ASTVผู้จัดการรายวัน – “ประดิษฐ์” แถลงผลจัดเก็บรายได้ 2 กรมภาษีเดือนแรกยอดทะลุเป้า สรรพากรได้ 7 หมื่นล้านส่วนศุลกากร 7.8 พันล้าน เชื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นยอดจัดเก็บทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากร และกรมสรรพาสากร ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 53 สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ทั้งสองหน่วยงาน โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้ 72,216 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 6,978 ล้านบาท ซึ่งทั้งภาษีบุคคลธรรมดา นิติบุคคลและมูลค่าเพิ่มจัดเก็บสูงกว่าเป้าทั้งหมด
ขณะที่กรมศุลกากร ยอดจัดเก็บเดือนต.ค.ทั้งสิ้น 7,812 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 1,357 ล้านบาท เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าในเดือนนี้เพิ่มขึ้น ทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรกล เชื้อเพลิง เหล็กและโลหะมีค่า จึงส่งผลให้การจัดเก็บแทนกรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกระทรวงมหาดไทยของกรมศุลกากรเพิ่มขึ้นด้วย โดยจัดเก็บได้ทั้งสิ้น 21,550 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่ารายได้ของกรมศุลฯปีนี้จะเป็นเพียง 5%ของรายได้ทั้งหมด แต่ยังมีบทบาทจัดเก็บแทนกรมอื่นๆ ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นจึงได้สั่งการให้เร่งเดินหน้าสานต่อโครงการปฏิรูปองค์กรต่อเนื่องต่อไป
"จากผลการจัดเก็บทั้ง 2 กรมเป็นที่น่าพอใจมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายภาษีก็พบว่าการนำเข้าและการใช้จ่ายภายในประเทศดีขึ้นมาก เป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และสอดคล้องกับการประเมินสถานการณ์ของทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนที่คาดจากนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามคิดว่าอย่าชะล่าใจ ยังต้องจับตามองปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการจ้างงานในสหรัฐอเมริกายังฟื้นตัวไม่ชัด"นายประดิษฐ์ กล่าวและว่า หากสามารถเร่งรัดเบิกจ่ายจากโครงการไทยเข้มแข็งให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดได้จะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น และมีผลให้จีดีพีขยายตัวได้ดีขึ้นด้วย
นายประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า แม้แนวโน้มเศรษฐกิจจากนี้จะดีขึ้นแต่คงยังไม่ปรับประมาณการการจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรม เนื่องจากที่ผ่านมาประมาณการณ์แต่ละกรมที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจัดทำขึ้นได้คาดการณ์เศรษฐกิจครอบคลุมอนาคตแล้วทั้งหมด อีกทั้งเป้าทั้งปีของกรมสรรพากรซึ่งอยู่ที่ 1.097 ล้านบาท ถือเป็น 75%ของรายได้ทั้งหมด กรมสรรพสามิต 291,000 ล้านบาท และกรมศุลฯ อีก 73,800 ล้านบาท ก็ท้าทายความสามารถของกรมจัดเก็บพออยู่แล้ว
นายประดิษฐ์ ยังกล่าวถึงการจัดงานเอ็กซ์โปบุหรี่ของโลก ที่จะจัดขึ้นวันที่ 11-13 พ.ย.นี้ ที่เมืองทองธานี ว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะห้ามมิให้หน่วยงานรัฐเข้าร่วมแสดงนิทรรศการเพื่อป้องกันการส่งเสริมการสูบบุหรี่ของคนในประเทศ แต่จากการหารือกับฝ่ายบริหารของโรงงานยาสูบยังยืนยันว่าจะจัดแสดงนิทรรศการต่อไป เพราะเนื้อหาเป็นการแสดงถึงที่มาของใบยา ส่งออกไปที่ไหน มีกระบวนการอย่างไรเพื่อสร้างความเข้าใจ อีกทั้งการเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นเวทีปิด ผู้เข้าร่วมต้องลงทะเบียนก่อนล่วงหน้าและมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วม ซึ่งการเตรียมงานได้ดำเนินการล่วงหน้ามาเป็นปีแล้ว อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาใดๆตามมาจากการตัดสินใจร่วมงานครั้งนี้จะเป็นหน้าที่ของกรรมการโรงงานยาสูบจะรับผิดชอบต่อไป
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากร และกรมสรรพาสากร ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 53 สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ทั้งสองหน่วยงาน โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้ 72,216 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 6,978 ล้านบาท ซึ่งทั้งภาษีบุคคลธรรมดา นิติบุคคลและมูลค่าเพิ่มจัดเก็บสูงกว่าเป้าทั้งหมด
ขณะที่กรมศุลกากร ยอดจัดเก็บเดือนต.ค.ทั้งสิ้น 7,812 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 1,357 ล้านบาท เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าในเดือนนี้เพิ่มขึ้น ทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรกล เชื้อเพลิง เหล็กและโลหะมีค่า จึงส่งผลให้การจัดเก็บแทนกรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกระทรวงมหาดไทยของกรมศุลกากรเพิ่มขึ้นด้วย โดยจัดเก็บได้ทั้งสิ้น 21,550 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่ารายได้ของกรมศุลฯปีนี้จะเป็นเพียง 5%ของรายได้ทั้งหมด แต่ยังมีบทบาทจัดเก็บแทนกรมอื่นๆ ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นจึงได้สั่งการให้เร่งเดินหน้าสานต่อโครงการปฏิรูปองค์กรต่อเนื่องต่อไป
"จากผลการจัดเก็บทั้ง 2 กรมเป็นที่น่าพอใจมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายภาษีก็พบว่าการนำเข้าและการใช้จ่ายภายในประเทศดีขึ้นมาก เป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และสอดคล้องกับการประเมินสถานการณ์ของทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนที่คาดจากนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามคิดว่าอย่าชะล่าใจ ยังต้องจับตามองปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการจ้างงานในสหรัฐอเมริกายังฟื้นตัวไม่ชัด"นายประดิษฐ์ กล่าวและว่า หากสามารถเร่งรัดเบิกจ่ายจากโครงการไทยเข้มแข็งให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดได้จะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น และมีผลให้จีดีพีขยายตัวได้ดีขึ้นด้วย
นายประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า แม้แนวโน้มเศรษฐกิจจากนี้จะดีขึ้นแต่คงยังไม่ปรับประมาณการการจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรม เนื่องจากที่ผ่านมาประมาณการณ์แต่ละกรมที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจัดทำขึ้นได้คาดการณ์เศรษฐกิจครอบคลุมอนาคตแล้วทั้งหมด อีกทั้งเป้าทั้งปีของกรมสรรพากรซึ่งอยู่ที่ 1.097 ล้านบาท ถือเป็น 75%ของรายได้ทั้งหมด กรมสรรพสามิต 291,000 ล้านบาท และกรมศุลฯ อีก 73,800 ล้านบาท ก็ท้าทายความสามารถของกรมจัดเก็บพออยู่แล้ว
นายประดิษฐ์ ยังกล่าวถึงการจัดงานเอ็กซ์โปบุหรี่ของโลก ที่จะจัดขึ้นวันที่ 11-13 พ.ย.นี้ ที่เมืองทองธานี ว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะห้ามมิให้หน่วยงานรัฐเข้าร่วมแสดงนิทรรศการเพื่อป้องกันการส่งเสริมการสูบบุหรี่ของคนในประเทศ แต่จากการหารือกับฝ่ายบริหารของโรงงานยาสูบยังยืนยันว่าจะจัดแสดงนิทรรศการต่อไป เพราะเนื้อหาเป็นการแสดงถึงที่มาของใบยา ส่งออกไปที่ไหน มีกระบวนการอย่างไรเพื่อสร้างความเข้าใจ อีกทั้งการเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นเวทีปิด ผู้เข้าร่วมต้องลงทะเบียนก่อนล่วงหน้าและมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วม ซึ่งการเตรียมงานได้ดำเนินการล่วงหน้ามาเป็นปีแล้ว อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาใดๆตามมาจากการตัดสินใจร่วมงานครั้งนี้จะเป็นหน้าที่ของกรรมการโรงงานยาสูบจะรับผิดชอบต่อไป
