ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังเผยเศรษฐกิจปลายปีฟื้นยอดนำเข้าและการบริโภคภายในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันส่งผลจัดเก็บรายได้รัฐบาลทะลุเป้า ยอดต.ค.สุทธิ 1.11 แสนล้านบาทสูงกว่าประมาณการณ์ 1.5 หมื่นล้านบาท
นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในเดือนตุลาคม 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.11 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ16.2% สาเหตุสำคัญที่ทำให้การจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ คือ การนำเข้าและการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ การนำเข้าที่ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการนำเข้าสูงกว่าประมาณการถึง 23.2% สอดคล้องกับผลการจัดเก็บอากรขาเข้าที่สูงกว่าประมาณการ 21.1% นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงกว่าประมาณการ 58.2% และภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการบริโภคสูงกว่าประมาณการ 7.2%
สำหรับรัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 1.45 พันล้านบาท หรือ 9.5% เป็นผลจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนที่ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงขอทยอยนำส่งรายได้เป็นงวด ทำให้รายได้ในเดือนนี้ต่ำกว่าประมาณการ จำนวน 2.66 พันล้านบาท และ 638 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้ขอเลื่อนการจ่ายเงินปันผล จำนวน 1.1 พันล้านบาท จากเดิมในเดือนตุลาคม 2552 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2552 ด้วย อย่างไรก็ตามการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสินนำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ 1.29 พันล้านและ 708 ล้านบาท ตามลำดับ
“เดือนตุลาคม 2552 เป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.11 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าถึง16.2% ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจได้ส่งผลให้การนำเข้าและการบริโภคภายในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมหลักสูงกว่าเป้าหมายในอัตราที่สูง ทั้งนี้ผลการจัดเก็บรายได้เดือนนี้ได้ส่งสัญญาณให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยได้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้มั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายอย่างแน่นอน” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในเดือนตุลาคม 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.11 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ16.2% สาเหตุสำคัญที่ทำให้การจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ คือ การนำเข้าและการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ การนำเข้าที่ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการนำเข้าสูงกว่าประมาณการถึง 23.2% สอดคล้องกับผลการจัดเก็บอากรขาเข้าที่สูงกว่าประมาณการ 21.1% นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงกว่าประมาณการ 58.2% และภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการบริโภคสูงกว่าประมาณการ 7.2%
สำหรับรัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 1.45 พันล้านบาท หรือ 9.5% เป็นผลจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนที่ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงขอทยอยนำส่งรายได้เป็นงวด ทำให้รายได้ในเดือนนี้ต่ำกว่าประมาณการ จำนวน 2.66 พันล้านบาท และ 638 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้ขอเลื่อนการจ่ายเงินปันผล จำนวน 1.1 พันล้านบาท จากเดิมในเดือนตุลาคม 2552 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2552 ด้วย อย่างไรก็ตามการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสินนำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ 1.29 พันล้านและ 708 ล้านบาท ตามลำดับ
“เดือนตุลาคม 2552 เป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.11 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าถึง16.2% ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจได้ส่งผลให้การนำเข้าและการบริโภคภายในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมหลักสูงกว่าเป้าหมายในอัตราที่สูง ทั้งนี้ผลการจัดเก็บรายได้เดือนนี้ได้ส่งสัญญาณให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยได้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้มั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายอย่างแน่นอน” นายสาธิตกล่าว
