ASTVผู้จัดการรายวัน - “อลงกรณ์”ประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนติดตามการค้าชายแดน 7 จังหวัดที่มีด่านติดกัมพูชา ติดตามสถานการณ์ ย้ำการค้ายังเป็นปกติ ขอให้นักธุรกิจอย่าตื่นตระหนก แต่ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว กรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยเดินทางตรวจค้าชายแดนที่สระแก้ววันนี้ (7 พ.ย.) ภาคเอกชนหวั่นบานปลายถึงขั้นปิดด่านการค้าชายแดน กระทบการค้าและการลงทุน ด้านเจ้าสัวเจริญยันโรงแรมไม่กระทบ ส่วนทัวร์ยกเลิกเที่ยวทริปเขมรแล้ว
วานนี้ (6 พ.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ เพื่อให้นโยบายแก่พาณิชย์จังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 6–7 จังหวัด ติดตามและดูแลสถานการณ์การค้าไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้รายงานข้อมูลกลับมาที่ส่วนกลางทุกวัน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์การค้าในขณะนี้ยังอยู่ในภาวะปกติ จึงอยากให้ประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการ อย่าตื่นตระหนกกับเรื่องการตอบโต้และความไม่เข้าใจกันของทั้ง 2 ประเทศ และกระทรวงพาณิชย์จะนำคณะเดินทางไปตรวจการค้าชายแดน ที่ด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว ในวันนี้ (7 พ.ย.)
ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่มีการพิจารณาเรียกทูตพาณิชย์กลับไทย แม้ก่อนหน้าจะมีการเรียกทูตต่างประเทศกลับมาแล้วก็ตาม เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติ แม้จะเกิดปัญหากันระหว่าง 2 ประเทศ ยังสามารถให้ทูตพาณิชย์ดำเนินการต่อได้ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เลวร้าย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ไว้แล้ว
“ยอมรับว่ามีความกังวลในสถานการณ์การค้าชายแดนอยู่บ้าง แต่ได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ และผู้บริหารช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงขอย้ำว่า อย่าตื่นตระหนกเกินความจำเป็น เนื่องจากทุกอย่างยังเป็นปกติ”นายอลงกรณ์กล่าว
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาในปี 2551 มีมูลค่า 70,033 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการค้าชายแดน 50,307 ล้านบาท คิด 80% ของการค้าระหว่างไทยและกัมพูชา แบ่งเป็นมูลค่าส่งออก 47,372 ล้านบาท และนำเข้า 2,936 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า สินค้าออกชายแดนไทย–กัมพูชา ได้แก่ น้ำตาล น้ำมันเชื้อเพลิง สุกรมีชีวิต ปูนซีเมนต์ เป็นต้น และสินค้านำเข้าผ่านชายแดนไทย–กัมพูชา ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพด เศษเหล็ก และเศษอะลูมิเนียม เป็นต้น
****ยอมรับเจรจากัมพูชาไม่คืบ
นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า เอ็มโอยูว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณอ่าวไทย ฉบับวันที่ 18 มิ.ย. 2544 นั้นเป็นเพียงกรอบการเจรจาเพื่อหาข้อยุติถึงพื้นที่ทับซ้อนเมื่อกระทรวงต่างประเทศในฐานะเจ้าภาพหลัก การเจรจายกเลิกกระบวนการเจรจาก็คงต้องจบลง อย่างไรก็ตามการเจรจาปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้มีความคืบหน้ามาหลายปีแล้ว
“กรมเชื้อเพลิงเป็นเพียงคณะกรรมการหนึ่ง หากเจ้าภาพคือกระทรวงต่างประเทศดำเนินการอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น และที่ผ่านมาการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนก็ยังไม่ได้ยุติและกรอบการเจรจาดังกล่าวแม้วาจะได้ข้อยุติก็ไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงเพราะต้องผ่านความเห็นจากระบบรัฐสภาเสียก่อน ดังนั้นการไปทำประโยชน์ใดๆในพื้นที่ดังกล่าวจึงไม่สามารถจะทำได้จนกว่าจะมีข้อยุติของข้อตกลง”นายคุรุจิตกล่าว
