ASTVผู้จัดการรายวัน-ราคาทองคำทะยานต่อเนื่องทำสถิติใหม่อีก ล่าสุดตลาดฮ่องกงปิดทะลุระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาทองคำในประเทศวันเดียวขยับ 3 ครั้งกว่า 150 บาทดันราคาทองรูปพรรณขายออกแตะ 17,900 บาท ดีลเลอร์ทองคำระบุดอลลาร์อ่อน สัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจเปราะบางเป็นเหตุ ทำนักลงทุนหันถือทองคำเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำในตลาดฮ่องกงวานนี้(9 พ.ย.52) ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,107.50-1,108.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ต่อเนื่องจากที่ทำสถิติทะลุระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไปเป็นครั้งแรกระหว่างการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนเมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้ง บรรดาดีลเลอร์ในการค้าทองคำ บอกว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำทะยานไม่หยุดเช่นนี้ ยังคงเป็นปัจจัยเรื่องเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ตลอดจนการที่ที่ประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกลุ่มจี 20 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(7พ.ย.52) ได้ทำการออกคำแถลงร่วมแสดงความเป็นห่วงเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางไม่แข็งแกร่ง อีกทั้งหนุนให้ใช้มาตรการดอกเบี้ยต่ำและการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีก
นอกจากนั้น ราคาทองคำยังกำลังได้แรงหนุนจากข่าวที่ปรากฎในสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศศรีลังกาได้ออกมาทำอย่างเดียวกับประเทศอินเดียในการเข้าซื้อทองคำเพื่อถือครองแทนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ทำให้วานนี้ทางสมาคมต้องปรับราคาถึง 3 ครั้งแต่ถือว่าไม่เกินกว่าที่คาดไว้ เพราะก่อนหน้านี้ ได้ประเมินว่า ราคาทองคำจะแตะ 1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจจะเห็นตัวเลขดังกล่าวได้ภายในเดือนนี้ โดยมีสาเหตุจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการทองคำในระดับสูง
ทั้งนี้ ราคาทองคำแท่งภายในประเทศวานนี้ ปิดตลาดที่ราคารับซื้อบาทละ 17400 บาท และขายออกที่ราคาบาทละ 17500 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณซื้อบาทละ17145.96 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 17900 บาท
โดยราคาทองคำภายในประเทศวานนี้ ได้มีการปรับราคาถึง 3 ครั้ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เดินทางออกมาขายทองคำแต่อย่างใด โดยคาดว่า เป็นเพราะก่อนหน้านี้ ประชาชนได้นำมาขายจนเกือบหมดแล้ว และอาจจะมีอีกส่วนหนึ่งที่คาดว่าราคาทองคำยังสูงขึ้นได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม ขอย้ำให้ผู้ที่สนใจต้องระวังและติดตามข้อมูลข่าวสารให้มากขึ้น เพราะยิ่งราคาแพงเท่าไร ความเสี่ยงก็มีมากขึ้นเช่นกัน
นายโกสินทร์ เจือศิริภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทจีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาด Gold Futures ว่า ปริมาณซื้อขายทองคำในตลาดอนุพันธ์วานนี้(9พ.ย.) เป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน ตอบรับกับราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งตัวสร้างราคาสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มในเชิงเทคนิคระยะสั้นยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าความร้อนแรงของราคาทองคำจะลดลง
**หุ้นไทยบวกเพิ่ม 14.85จุด
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ดัชนีปิดที่ 713.48 จุด เพิ่มขึ้น 14.85 จุด หรือ 2.13% มูลค่าการซื้อขาย 20,670.10 ล้านบาท โดยนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บล.ธนชาต ให้ความเห็นว่า เป็นการรีบาวน์ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้าที่ตอบรับรัฐบาลในกลุ่ม G20 ยังจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราว่างงานของสหรัฐประจำเดือนต.ค.ได้ปรับตัวสูงถึง 10.2% ทำให้คาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะคงตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องตลอดปี 2553 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และช่วยลดแรงกดดันเรื่องเงินทุนไหลย้อนกลับ
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(10 พ.ย.)ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งไซต์เวย์ โดยมีแนวต้านที่ 714 จุด แนวรับ 704 จุด พร้อมแนะติดตามการประกาศงบฯไตรมาส 3/52 ของบริษัทจดทะเบียน
ราคาทองคำในตลาดฮ่องกงวานนี้(9 พ.ย.52) ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,107.50-1,108.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ต่อเนื่องจากที่ทำสถิติทะลุระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไปเป็นครั้งแรกระหว่างการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนเมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้ง บรรดาดีลเลอร์ในการค้าทองคำ บอกว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำทะยานไม่หยุดเช่นนี้ ยังคงเป็นปัจจัยเรื่องเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ตลอดจนการที่ที่ประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกลุ่มจี 20 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(7พ.ย.52) ได้ทำการออกคำแถลงร่วมแสดงความเป็นห่วงเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางไม่แข็งแกร่ง อีกทั้งหนุนให้ใช้มาตรการดอกเบี้ยต่ำและการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีก
นอกจากนั้น ราคาทองคำยังกำลังได้แรงหนุนจากข่าวที่ปรากฎในสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศศรีลังกาได้ออกมาทำอย่างเดียวกับประเทศอินเดียในการเข้าซื้อทองคำเพื่อถือครองแทนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ทำให้วานนี้ทางสมาคมต้องปรับราคาถึง 3 ครั้งแต่ถือว่าไม่เกินกว่าที่คาดไว้ เพราะก่อนหน้านี้ ได้ประเมินว่า ราคาทองคำจะแตะ 1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจจะเห็นตัวเลขดังกล่าวได้ภายในเดือนนี้ โดยมีสาเหตุจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการทองคำในระดับสูง
ทั้งนี้ ราคาทองคำแท่งภายในประเทศวานนี้ ปิดตลาดที่ราคารับซื้อบาทละ 17400 บาท และขายออกที่ราคาบาทละ 17500 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณซื้อบาทละ17145.96 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 17900 บาท
โดยราคาทองคำภายในประเทศวานนี้ ได้มีการปรับราคาถึง 3 ครั้ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เดินทางออกมาขายทองคำแต่อย่างใด โดยคาดว่า เป็นเพราะก่อนหน้านี้ ประชาชนได้นำมาขายจนเกือบหมดแล้ว และอาจจะมีอีกส่วนหนึ่งที่คาดว่าราคาทองคำยังสูงขึ้นได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม ขอย้ำให้ผู้ที่สนใจต้องระวังและติดตามข้อมูลข่าวสารให้มากขึ้น เพราะยิ่งราคาแพงเท่าไร ความเสี่ยงก็มีมากขึ้นเช่นกัน
นายโกสินทร์ เจือศิริภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทจีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาด Gold Futures ว่า ปริมาณซื้อขายทองคำในตลาดอนุพันธ์วานนี้(9พ.ย.) เป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน ตอบรับกับราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งตัวสร้างราคาสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มในเชิงเทคนิคระยะสั้นยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าความร้อนแรงของราคาทองคำจะลดลง
**หุ้นไทยบวกเพิ่ม 14.85จุด
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ดัชนีปิดที่ 713.48 จุด เพิ่มขึ้น 14.85 จุด หรือ 2.13% มูลค่าการซื้อขาย 20,670.10 ล้านบาท โดยนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บล.ธนชาต ให้ความเห็นว่า เป็นการรีบาวน์ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้าที่ตอบรับรัฐบาลในกลุ่ม G20 ยังจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราว่างงานของสหรัฐประจำเดือนต.ค.ได้ปรับตัวสูงถึง 10.2% ทำให้คาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะคงตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องตลอดปี 2553 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และช่วยลดแรงกดดันเรื่องเงินทุนไหลย้อนกลับ
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(10 พ.ย.)ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งไซต์เวย์ โดยมีแนวต้านที่ 714 จุด แนวรับ 704 จุด พร้อมแนะติดตามการประกาศงบฯไตรมาส 3/52 ของบริษัทจดทะเบียน
