ASTVผู้จัดการรายวัน – ไคร่า จ่อคิวปี 2554 ปั้นแบรนด์ใหม่ลุยชุดชั้นในระดับล่างบุกโมเดิร์นเทรด รับมือเศรษฐกิจผันผวน-สงครามราคาเดือด ด้านเพลย์บอย ปีหน้าสบช่องแตกไลน์ชุดชั้นว่ายน้ำ ชูคอนเซปต์แฟชั่นทะลวงคนรุ่นใหม่ พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายกรุยตลาดภูธร ปีหน้าโต 15% กวาดรายได้เกือบ 170 ล้านบาท
นางสาวกิติยาวดี อมาตกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ไคร่า โมด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในไคร่า และผู้นำเข้าแบรนด์เพลย์บอย เปิดเผยว่า บริษัทฯได้วางแผนแตกไลน์ชุดชั้นในระดับล่างในปี 2554 ซึ่งจะเป็นแบรนด์ใหม่ แต่ยังคงคอนเซปต์ชุดชั้นในแนวแฟชั่น เจาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังการซื้อน้อย ราคา 200-400 บาท และวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด
ทั้งนี้เพื่อมีให้สินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯมีชุดชั้นในระดับพรีเมียม 2 แบรนด์ ราคา 690 บาทขึ้นไป ได้แก่ ชุดชั้นในไคร่า เจาะกลุ่มเป้าหมาย 20-40 ปี และเพลย์บอย อายุ 18-25 ปี
การแตกไลน์ชุดชั้นในระดับล่าง ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการผกผันของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งปีนี้ตลาดชุดชั้นใน 1 หมื่นล้านบาท เติบโตเพียง 5% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโตมากกว่า 10% ส่งผลให้ปีนี้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ราคาและทำโปรโมชันตลอดทั้งปี ซึ่งบริษัททำโปรโมชันกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าปริมาณมาก อาทิ ซื้อ 3 แถม 1 และคาดว่าปีหน้าการแข่งขันราคาจะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้บริษัทฯได้ขยายโปรดักส์ไลน์จากชุดชั้นในเพลย์บอยสู่ชุดว่ายน้ำ ภายใต้คอนเซปต์แฟชั่น เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ราคา 2,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้านี้ นำร่องจำหน่ายชอปไคร่า อาทิ สยามพารากอน เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นต้น โดยปีหน้าการขยายสาขามุ่งเน้นตลาดต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะเปิด 10 แห่งในห้างสรรพสินค้า ภายใต้งบลงทุน 2 ล้านบาท จากปัจจุบันช่องทางดีพาร์ทเมนต์สโตร์มีทั้งหมด 50 แห่ง ส่วนชอปไคร่าขยายเพิ่มจาก 5 สาขา เป็น 6-7 สาขา
ปีหน้านี้บริษัทมุ่งโฟกัสชุดชั้นในไคร่าเป็นหลัก เนื่องจากเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง ขณะที่เพลย์บอยบริษัทได้ไลเซ่นการผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัทจะเปิดตัวสินค้าคอลเลกชั่นจากดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ผ่านการออกแบบสไตล์เซ็กซี่สอดคล้องกับเสื้อผ้าแฟชั่น อย่างไรก็ตามสำหรับการทำตลาดชุดชั้นใน 2 แบรนด์ ยังคงมุ่งเน้นคอนเซปต์แฟชั่น ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งของแบรนด์ โดยใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีนี้
ล่าสุดชุดชั้นในเพลย์บอยเปิดตัวแคมเปญการตลาด “Play Intimates Design for His Dream Contest with Dome Pakornlum“ ประกวดออกแบบชุดชั้นในในฝันของโดม ปกรณ์ลัม นอกจากนี้จะเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลกชั่นใหม่ส่งท้ายปลายปีนี้ และจากการดำเนินการตลาดในปีหน้านี้ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ไคร่าเพิ่มจาก 40% เป็น 50% และเพลย์บอยจาก 60% เป็น 50%
แนวโน้มตลาดชุดชั้นใน ผู้ประกอบการปรับตัวหันมาทำตลาดชุดชั้นในแฟชั่นควบคู่กับฟังก์ชันมากขึ้น เพื่อรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ชุดชั้นในแฟชั่นตามเทรนด์ของเสื้อผ้า และมีความถี่ในการซื้อชุดชั้นในเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตตลาดจะขยายตัวเพิ่ม จากปีนี้ตลาดเติบโต 10% โดยมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% จากตลาดรวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งไคร่าและเพลย์บอยติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาด ส่วนอีก 2 แบรนด์ คือ บีเอสซี มอร์แกน และอีก 50% หรือมูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นชุดชั้นในฟังก์ชัน และอีก 30% เป็นเบสิก
นางสาวกิติยาวดี กล่าวว่า ผลประกอบการปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 15% หรือเกือบ 170 ล้านบาท ส่วนสิ้นปีนี้ตั้งเป้าโต 7% หรือ 147 ล้านบาท จาก 9 เดือนเติบโต 4% หรือ 145 ล้านบาท แบ่งเป็น เพลย์บอย 88 ล้านบาท และไคร่า 59 บ้านบาท ส่วนรายได้ส่งออก 42 ล้านบาท อาทิ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย และแอฟริกา ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท สร้างโรงงาน ที่ พุทธมณฑล โดยมีกำลังการผลิต 12,500 ชุดต่อเดือนเป็นการผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเอง 80% และอีก 20% เป็นการรับจ้างผลิต
