ธ.ก.ส.เตรียมชง ครม.ค่ายุ้งฉางตันละพันบาท เริ่ม พ.ย.ปีนี้-ก.พ.53 ยกเว้นภาคใต้ ที่เลื่อนออกไปเป็นช่วง ก.พ.-พ.ค.ปีหน้า ขณะที่เวลาไถ่ถอนกำหนดเป็นภายใน 4 เดือน คิดดอกเบี้ย 2% หากวงเงินรับจำนำไม่เพียงพอ สามารถขออนุมัติ ครม.เพิ่มเติมได้
วันนี้ (8 พ.ย.) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 พ.ย.นี้ ทางกระทรวงการคลัง จะทำการเสนอรายงานการดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร เพื่อรองรับการระบาย ปี 2552/2553 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ขอให้กระทรวงการคลัง พิจารณานำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบเงินทุนสำหรับการดำเนินโครงการฝากข้าวเปลือกในยุงฉางจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก
สำหรับราคาที่ ธ.ก.ส.จะรับฝากให้สอดคล้องกับราคาอ้างอิงและให้เก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในยุงฉางตันละ 1,000 บาท ตั้งแต่ พ.ย.2552-ก.พ.2553 ยกเว้นภาคใต้ ก.พ.-พ.ค. 2553 กำหนดเวลาไถ่ถอนภายใน 4 เดือน ถัดจากเดือนที่รับฝาก และให้ ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปี โดยให้ ธ.ก.ส.ได้รับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ของวงเงินซึ่งวงเงินที่จะใช้ให้ใช้วงเงินที่รับจำนำโครงการปี 2551/2552 ที่คงเหลืออยู่ หากไม่พอให้ ครม.อนุมัติเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีมติให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการโดยให้กระทรวงการคลัง จัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการ หาก ครม.ไม่สามารถจัดหาเงินทุนให้ได้ ระยะเวลาเริ่มดำเนินการตามโครงการตั้งแต่ พ.ย.2552 ให้ใช้เงิน ธ.ก.ส.ไปพลางก่อน โดย ธ.ก.ส.เรียกเก็บเงินชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ในอัตราเอ็มอาร์อาร์ บวก 1 (7.75%) และ กรณีมีผลผลิตขาดทุนเกิดขึ้นรัฐบาลจะแบกรับภาระ
อีกทั้ง ธ.ก.ส.ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในการกำหนดค่าใช้จ่ายโครงการ 382 บาทต่อคน ประมาณจำนวนเกษตรกรจำนวน 4.47 ล้านคน รวมเป็นวงเงิน 1,706 ล้านบาท เพื่อรับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กล่าวอ้างอิงในการกำหนดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจำนวน 14 โครงการ จำนวนเงิน 2.14 แสนล้านบาท เฉพาะ ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมาย 11 โครงการ จำนวนเงิน 1.18 แสนล้านบาท รัฐบาลมอบให้ ธ.ก.ส.ได้เงินกู้จากสถาบันการเงินโดยคลังค้ำประกัน 3 โครงการ จำนวนเงิน 9.58 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (8 พ.ย.) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 พ.ย.นี้ ทางกระทรวงการคลัง จะทำการเสนอรายงานการดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร เพื่อรองรับการระบาย ปี 2552/2553 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ขอให้กระทรวงการคลัง พิจารณานำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบเงินทุนสำหรับการดำเนินโครงการฝากข้าวเปลือกในยุงฉางจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก
สำหรับราคาที่ ธ.ก.ส.จะรับฝากให้สอดคล้องกับราคาอ้างอิงและให้เก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในยุงฉางตันละ 1,000 บาท ตั้งแต่ พ.ย.2552-ก.พ.2553 ยกเว้นภาคใต้ ก.พ.-พ.ค. 2553 กำหนดเวลาไถ่ถอนภายใน 4 เดือน ถัดจากเดือนที่รับฝาก และให้ ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปี โดยให้ ธ.ก.ส.ได้รับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ของวงเงินซึ่งวงเงินที่จะใช้ให้ใช้วงเงินที่รับจำนำโครงการปี 2551/2552 ที่คงเหลืออยู่ หากไม่พอให้ ครม.อนุมัติเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีมติให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการโดยให้กระทรวงการคลัง จัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการ หาก ครม.ไม่สามารถจัดหาเงินทุนให้ได้ ระยะเวลาเริ่มดำเนินการตามโครงการตั้งแต่ พ.ย.2552 ให้ใช้เงิน ธ.ก.ส.ไปพลางก่อน โดย ธ.ก.ส.เรียกเก็บเงินชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ในอัตราเอ็มอาร์อาร์ บวก 1 (7.75%) และ กรณีมีผลผลิตขาดทุนเกิดขึ้นรัฐบาลจะแบกรับภาระ
อีกทั้ง ธ.ก.ส.ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในการกำหนดค่าใช้จ่ายโครงการ 382 บาทต่อคน ประมาณจำนวนเกษตรกรจำนวน 4.47 ล้านคน รวมเป็นวงเงิน 1,706 ล้านบาท เพื่อรับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กล่าวอ้างอิงในการกำหนดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจำนวน 14 โครงการ จำนวนเงิน 2.14 แสนล้านบาท เฉพาะ ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมาย 11 โครงการ จำนวนเงิน 1.18 แสนล้านบาท รัฐบาลมอบให้ ธ.ก.ส.ได้เงินกู้จากสถาบันการเงินโดยคลังค้ำประกัน 3 โครงการ จำนวนเงิน 9.58 หมื่นล้านบาท