ASTVผู้จัดการรายวัน-โบรกเกอร์กองทุนรวม ประเมินเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เเต่หวั่นปัญหาการการเมือง เเละการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยังกดดันต่อเนื่อง มองเทรนด์ดอกเบี้ยโลกเริ่มขยับกลางปี 53 ล่าสุด จัดอันดับกองทุน "LTF-RMF" ชู"ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว เเละ ไอเอ็นจีไทยคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ 3" น่าลงทุน
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้นเเต่ยังไม่เเข็งเเกร่ง เห็นได้จากอัตราการว่างงานที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 9.80% เป็น 10.2% ประกอบกับปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐที่ยังมีปัญหาอยู่บ้าง เเละการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะเเผ่วลงในช่วงสิ้นปีนี้เเละปีหน้า ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของยุโรปยังมีเรื่องตัวเลขการว่างงานค่อนข้างมาก ขณะที่ประเทศไทยมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจเเละตัวเลขประกอบการในไตรมาส 3 เริ่มดีขึ้น ซึ่งนโยบายการะตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเจอคือ การเมือง กรณีมาตาพุด ปัญหาระหว่างประเทศ เเละการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"ประเทศที่มีการฟื้นตัวเเละมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้เเล้วคือ ออสเตรเลีย เเละประเทศเกาหลีใต้ ที่คาดว่าจะเป็นประเทศที่ 2 ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 53 นี้"
ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจโลกยังไม่แข็งแรง โดยเริ่มทยอยสะสมกองทุนหุ้นเมื่อตลาดหุ้นอ่อนตัวลง ทั้งนี้นักลงทุนควรเน้นกองทุนตราสารหนี้เเละกองทุนรวมตลาดเงินเป็นหลักควบคู่ไปด้วย ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนที่เเบ่งตามระดับความเสี่ยง นั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ ควรลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง 50% ตราสารหนี้ 35% ตลาดเงินหรือเงินสด 15% ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับปานกลาง ควรลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 30% ตราสารหนี้ 50% เเละตลาดเงินหรือเงินสด 20% ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ควรลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 15% กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ 60% และเงินสดหรือกองทุนตลาดเงิน25%
นางสาวศุภมาสกล่าวอีกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเติบโตตามไปด้วย ทั้งนี้การลงทุนในกลุ่มประเทศจีน หรือ เกรอเทอร์ไชน่า น่าจะส่งผลดีให้กับนักลงทุน ส่วนการลงทุนทองคำนั้นคาดว่า ทองคำน่าจะเป็นการลงทุนที่นักลงทุนค่อนข้างให้ความสนใจ เนื่องจากที่ผ่านมาการลงทุนในทองคำให้ผลตอบเเทนทีดีกว่าการลงทุนในหุ้น ซึ่งในอนาคตอัตราเงินเฟ้อที่มีการคาดการณ์ไว้ 3.5% ทองคำก็จะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบเเทนทีดีเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ
ทางด้านนายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บล.ฟิลลิป กล่าวว่า เราได้มีการจัดอันดับ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เเละกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โดยเราเเบ่งไปตามระดับความเสี่ยง 3 กลุ่ม ได้เเก่ เสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง เเละเสี่ยงน้อย โดยกองทุน LTF ที่เราเเนะนำคือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว (VALUE-DLTF) ซึ่งอยู่ในระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีอัตราผลตอบเเทนโดดเด่นที่สุดในกลุ่มกองทุน LTF ที่มีความเสี่ยงสูง โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 10.01% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 44.88% เเละผลตอบเเทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 81.74% (ณ วันที่ 2 พ.ย. 52) นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยเพิ่มน้ำหนักกลุ่มธนาคาร เเละกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้กลุ่มหุ้นดังกล่าวยังได้รับประโยชน์จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เเละลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานลง
