xs
xsm
sm
md
lg

ปชป."เย้ย"นครรัฐจิ๋ว"ไร้สาระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เสนอแนวทางการบริหาร"นครรัฐปัตตานี" เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เกรงว่าจะเกิดความสับสน ที่จริงแล้วสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ก็สนับสนุนเรื่องการกระจายอำนาจ และสนับสนุนเรื่องการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เมื่อไปพูดในเชิงโครงสร้างขึ้นมา จะเกิดข้อถกเถียงและนำไปสู่ความขัดแย้งได้ ฉะนั้นอยากให้ระมัดระวังถ้าเป้าหมายคือ ต้องการจะหากลไกตอบสนองประชาชนในพื้นที่ได้ดีขึ้น นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ แต่ไม่ทำในลักษณะที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า พล.อ.ชวลิตไปรับแนวคิดของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าต้องไปถามท่านว่ารับมาจากไหน
ส่วนข้อเสนอให้นิรโทษกรรมกับผู้ก่อความไม่สงบที่ถูกดำเนินคดีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่รัฐบาลทำคือ เราจะเริ่มขยับด้วยการเอากฎหมายความมั่นคงมาใช้ ซึ่งจะมีกลไกลักษณะเปิดโอกาสให้ผู้กระทำความผิดสามารถเข้าสู่กระบวนการได้ ฉะนั้นจะทำแบบเป็นขั้นเป็นตอน โดยจะเริ่มใน 4 อำเภอของจ.สงขลา นำร่องก่อน
"มันคือการแข่งขันในทางการเมือง เป็นสิทธิของพรรคการเมืองแต่ละพรรค จะเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป แต่ตรงไหนจะน่าเชื่อถือแค่ไหน อย่างไร และใครทำงานในลักษณะไหนอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหยิบเอาคำ"นครรัฐปัตตานี" มาใช้ ซึ่งมีความละเอียดอ่อนค่อยข้างสูงในพื้นที่ กังวลหรือไม่ว่าจะยิ่งเป็นการตอกลิ่มของปัญหาให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั้นเป็นเหตุผลที่ตนพูดตั้งแต่ต้น ซึ่งจริงๆถ้าจะพูดถึงหลักการกระจายอำนาจ การตอบสนองเน้นตรงนั้นจะดีกว่า พอไปพูดในลักษณะนี้แล้วมันเกิดความขัดแย้งขึ้นได้
" เขาคงมุ่งหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนบางกลุ่ม แต่รัฐบาลอยากจะยึดประโยชน์ของส่วนรวม ประโยชน์ของคนในพื้นที่ด้วย และประโยชน์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ"
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า ขณะนี้ยังมีควาพยายามแบ่งแยกดินแดน และพยายามหาทางยกระดับแนวทางการต่อสู้ขึ้นมา ฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้รัฐบาลจึงมีแนวทางที่จะต่อสู้ด้วยเรื่องการพัฒนา การอำนวยความยุติธรรม และเรื่องโครงสร้างที่กำลังมีการปรับปรุงตามกฎหมายใหม่ ที่กำลังจะเสนอเข้าสภาในอีก 2-3 สัปดาห์นี้