นางสาวกิติยาวดี อมาตกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ไคร่า โมด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในไคร่า และผู้นำเข้าแบรนด์เพลย์บอย เปิดเผยว่า บริษัทฯได้วางแผนแตกไลน์ชุดชั้นในระดับล่างในปี 2554 ซึ่งจะเป็นแบรนด์ใหม่ แต่ยังคงคอนเซปต์ชุดชั้นในแนวแฟชั่น เจาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังการซื้อน้อย ราคา 200-400 บาท และวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด
ทั้งนี้เพื่อมีให้สินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯมีชุดชั้นในระดับพรีเมียม 2 แบรนด์ ราคา 690 บาทขึ้นไป ได้แก่ ชุดชั้นในไคร่า เจาะกลุ่มเป้าหมาย 20-40 ปี และเพลย์บอย อายุ 18-25 ปี
การแตกไลน์ชุดชั้นในระดับล่าง ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการผกผันของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งปีนี้ตลาดชุดชั้นใน 1 หมื่นล้านบาท เติบโตเพียง 5% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโตมากกว่า 10% ส่งผลให้ปีนี้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ราคาและทำโปรโมชันตลอดทั้งปี ซึ่งบริษัททำโปรโมชันกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าปริมาณมาก อาทิ ซื้อ 3 แถม 1 และคาดว่าปีหน้าการแข่งขันราคาจะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้บริษัทฯได้ขยายโปรดักส์ไลน์จากชุดชั้นในเพลย์บอยสู่ชุดว่ายน้ำ ภายใต้คอนเซปต์แฟชั่น เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ราคา 2,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้านี้ นำร่องจำหน่ายชอปไคร่า อาทิ สยามพารากอน เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นต้น โดยปีหน้าการขยายสาขามุ่งเน้นตลาดต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะเปิด 10 แห่งในห้างสรรพสินค้า ภายใต้งบลงทุน 2 ล้านบาท จากปัจจุบันช่องทางดีพาร์ทเมนต์สโตร์มีทั้งหมด 50 แห่ง ส่วนชอปไคร่าขยายเพิ่มจาก 5 สาขา เป็น 6-7 สาขา
ปีหน้านี้บริษัทมุ่งโฟกัสชุดชั้นในไคร่าเป็นหลัก เนื่องจากเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง ขณะที่เพลย์บอยบริษัทได้ไลเซ่นการผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัทจะเปิดตัวสินค้าคอลเลกชั่นจากดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ผ่านการออกแบบสไตล์เซ็กซี่สอดคล้องกับเสื้อผ้าแฟชั่น อย่างไรก็ตามสำหรับการทำตลาดชุดชั้นใน 2 แบรนด์ ยังคงมุ่งเน้นคอนเซปต์แฟชั่น ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งของแบรนด์ โดยใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีนี้
ล่าสุดชุดชั้นในเพลย์บอยเปิดตัวแคมเปญการตลาด “Play Intimates Design for His Dream Contest with Dome Pakornlum“ ประกวดออกแบบชุดชั้นในในฝันของโดม ปกรณ์ลัม นอกจากนี้จะเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลกชั่นใหม่ส่งท้ายปลายปีนี้ และจากการดำเนินการตลาดในปีหน้านี้ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ไคร่าเพิ่มจาก 40% เป็น 50% และเพลย์บอยจาก 60% เป็น 50%
แนวโน้มตลาดชุดชั้นใน ผู้ประกอบการปรับตัวหันมาทำตลาดชุดชั้นในแฟชั่นควบคู่กับฟังก์ชันมากขึ้น เพื่อรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ชุดชั้นในแฟชั่นตามเทรนด์ของเสื้อผ้า และมีความถี่ในการซื้อชุดชั้นในเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตตลาดจะขยายตัวเพิ่ม จากปีนี้ตลาดเติบโต 10% โดยมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% จากตลาดรวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งไคร่าและเพลย์บอยติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาด ส่วนอีก 2 แบรนด์ คือ บีเอสซี มอร์แกน และอีก 50% หรือมูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นชุดชั้นในฟังก์ชัน และอีก 30% เป็นเบสิก
นางสาวกิติยาวดี กล่าวว่า ผลประกอบการปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 15% หรือเกือบ 170 ล้านบาท ส่วนสิ้นปีนี้ตั้งเป้าโต 7% หรือ 147 ล้านบาท จาก 9 เดือนเติบโต 4% หรือ 145 ล้านบาท แบ่งเป็น เพลย์บอย 88 ล้านบาท และไคร่า 59 บ้านบาท ส่วนรายได้ส่งออก 42 ล้านบาท อาทิ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย และแอฟริกา ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท สร้างโรงงาน ที่ พุทธมณฑล โดยมีกำลังการผลิต 12,500 ชุดต่อเดือนเป็นการผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเอง 80% และอีก 20% เป็นการรับจ้างผลิต