ส่วนกองทุน LTF ที่เราอยากเเนะนำคือ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว 70/30 ซึ่งอัตราผลตอบเเทนดีกว่ากองทุนที่ลงทุนหุ้นเป็นส่วนใหญ่เเละที่สำคัญสัดส่วนที่เหลือจากหุ้นทางกองทุนจะฝากเงินในธนาคารเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กองทุนมีความเสี่ยงเรื่องดูเรชั่นของตราสารหนี้น้อยลง เเละกองทุน LTF ที่เเนะนำกองทุนสุดท้ายคือ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสียงจากตลาดหุ้นด้วยการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 30% ของพอร์ตลงทุน
สำหรับกองทุนRMF ที่เราเเนะนำคือ กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ 3 (ING Thai Capital Protection Retirement Mutual Fund 3) กองทุนนี้เป็นกองทุนเปิดผสมแบบยืดหยุ่น การลงทุนของกองทุนจะแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกคือส่วนคุ้มครองเงินต้นจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกันในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 80% ซึ่งจะคัดเลือกพันธบัตรที่มีวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนใน 5 ปี ใกล้เคียงกับการครบรอบการลงทุนในแต่ละรอบของกองทุนเงินลงทุนส่วนแรกนี้จะเติบโตขึ้นเป็น 100% ในช่วง 5 ปี จากดอกเบี้ยสะสมของพันธบัตร จึงทำให้สามารถคุ้มครองเงินต้นได้ ส่วนที่ 2 คือส่วนสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม ลงทุนไม่เกิน 20% ในหลักทรัพย์ที่ดีมีคุณภาพ และ อัตราการเติบโตสูงและถ้าเกิดกำไรจากการลงทุนในส่วนนี้ (capital gain) ก็จะนำกำไรนั้นกลับมาไว้ที่ส่วนแรก เพื่อทำให้ส่วนแรกเติมเต็มครบ 100% เร็วกว่ารอบการลงทุน 5 ปีที่กล่าวไว้ข้างต้น ทำให้ระดับการคุ้มครองเงินต้นมีโอกาสสูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้กองทุน RMF ที่น่าลงทุนได้เเก่กองทุนกองทุนเปิดแมกซ์บาลานซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (MAXBLRMF) เเละกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทย หุ้นทุนเพื่อนการเลี้ยงชีพ (INGERMF) ที่มีการบริหารจัดการคล้ายกับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้นเเต่ยังไม่เเข็งเเกร่ง เห็นได้จากอัตราการว่างงานที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 9.80% เป็น 10.2% ประกอบกับปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐที่ยังมีปัญหาอยู่บ้าง เเละการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะเเผ่วลงในช่วงสิ้นปีนี้เเละปีหน้า ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของยุโรปยังมีเรื่องตัวเลขการว่างงานค่อนข้างมาก ขณะที่ประเทศไทยมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจเเละตัวเลขประกอบการในไตรมาส 3 เริ่มดีขึ้น ซึ่งนโยบายการะตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเจอคือ การเมือง กรณีมาตาพุด ปัญหาระหว่างประเทศ เเละการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"ประเทศที่มีการฟื้นตัวเเละมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้เเล้วคือ ออสเตรเลีย เเละประเทศเกาหลีใต้ ที่คาดว่าจะเป็นประเทศที่ 2 ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 53 นี้"
ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจโลกยังไม่แข็งแรง โดยเริ่มทยอยสะสมกองทุนหุ้นเมื่อตลาดหุ้นอ่อนตัวลง ทั้งนี้นักลงทุนควรเน้นกองทุนตราสารหนี้เเละกองทุนรวมตลาดเงินเป็นหลักควบคู่ไปด้วย ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนที่เเบ่งตามระดับความเสี่ยง นั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ ควรลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง 50% ตราสารหนี้ 35% ตลาดเงินหรือเงินสด 15% ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับปานกลาง ควรลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 30% ตราสารหนี้ 50% เเละตลาดเงินหรือเงินสด 20% ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ควรลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 15% กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ 60% และเงินสดหรือกองทุนตลาดเงิน25%
