ASTVผู้จัดการรายวัน - โกลว์ พลังงาน อวดกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม 5,743 ล้านบาท ผลดีจากยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่จำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำกลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางปี 51 บวกอัตรากำไรจากการดำเนินงานดีขึ้นเหตุราคาเชื้อเพลิงที่ทรงตัวสอดคล้องกับราคาค่าไฟฟ้า
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ และบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW แจ้งผล ประกอบการ 9 เดือนแรกปี 52 ว่ามีรายได้รวม 25,836 ล้านบาท และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษี เงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) 5,743 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) 2,669 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 899 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจาก ยอดขายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่จำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำได้กลับมาสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลาง ปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่ทรงตัวสอดคล้องกับราคาค่าไฟฟ้า ขณะดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ 51 โดยอัตราภาษีเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากสิทธิพิเศษทางภาษีของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทบางหน่วยได้หมดอายุลง แต่จะต่ำลงภายหลังการเริ่มต้นของระยะเวลาการยกเว้นภาษี ของโครงการขยายโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอยเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 53
โดยไตรมาส 3 นี้ GLOW ไม่มีบันทึกรายได้เงินชดเชยจากการหยุดดำเนินการนอกแผนงานของโรงไฟฟ้าถ่านหินหน่วยที่ 1 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมกว่า 100 ล้านบาท และความพร้อมจ่ายไฟฟ้าที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงย่อยนอกแผนงาน และการหยุดซ่อมบำรุงหลักตามแผนงานเป็นระยะเวลา 1 เดือนของโรงไฟฟ้าถ่านหินหน่วยที่ 2 ที่เลื่อนมาจากไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลต่อกำไรในไตรมาส 3 ประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าความพร้อม จ่ายไฟฟ้าจะกลับมาสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4 นี้ และบริษัทไม่มีแผนการซ่อมบำรุงหลักไปจนกระทั่งปลายปี 54
'การดำเนินงานและผลประกอบการของกลุ่มบริษัทโกลว์ได้กลับมาอยู่ในระดับปกติ รวมถึงยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมก็กลับมาอยู่ในระดับที่ได้คาดการณ์ไว้เช่นกัน กำไรจากการดำเนินงานของเราปรับตัวดีขึ้น ส่งผลมาจากค่า Ft ที่ยังคงที่อยู่ในระดับสูง ขณะราคาเชื้อเพลิงมีเสถียรภาพมากขึ้น'
อย่างไรก็ดี GLOW ยังคงติดตามผลกระทบของการหยุดระงับโครงการต่างๆ ของลูกค้าในมาบตาพุดอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันโกลว์ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับการขยายโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด โดยการขยายโครงการใหม่ของกลุ่มบริษัทจะใช้เทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษต่ำและลงทุนเพื่อลดการปล่อยมลพิษของโรงไฟฟ้าปัจจุบันเพื่อปรับปรุงคุณภาพ อากาศในมาบตาพุดโดยรวม
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ และบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW แจ้งผล ประกอบการ 9 เดือนแรกปี 52 ว่ามีรายได้รวม 25,836 ล้านบาท และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษี เงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) 5,743 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) 2,669 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 899 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจาก ยอดขายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่จำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำได้กลับมาสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลาง ปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่ทรงตัวสอดคล้องกับราคาค่าไฟฟ้า ขณะดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ 51 โดยอัตราภาษีเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากสิทธิพิเศษทางภาษีของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทบางหน่วยได้หมดอายุลง แต่จะต่ำลงภายหลังการเริ่มต้นของระยะเวลาการยกเว้นภาษี ของโครงการขยายโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอยเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 53
โดยไตรมาส 3 นี้ GLOW ไม่มีบันทึกรายได้เงินชดเชยจากการหยุดดำเนินการนอกแผนงานของโรงไฟฟ้าถ่านหินหน่วยที่ 1 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมกว่า 100 ล้านบาท และความพร้อมจ่ายไฟฟ้าที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงย่อยนอกแผนงาน และการหยุดซ่อมบำรุงหลักตามแผนงานเป็นระยะเวลา 1 เดือนของโรงไฟฟ้าถ่านหินหน่วยที่ 2 ที่เลื่อนมาจากไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลต่อกำไรในไตรมาส 3 ประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าความพร้อม จ่ายไฟฟ้าจะกลับมาสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4 นี้ และบริษัทไม่มีแผนการซ่อมบำรุงหลักไปจนกระทั่งปลายปี 54
'การดำเนินงานและผลประกอบการของกลุ่มบริษัทโกลว์ได้กลับมาอยู่ในระดับปกติ รวมถึงยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมก็กลับมาอยู่ในระดับที่ได้คาดการณ์ไว้เช่นกัน กำไรจากการดำเนินงานของเราปรับตัวดีขึ้น ส่งผลมาจากค่า Ft ที่ยังคงที่อยู่ในระดับสูง ขณะราคาเชื้อเพลิงมีเสถียรภาพมากขึ้น'
อย่างไรก็ดี GLOW ยังคงติดตามผลกระทบของการหยุดระงับโครงการต่างๆ ของลูกค้าในมาบตาพุดอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันโกลว์ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับการขยายโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด โดยการขยายโครงการใหม่ของกลุ่มบริษัทจะใช้เทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษต่ำและลงทุนเพื่อลดการปล่อยมลพิษของโรงไฟฟ้าปัจจุบันเพื่อปรับปรุงคุณภาพ อากาศในมาบตาพุดโดยรวม
