แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าในการประชุมครม. นที่ 10 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลัง เสนอรายงานการดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร เพื่อรองรับการระบาย ปี 2552/2553 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอครม. ให้ความเห็นชอบเงินทุนสำหรับการดำเนินโครงการฝากข้าวเปลือกในยุงฉางจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก
สำหรับราคาที่ ธ.ก.ส. จะรับฝากให้สอดคล้องกับราคาอ้างอิง และให้เก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในยุงฉางตันละ1,000 บาท ตั้งแต่ พ.ย.52 – ก.พ.53 ยกเว้นภาคใต้ ก.พ.–พ.ค.53 กำหนดเวลาไถ่ถอนภายใน 4 เดือน ถัดจากเดือนที่รับฝาก และให้ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ย 2 % ต่อปี โดยให้ธ.ก.ส.ได้รับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ของวงเงินซึ่งวงเงินที่จะใช้ให้ใช้วงเงินที่รับจำนำโครงการปี 2551/2552 ที่คงเหลืออยู่ หากไม่พอให้ ครม.อนุมัติเพิ่มเติม
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีมติให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการโดยให้กระทรวงการคลัง จัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการ หาก ครม. ไม่สามารถจัดหาเงินทุนให้ได้ ระยะเวลาเริ่มดำเนินการตามโครงการตั้งแต่ พ.ย.52 ให้ใช้เงิน ธ.ก.ส.ไปพลางก่อนโดยธ.ก.ส.เรียกเก็บเงินชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ในอัตราเอ็มอาร์อาร์ บวก 1 (7.75%) และกรณีมีผลผลิตขาดทุนเกิดขึ้นรัฐบาลจะแบกรับภาระ
อีกทั้งธ.ก.ส.ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในการกำหนดค่าใช้จ่ายโครงการ 382 บาทต่อคน ประมาณจำนวนเกษตรกร จำนวน 4.47 ล้านคนรวมเป็นวงเงิน 1,706 ล้านบาท เพื่อรับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กล่าวอ้างอิงในการกำหนดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาธ.ก.ส.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจำนวน 14 โครงการจำนวนเงิน 2.14 แสนล้านบาท เฉพาะ ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมาย 11 โครงการ จำนวนเงิน 1.18 แสนล้านบาท รัฐบาลมอบให้ธ.ก.ส.ได้เงินกู้จากสถาบันการเงินโดยคลังค้ำประกัน 3 โครงการ จำนวนเงิน 9.58 หมื่นล้านบาท
สำหรับราคาที่ ธ.ก.ส. จะรับฝากให้สอดคล้องกับราคาอ้างอิง และให้เก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในยุงฉางตันละ1,000 บาท ตั้งแต่ พ.ย.52 – ก.พ.53 ยกเว้นภาคใต้ ก.พ.–พ.ค.53 กำหนดเวลาไถ่ถอนภายใน 4 เดือน ถัดจากเดือนที่รับฝาก และให้ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ย 2 % ต่อปี โดยให้ธ.ก.ส.ได้รับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ของวงเงินซึ่งวงเงินที่จะใช้ให้ใช้วงเงินที่รับจำนำโครงการปี 2551/2552 ที่คงเหลืออยู่ หากไม่พอให้ ครม.อนุมัติเพิ่มเติม
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีมติให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการโดยให้กระทรวงการคลัง จัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการ หาก ครม. ไม่สามารถจัดหาเงินทุนให้ได้ ระยะเวลาเริ่มดำเนินการตามโครงการตั้งแต่ พ.ย.52 ให้ใช้เงิน ธ.ก.ส.ไปพลางก่อนโดยธ.ก.ส.เรียกเก็บเงินชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ในอัตราเอ็มอาร์อาร์ บวก 1 (7.75%) และกรณีมีผลผลิตขาดทุนเกิดขึ้นรัฐบาลจะแบกรับภาระ
อีกทั้งธ.ก.ส.ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในการกำหนดค่าใช้จ่ายโครงการ 382 บาทต่อคน ประมาณจำนวนเกษตรกร จำนวน 4.47 ล้านคนรวมเป็นวงเงิน 1,706 ล้านบาท เพื่อรับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กล่าวอ้างอิงในการกำหนดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาธ.ก.ส.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจำนวน 14 โครงการจำนวนเงิน 2.14 แสนล้านบาท เฉพาะ ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมาย 11 โครงการ จำนวนเงิน 1.18 แสนล้านบาท รัฐบาลมอบให้ธ.ก.ส.ได้เงินกู้จากสถาบันการเงินโดยคลังค้ำประกัน 3 โครงการ จำนวนเงิน 9.58 หมื่นล้านบาท