**** ส.อ.ท.วิตกบานปลายถึงขั้นปิดด่าน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนวิตกหากปัญหาไทย-กัมพูชายืดเยื้อออกไปอีก 1-2 สัปดาห์ เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงและลุกลามวงกว้างจนต้องมีการปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกันซึ่งจะทำให้ระบบการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวหยุดชะงักจึงต้องการให้เรื่องดังกล่าวยุติโดยเร็ว
“ภาคเอกชนอยากให้จบเร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต้องคุยกัน หากปล่อยเรื่องให้นานจนถึงขั้นปิดชายแดนก็จะส่งกระทบทางการค้าเยอะ แต่คิดว่าฝ่ายกัมพูชาน่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนมากกว่าไทยเพราะกัมพูชาส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าจากไทย ส่วนไทยก็อาจทำให้มูลค่าการค้าลดลง”นายสันติ กล่าว
*** ปตท.สั่งเข้มดูแลคลังน้ำมันเขมร
นายกำแพง กิตติธรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันในกัมพูชา 50% ซึ่งล่าสุดปตท.ได้เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของคลังน้ำมันปตท.ในกัมพูชาแล้วซึ่งไม่น่าเป็นห่วงมาก เพราะตั้งในเขตทหารเรือที่ปกติก็มีความเข้มงวดด้านความปลอดภัยอยู่แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งเจ้าหน้าที่เตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้ให้พร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
*** กลุ่มเจ้าสัวเจริญยันโรงแรมไม่กระทบ
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา คือ กลุ่มทีซีซี แลนด์ จำกัด ของเจ้าสัวเจริญ ศิริวัฒนภักดี โดยลงทุนในธุรกิจโรงแรม ภายใต้ชื่อ เลอ เมอริเดียน อังกอร์ ที่เมืองเสียมเรียบ บนเนื้อที่ 38 ไร่ มีห้องพักจำนวน 223 ห้อง ซึ่งแหล่งข่าวระดับสูงจากกลุ่ม ทีซีซี แลนด์ ระบุว่า โรมดังกล่าวแม้ว่ากลุ่มบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ได้มอบหมายให้เชนโรงแรม เลอ เมอริเดียนเป็นผู้บริหารงานให้ โดยไม่มีคนไทยเข้าไปบริหารงาน
นอกจากนี้ การทำการตลาดยังไม่ได้นำเสนอว่าเป็นของกลุ่มนักลงทุนจากประเทศไทย ทำให้คนทั่วไป โดยเฉพาะชาวกัมพูชาเข้าใจว่าเป็นธุรกิจของชาวยุโรปไม่ใช่คนไทย ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาระหว่าง 2 ประเทศไทย-กัมพูชา จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมของทีซีซีแลนด์ในกัมพูชา
****บริษัททัวร์ยกเลิกทริปเที่ยวเขมร***
นายเจริญ วังอนานนท์ โฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) ซึ่งมี 8 สมาคมในธุรกิจท่องเที่ยวเป็นสมาชิก กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทนำเที่ยวของไทย ที่จัดทริปเดินทางไปเที่ยวประเทศกัมพูชา ต่างยกเลิกการเดินทางหมดแล้ว หลังจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาต่างเรียกเอกอัคราชทูตกลับประเทศของตัวเอง เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกทัวร์
***เชื่อกระทบการลงทุนและนักท่องเที่ยว***
ด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่กัมพูชาจะสูญเสียนักท่องเที่ยวคนไทยเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้าประเทศกัมพูชาด้วย โดยเฉพาะชาวยุโรป ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย และตัดสินใจไม่เดินทางเข้าไปอย่างแน่นอน และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อ นักธุรกิจไทยที่ลงทุนในกัมพูชา ก็จะไม่กล้าคิดแผนลงทุนเพิ่มเติมด้วย
วานนี้ (6 พ.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ เพื่อให้นโยบายแก่พาณิชย์จังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 6–7 จังหวัด ติดตามและดูแลสถานการณ์การค้าไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้รายงานข้อมูลกลับมาที่ส่วนกลางทุกวัน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์การค้าในขณะนี้ยังอยู่ในภาวะปกติ จึงอยากให้ประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการ อย่าตื่นตระหนกกับเรื่องการตอบโต้และความไม่เข้าใจกันของทั้ง 2 ประเทศ และกระทรวงพาณิชย์จะนำคณะเดินทางไปตรวจการค้าชายแดน ที่ด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว ในวันนี้ (7 พ.ย.)
ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่มีการพิจารณาเรียกทูตพาณิชย์กลับไทย แม้ก่อนหน้าจะมีการเรียกทูตต่างประเทศกลับมาแล้วก็ตาม เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติ แม้จะเกิดปัญหากันระหว่าง 2 ประเทศ ยังสามารถให้ทูตพาณิชย์ดำเนินการต่อได้ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เลวร้าย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ไว้แล้ว
“ยอมรับว่ามีความกังวลในสถานการณ์การค้าชายแดนอยู่บ้าง แต่ได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ และผู้บริหารช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงขอย้ำว่า อย่าตื่นตระหนกเกินความจำเป็น เนื่องจากทุกอย่างยังเป็นปกติ”นายอลงกรณ์กล่าว
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาในปี 2551 มีมูลค่า 70,033 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการค้าชายแดน 50,307 ล้านบาท คิด 80% ของการค้าระหว่างไทยและกัมพูชา แบ่งเป็นมูลค่าส่งออก 47,372 ล้านบาท และนำเข้า 2,936 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า สินค้าออกชายแดนไทย–กัมพูชา ได้แก่ น้ำตาล น้ำมันเชื้อเพลิง สุกรมีชีวิต ปูนซีเมนต์ เป็นต้น และสินค้านำเข้าผ่านชายแดนไทย–กัมพูชา ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพด เศษเหล็ก และเศษอะลูมิเนียม เป็นต้น
****ยอมรับเจรจากัมพูชาไม่คืบ
นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า เอ็มโอยูว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณอ่าวไทย ฉบับวันที่ 18 มิ.ย. 2544 นั้นเป็นเพียงกรอบการเจรจาเพื่อหาข้อยุติถึงพื้นที่ทับซ้อนเมื่อกระทรวงต่างประเทศในฐานะเจ้าภาพหลัก การเจรจายกเลิกกระบวนการเจรจาก็คงต้องจบลง อย่างไรก็ตามการเจรจาปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้มีความคืบหน้ามาหลายปีแล้ว
“กรมเชื้อเพลิงเป็นเพียงคณะกรรมการหนึ่ง หากเจ้าภาพคือกระทรวงต่างประเทศดำเนินการอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น และที่ผ่านมาการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนก็ยังไม่ได้ยุติและกรอบการเจรจาดังกล่าวแม้วาจะได้ข้อยุติก็ไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงเพราะต้องผ่านความเห็นจากระบบรัฐสภาเสียก่อน ดังนั้นการไปทำประโยชน์ใดๆในพื้นที่ดังกล่าวจึงไม่สามารถจะทำได้จนกว่าจะมีข้อยุติของข้อตกลง”นายคุรุจิตกล่าว
**** ส.อ.ท.วิตกบานปลายถึงขั้นปิดด่าน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนวิตกหากปัญหาไทย-กัมพูชายืดเยื้อออกไปอีก 1-2 สัปดาห์ เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงและลุกลามวงกว้างจนต้องมีการปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกันซึ่งจะทำให้ระบบการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวหยุดชะงักจึงต้องการให้เรื่องดังกล่าวยุติโดยเร็ว
“ภาคเอกชนอยากให้จบเร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต้องคุยกัน หากปล่อยเรื่องให้นานจนถึงขั้นปิดชายแดนก็จะส่งกระทบทางการค้าเยอะ แต่คิดว่าฝ่ายกัมพูชาน่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนมากกว่าไทยเพราะกัมพูชาส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าจากไทย ส่วนไทยก็อาจทำให้มูลค่าการค้าลดลง”นายสันติ กล่าว
*** ปตท.สั่งเข้มดูแลคลังน้ำมันเขมร
นายกำแพง กิตติธรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันในกัมพูชา 50% ซึ่งล่าสุดปตท.ได้เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของคลังน้ำมันปตท.ในกัมพูชาแล้วซึ่งไม่น่าเป็นห่วงมาก เพราะตั้งในเขตทหารเรือที่ปกติก็มีความเข้มงวดด้านความปลอดภัยอยู่แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งเจ้าหน้าที่เตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้ให้พร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
*** กลุ่มเจ้าสัวเจริญยันโรงแรมไม่กระทบ
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา คือ กลุ่มทีซีซี แลนด์ จำกัด ของเจ้าสัวเจริญ ศิริวัฒนภักดี โดยลงทุนในธุรกิจโรงแรม ภายใต้ชื่อ เลอ เมอริเดียน อังกอร์ ที่เมืองเสียมเรียบ บนเนื้อที่ 38 ไร่ มีห้องพักจำนวน 223 ห้อง ซึ่งแหล่งข่าวระดับสูงจากกลุ่ม ทีซีซี แลนด์ ระบุว่า โรมดังกล่าวแม้ว่ากลุ่มบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ได้มอบหมายให้เชนโรงแรม เลอ เมอริเดียนเป็นผู้บริหารงานให้ โดยไม่มีคนไทยเข้าไปบริหารงาน
นอกจากนี้ การทำการตลาดยังไม่ได้นำเสนอว่าเป็นของกลุ่มนักลงทุนจากประเทศไทย ทำให้คนทั่วไป โดยเฉพาะชาวกัมพูชาเข้าใจว่าเป็นธุรกิจของชาวยุโรปไม่ใช่คนไทย ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาระหว่าง 2 ประเทศไทย-กัมพูชา จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมของทีซีซีแลนด์ในกัมพูชา
****บริษัททัวร์ยกเลิกทริปเที่ยวเขมร***
นายเจริญ วังอนานนท์ โฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) ซึ่งมี 8 สมาคมในธุรกิจท่องเที่ยวเป็นสมาชิก กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทนำเที่ยวของไทย ที่จัดทริปเดินทางไปเที่ยวประเทศกัมพูชา ต่างยกเลิกการเดินทางหมดแล้ว หลังจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาต่างเรียกเอกอัคราชทูตกลับประเทศของตัวเอง เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกทัวร์
***เชื่อกระทบการลงทุนและนักท่องเที่ยว***
ด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่กัมพูชาจะสูญเสียนักท่องเที่ยวคนไทยเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้าประเทศกัมพูชาด้วย โดยเฉพาะชาวยุโรป ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย และตัดสินใจไม่เดินทางเข้าไปอย่างแน่นอน และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อ นักธุรกิจไทยที่ลงทุนในกัมพูชา ก็จะไม่กล้าคิดแผนลงทุนเพิ่มเติมด้วย