ครม.ใช้เงิน ธ.ก.ส.6 หมื่นล้าน แทรกแซงราคาข้าว แบ่งเป็นปล่อยกู้ อคส.-อ.ต.ก.2 หมื่นล้าน รับซื้อข้าวจากชาวนา 2 ล้านตัน เสริมสภาพคล่องให้กับโรงสีอีก 2 หมื่นล้าน และให้ ธ.ก.ส.รับจำนำแบบยุ้งฉางอีก 2 หมื่นล้าน “กรณ์” บอกหนี้เพิ่มจิ๊บจ๊อย วันเดียวกัน ครม.อนุมัติปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 53 ให้ รสก.กู้อีก 5 หมื่นล้าน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (3 พ.ย.) เห็นชอบให้ใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินรวม 6 หมื่นล้าน สำหรับดูแลรักษาระดับราคาข้าว ตามนโยบายรัฐบาลในการประกันรายได้ให้เกษตรกรผ่าน 3 แนวทาง ประกอบด้วย การปล่อยสินเชื่อองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้รับซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนา 2 ล้านตัน
โดยกระทรวงการคลังจะค้ำประกันภาระหนี้ดังกล่าวให้ ซึ่งหลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มรับซื้อข้าวในราคาตลาด จึงทำให้ราคาข้าวเริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ส่วนที่ 2 ให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่องให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ โดยต้องรับซื้อข้าวในราคาอ้างอิง ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ โดยรัฐบาลจะชดเชยภาระดอกเบี้ยให้ร้อยละ 2 โรงสีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 2.75 วงเงิน 20,000 ล้านบาท และ 3.วงเงิน 20,000 ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการรับจำนำแบบยุ้งฉาง ในวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่ต้องการใช้เงิน แต่ยังไม่ต้องการขายข้าวให้กับโรงสี เพราะถูกกดราคา ก็สามารถนำข้าวมาจำนำกับ ธ.ก.ส.ได้
“การประกาศนโยบายรับซื้อข้าวของรัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางไม่ให้เกษตรกรเสียเปรียบ โดยขณะนี้ อคส. และ อ.ต.ก.ได้มีการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพื่อสกัดพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อข้าวต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้ราคาซื้อขายข้าวในปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาอ้างอิง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวและว่า
การค้ำประกันเงินกู้ของกระทรวงการคลัง ทำให้ยอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขไม่มาก ส่วน 4 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามกรอบหนี้สาธารณะเดิม
ให้ รสก.กู้อีก 5 หมื่นล้าน
วันเดียวกัน นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 1 โดยมีวงเงินเพิ่มขึ้น 50,819 ล้านบาท เป็น 1.688 ล้านล้านบาท จากเดิม 1.637 ล้านล้านบาท วงเงินที่ปรับเพิ่มขึ้น 50,819 ล้านบาทนั้น มาจากการปรับวงเงินในแผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นอีก 49,124 ล้านบาท เป็น 337,656 ล้านบาท จากเดิม 288,531 ล้านบาท และการปรับวงเงินในแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1,695 ล้านบาท เป็น 120,357 ล้านบาท จากเดิม 118,662 ล้านบาท
“ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังมีมติอนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะที่ปรับปรุงดังกล่าว และยังอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะที่ได้ปรับปรุง แต่หากรัฐวิสาหกิจใดสามารถกู้เงินเองได้ ก็ให้ดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น” นายวัชระ กล่าว
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (3 พ.ย.) เห็นชอบให้ใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินรวม 6 หมื่นล้าน สำหรับดูแลรักษาระดับราคาข้าว ตามนโยบายรัฐบาลในการประกันรายได้ให้เกษตรกรผ่าน 3 แนวทาง ประกอบด้วย การปล่อยสินเชื่อองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้รับซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนา 2 ล้านตัน
โดยกระทรวงการคลังจะค้ำประกันภาระหนี้ดังกล่าวให้ ซึ่งหลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มรับซื้อข้าวในราคาตลาด จึงทำให้ราคาข้าวเริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ส่วนที่ 2 ให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่องให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ โดยต้องรับซื้อข้าวในราคาอ้างอิง ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ โดยรัฐบาลจะชดเชยภาระดอกเบี้ยให้ร้อยละ 2 โรงสีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 2.75 วงเงิน 20,000 ล้านบาท และ 3.วงเงิน 20,000 ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการรับจำนำแบบยุ้งฉาง ในวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่ต้องการใช้เงิน แต่ยังไม่ต้องการขายข้าวให้กับโรงสี เพราะถูกกดราคา ก็สามารถนำข้าวมาจำนำกับ ธ.ก.ส.ได้
“การประกาศนโยบายรับซื้อข้าวของรัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางไม่ให้เกษตรกรเสียเปรียบ โดยขณะนี้ อคส. และ อ.ต.ก.ได้มีการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพื่อสกัดพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อข้าวต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้ราคาซื้อขายข้าวในปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาอ้างอิง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวและว่า
การค้ำประกันเงินกู้ของกระทรวงการคลัง ทำให้ยอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขไม่มาก ส่วน 4 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามกรอบหนี้สาธารณะเดิม
ให้ รสก.กู้อีก 5 หมื่นล้าน
วันเดียวกัน นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 1 โดยมีวงเงินเพิ่มขึ้น 50,819 ล้านบาท เป็น 1.688 ล้านล้านบาท จากเดิม 1.637 ล้านล้านบาท วงเงินที่ปรับเพิ่มขึ้น 50,819 ล้านบาทนั้น มาจากการปรับวงเงินในแผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นอีก 49,124 ล้านบาท เป็น 337,656 ล้านบาท จากเดิม 288,531 ล้านบาท และการปรับวงเงินในแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1,695 ล้านบาท เป็น 120,357 ล้านบาท จากเดิม 118,662 ล้านบาท
“ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังมีมติอนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะที่ปรับปรุงดังกล่าว และยังอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะที่ได้ปรับปรุง แต่หากรัฐวิสาหกิจใดสามารถกู้เงินเองได้ ก็ให้ดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น” นายวัชระ กล่าว