นางสาวศุภมาสกล่าวอีกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเติบโตตามไปด้วย ทั้งนี้การลงทุนในกลุ่มประเทศจีน หรือ เกรอเทอร์ไชน่า น่าจะส่งผลดีให้กับนักลงทุน ส่วนการลงทุนทองคำนั้นคาดว่า ทองคำน่าจะเป็นการลงทุนที่นักลงทุนค่อนข้างให้ความสนใจ เนื่องจากที่ผ่านมาการลงทุนในทองคำให้ผลตอบเเทนทีดีกว่าการลงทุนในหุ้น ซึ่งในอนาคตอัตราเงินเฟ้อที่มีการคาดการณ์ไว้ 3.5% ทองคำก็จะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบเเทนทีดีเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ
ทางด้านนายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บล.ฟิลลิป กล่าวว่า เราได้มีการจัดอันดับ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เเละกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โดยเราเเบ่งไปตามระดับความเสี่ยง 3 กลุ่ม ได้เเก่ เสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง เเละเสี่ยงน้อย โดยกองทุน LTF ที่เราเเนะนำคือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว (VALUE-DLTF) ซึ่งอยู่ในระดับความเสี่ยงสูง ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีอัตราผลตอบเเทนโดดเด่นที่สุดในกลุ่มกองทุน LTF ที่มีความเสี่ยงสูง โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 10.01% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 44.88% เเละผลตอบเเทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 81.74% (ณ วันที่ 2 พ.ย. 52) นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยเพิ่มน้ำหนักกลุ่มธนาคาร เเละกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้กลุ่มหุ้นดังกล่าวยังได้รับประโยชน์จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เเละลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานลง
ส่วนกองทุน LTF ที่เราอยากเเนะนำคือ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว 70/30 ซึ่งอัตราผลตอบเเทนดีกว่ากองทุนที่ลงทุนหุ้นเป็นส่วนใหญ่เเละที่สำคัญสัดส่วนที่เหลือจากหุ้นทางกองทุนจะฝากเงินในธนาคารเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กองทุนมีความเสี่ยงเรื่องดูเรชั่นของตราสารหนี้น้อยลง เเละกองทุน LTF ที่เเนะนำกองทุนสุดท้ายคือ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสียงจากตลาดหุ้นด้วยการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 30% ของพอร์ตลงทุน
สำหรับกองทุนRMF ที่เราเเนะนำคือ กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ 3 (ING Thai Capital Protection Retirement Mutual Fund 3) กองทุนนี้เป็นกองทุนเปิดผสมแบบยืดหยุ่น การลงทุนของกองทุนจะแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกคือส่วนคุ้มครองเงินต้นจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกันในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 80% ซึ่งจะคัดเลือกพันธบัตรที่มีวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนใน 5 ปี ใกล้เคียงกับการครบรอบการลงทุนในแต่ละรอบของกองทุนเงินลงทุนส่วนแรกนี้จะเติบโตขึ้นเป็น 100% ในช่วง 5 ปี จากดอกเบี้ยสะสมของพันธบัตร จึงทำให้สามารถคุ้มครองเงินต้นได้ ส่วนที่ 2 คือส่วนสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม ลงทุนไม่เกิน 20% ในหลักทรัพย์ที่ดีมีคุณภาพ และ อัตราการเติบโตสูงและถ้าเกิดกำไรจากการลงทุนในส่วนนี้ (capital gain) ก็จะนำกำไรนั้นกลับมาไว้ที่ส่วนแรก เพื่อทำให้ส่วนแรกเติมเต็มครบ 100% เร็วกว่ารอบการลงทุน 5 ปีที่กล่าวไว้ข้างต้น ทำให้ระดับการคุ้มครองเงินต้นมีโอกาสสูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้กองทุน RMF ที่น่าลงทุนได้เเก่กองทุนกองทุนเปิดแมกซ์บาลานซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (MAXBLRMF) เเละกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทย หุ้นทุนเพื่อนการเลี้ยงชีพ (INGERMF) ที่มีการบริหารจัดการคล้ายกับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว