บลจ.ฟิลลิป เผยกองทุนทองคำ ได้ไฟเขียวจาก ก.ล.ต. แล้ว คาดเปิดขายหน่วยลงทุนได้เดือนตุลาคมนี้ เผยเน้นลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์ในตลาดฮ่องกงเป็นหลัก เหตุราคาทองคำผันผวนน้อยกว่า พร้อมชูจุดเด่นป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับกองทุนรวมทองคำที่บริษัทมีแผนจะเปิดอยู่ ณ ขณะนี้ ได้รับการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายไอพีโอกองทุนดังกล่าวได้ไม่เกิดกลางเดือนตุลาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ส่วนนโยบายการลงทุนนั้น บริษัทจะเข้าไปลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ของฮ่องกงเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟ ( ETF)
โดยกองทุนดังกล่าวจะมีความแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ ตรงที่บริษัทได้ทำเฮจด์จิ้งหรือการป้องกันความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ และตัวทองคำที่จะเข้าไปซื้อนั้นเป็นการลงทุนในโกลฟิวเจอร์ ดังนั้น นักลงทุนอาจจะทำการซื้อทองคำ หรือซื้อโกลฟิวเจอร์ควบคู่กันไปด้วยก็สามารถทำได้
"ภายหลังจากที่ ก.ล.ต.อนุมัติแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็สามารถเปิดขายกองทุนดังกล่าวได้ทันที แต่ขณะนี้กำลังกำลังอยู่ในระหว่างการทำการตลาดกับทางตัวแทนจำหน่ายกองทุนหรือเซลลิ้งเอเจนท์อยู่ และกำลังดูช่วงเวลาที่เหมาะสมว่าจะออกเปิดขายช่วงเวลาไหนด้วย และคาดว่าน่าจะไม่เกินกลางเดือนหน้า นอกจากนี้แล้ว เชื่อว่าการเปิดขายกองทุนช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ดี เนื่องจากว่าราคาทองคำกำลังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น น่าจะสามารถจูงใจนักลงทุนได้"นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องเข้าไปลงทุนในตลาดฮ่องกงนั้น มองว่าตลาดทองคำในฮ่องกงอยู่ในเกรดที่ดี รวมถึงความนิยมของนักลงทุนส่วนใหญ่จะเข้าไปซื้อโกลด์ฟิวเจอร์ที่ฮ่องกงกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากว่าราคาทองคำที่นั้นจะให้สูงมาก ซึ่งจะสูงถึงประมาณ 99.5% ในความบริสุทธิ์ของทองคำ
เมื่อเทียบกับราคาทองคำในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 96 - 97% เท่านั้น นอกจากนี้แล้ว ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ของฮ่องกง ยังใหญ่มากติดอันดับ 3 - 4 ของการลงทุน อีกทั้งความผันผวนของทองคำยังมีน้อยกว่าในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้แล้ว ระบบอัตราแลกเปลี่ยนของเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นยังมีความคล้ายคลึงกัน เงินสกุลหลัก ๆ จะวิ่งต่างกันไม่มากนัก
