันหารือกันอีกครั้ง เพื่อจะมาดูกันว่า ควรทำอย่างไรบ้างที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเราอยากทำความเข้าใจว่า เกณฑ์บางเรื่องที่ออกมา จะมีส่วนช่วยให้มาร์เก็ตติ้งทำงานได้ดีขึ้น " นางภัทรียากล่าว
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การประชุมวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้จะหารือในเรื่องการปฏิบัติงาน 3 เรื่อง ในการที่จะมีการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น)ขั้นบันได การจ่ายอินเซ็นทีฟแก่เจ้าหน้าที่การตลาด และการให้อินเซ็นทีฟค่าคอมมิชชั่นอินเตอร์เน็ต
ทั้งนี้ การที่จ่ายอินเซ็นทีฟให้มาร์เกตติ้ง 75% และอีก 25% กันไว้ และจะจ่ายให้ทุก 6 เดือนนั้น ทางโบรกเกอร์จะจ่ายให้กับมาร์เกตติ้งแต่จะพิจารณาในเรื่องคุณภาพในการดำเนินงาน เช่น การให้ข้อมูลข่าวสารที่ดี ไม่มีการกระทำผิด การให้บริการที่ดีกับลูกค้าฯลฯซึ่งเรื่องการพิจารณาคุณภาพการปฏิบัติงานนั้นจะต้องมีการกำหนดว่ามีมาตรฐานพิจารณาอย่างไร
สำหรับมาร์เกตติ้งที่มีฐานลูกค้าต่ำทำให้จะได้รับผลตอบแทนจากอินเซ็นทีฟต่ำกว่าเกณฑ์นั้น ทางโบรกเกอร์จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้กับมาร์เกตติ้งเท่ากับเงินเดือนของเจ้าหน้าที่การตลาด เช่น หากมาร์เกตติ้งมีเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท แต่หากมีวอลุมลูกค้าเทรดน้อยซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะได้อินเซ็นทีฟเพียง 10,000 บาท โบรกเกอร์จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้มาร์เกตติ้งเท่ากับเงินเดือน โดยเชื่อว่ามาร์เก็ตติ้งไม่ได้รับผลกระทบ แม้จะทำธุรกรรมไม่ได้ตามเป้าก็ตาม
" เกณฑ์ดังกล่าวที่จ่ายอินเซ็นทีฟให้75% นั้นมีมาร์เกตติ้งพอใจกับเกณฑ์ดังกล่าว เพราะมีคนเก็บเงินให้ส่วนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเงินออม เพราะ หากมีการจ่ายให้หมดก็จะนำไปใช้จ่ายหมด " นายกัมปนาท กล่าว
ทั้งนี้ เกณฑ์ที่ออกมานั้นะจ่ายอินเซนทีฟให้มาร์เกตติ้ง 75% และ อีก 25% จะกันไว้เพื่อจ่ายให้ทุก 6 เดือน ซึ่งจะประเมินจากคุณภาพในการดำเนินงาน และเกณฑ์ดังกล่าวได้ประกาศออกมาช่วงปลายปี 2549 นั้น เพื่อต้องการให้มาร์เก็ตติ้งช่วยกันพัฒนาในเรื่องคุณภาพการทำงาน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเพื่อรองรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียม จะช่วยให้ขยายโอกาสทางการทำธุรกรรมต่างๆ มากขึ้น และจะส่งผลดีต่อมาร์เก็ตติ้งในที่สุด
" วันที่ 18 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ และสมาคม.บล จะร่วมกันหารือกันอีกครั้ง เพื่อจะมาดูกันว่า ควรทำอย่างไรบ้างที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเราอยากทำความเข้าใจว่า เกณฑ์บางเรื่องที่ออกมา จะมีส่วนช่วยให้มาร์เก็ตติ้งทำงานได้ดีขึ้น " นางภัทรียากล่าว
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การประชุมวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้จะหารือในเรื่องการปฏิบัติงาน 3 เรื่อง ในการที่จะมีการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น)ขั้นบันได การจ่ายอินเซ็นทีฟแก่เจ้าหน้าที่การตลาด และการให้อินเซ็นทีฟค่าคอมมิชชั่นอินเตอร์เน็ต
ทั้งนี้ การที่จ่ายอินเซ็นทีฟให้มาร์เกตติ้ง 75% และอีก 25% กันไว้ และจะจ่ายให้ทุก 6 เดือนนั้น ทางโบรกเกอร์จะจ่ายให้กับมาร์เกตติ้งแต่จะพิจารณาในเรื่องคุณภาพในการดำเนินงาน เช่น การให้ข้อมูลข่าวสารที่ดี ไม่มีการกระทำผิด การให้บริการที่ดีกับลูกค้าฯลฯซึ่งเรื่องการพิจารณาคุณภาพการปฏิบัติงานนั้นจะต้องมีการกำหนดว่ามีมาตรฐานพิจารณาอย่างไร
สำหรับมาร์เกตติ้งที่มีฐานลูกค้าต่ำทำให้จะได้รับผลตอบแทนจากอินเซ็นทีฟต่ำกว่าเกณฑ์นั้น ทางโบรกเกอร์จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้กับมาร์เกตติ้งเท่ากับเงินเดือนของเจ้าหน้าที่การตลาด เช่น หากมาร์เกตติ้งมีเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท แต่หากมีวอลุมลูกค้าเทรดน้อยซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะได้อินเซ็นทีฟเพียง 10,000 บาท โบรกเกอร์จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้มาร์เกตติ้งเท่ากับเงินเดือน โดยเชื่อว่ามาร์เก็ตติ้งไม่ได้รับผลกระทบ แม้จะทำธุรกรรมไม่ได้ตามเป้าก็ตาม
" เกณฑ์ดังกล่าวที่จ่ายอินเซ็นทีฟให้75% นั้นมีมาร์เกตติ้งพอใจกับเกณฑ์ดังกล่าว เพราะมีคนเก็บเงินให้ส่วนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเงินออม เพราะ หากมีการจ่ายให้หมดก็จะนำไปใช้จ่ายหมด " นายกัมปนาท กล่าว