**มาเลย์พร้อมหนุนแนวทางรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พล.อ.ชวลิต จะเดินทางไปพบผู้นำมาเลเซีย จะทำให้ปัญหานี้ยกระดับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางมาเลเซียพูดชัดเจน และถือว่าปัญหานี้เป็นเรื่องภายในของเรา เขาพร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเราให้แก้ไขปัญหาตามที่เราร้องขอ ซึ่งไทยกับมาเลเซียก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เมื่อถามว่า ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีล่ามประจำอยู่ที่โรงพักในพื้นที่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ใช่ ก็เป็นหนึ่งในนโยบายในการอำนวยความสะดวกในเรื่องของภาษา เมื่อถามว่า คดีความต่างๆ ที่ยังล่าช้าจะทำให้คืบหน้าได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครั้งที่แล้วได้มีการเสนอต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ได้มีการรายงาน และกำลังหามาตรการในการเร่งรัดแก้ไขในแง่ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรม ก็กังวลในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ส่วนนี้หรือไม่ที่จะให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรอง ผบ.ตร. เข้ามาช่วยเสริมเพื่อให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของพล.ต.อ.ธานี ก็กำลังคุยกันอยู่ มีหลายเรื่อง เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี ตอบรับแล้วหรือยัง นายกฯกล่าวว่า ยังขอเวลาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดเขตปกครองพิเศษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พูดกันมานานแล้ว พิเศษอย่างไร นี่คือความสับสน ตนเห็นว่าคนที่พูดเขตปกครองพิเศษ 2 คน หมายความกันคนละอย่าง รัฐบาลขณะนี้กำลังทำระบบกลไกการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมา เป็นกฎหมายใหม่นั้นเป็นการยอมรับอยู่แล้วว่า พื้นที่ตรงนี้จะมีกลไกพิเศษในการบริหารราชการ แต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นการที่รัฐบาลพูดถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีมาตรการที่กำลังดำเนินการอยู่ ก็เป็นการยอมรับอีกเช่นเดียวกันว่า เรากำลังตอบสนองพื้นที่นี้ ที่มีความต้องการพิเศษขึ้นมา อันนี้คือหัวใจ
"หัวใจของมันคือ เราตอบสนองในเรื่องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ทั้งในเรื่องสิทธิ โอกาส แต่ถ้าเราไปนั่งเถียงกันในเรื่องของโครงสร้าง ไม่จบหรอก ถามว่าเป็นนครขึ้นมา ก็ต้องถามว่ากี่จังหวัด ตกลงนครปัตตานี รวมนราธิวาส ยะลา ด้วยหรือเปล่า ตกลงคนที่มาบริหารนครไม่ยิ่งห่างไกลไปจากคนยะลา คนนราธิวาสหรือ"นายอภิสิทธิ์กล่าว

**ยันใช้กฎหมาย-ไม่นิรโทษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่คือ มุ่งมั่นที่จะไปพัฒนายกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นให้ได้ ถ้าจะเป็นการชนะกันต้องชนะกันที่จิตใจ ไม่ใช่ชนะกันด้วยกำลัง รัฐบาลนี้ไม่ใช้กำลังเข้าไปเข่นฆ่าประชาชน แต่จะใช้วิธีการทางกฎหมายเท่านั้น โดยจะเพิ่มความแข็งแรงของการทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะใช้พยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
เมื่อถามว่า ข้อเสนอให้นิรโทษกรรมคนที่กระทำความผิดหากมีการตั้งนครปัตตานี นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ การฆ่าเจ้าหน้าที่แล้วไม่ถูกลงโทษ เป็นคนละหลักการกับการให้อภัย ซึ่งคนผิดต้องว่าไปตามผิด
เมื่อถามว่าการที่พล.อ.ชวลิต ออกมากล่าวว่าการนิรโทษกรรมในอดีตเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในการใช้นโยบาย 66/23 ในการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ และคิดว่าน่าจะเอามาใช้กับการแก้ปัญหาภาคใต้ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นแนวคิดที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ได้ในวันนี้ เพราะว่าในสมัยก่อนมีพรรคคอมมิวนิสต์ บรรดาผู้ที่เป็นคอมมิวนิสต์อยู่ในสังกัดเดียวกัน และมีอุดมการณ์ในแนวทางในการตัดสินใจดำเนินการทางการเมืองทิศทางเดียวกัน
"กรณีผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนภาคใต้มีหลายกลุ่ม มีหลายฝ่าย และไม่คิดว่าจะมีอุดมการณ์มีแนวทางที่ไปในทิศทางเดียวกัน จริงอยู่ที่บรรดาผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน มีเป้าหมายที่จะสถาปนารัฐใหม่ออกจากประเทศไทย แต่ประชาชนไม่ได้เชื่อถือ หรือมีอุดมการณ์ในลักษณะนั้น ความรู้สึกของประชาชน ที่เข้าร่วมหรือเป็นใจกับบรรดากลุ่มผู้ก่อการร้ายทั้งหลายอาจจะมาจากสาเหตุเดิมคือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาล วันนี้เมื่อรัฐบาลปฏิบัติต่อเขาดี เชื่อว่าประชาชนจะรู้สึกว่าเขาอยู่กับรัฐบาลไทยเขาก็มีความสุขดีแล้ว เขาเกิดในแผ่นดินนี้ อยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เขามีความสุข เขาก็ไม่ไป ที่นี้ผู้ร้ายเหล่านั้นก็หันกลับมาทำร้ายประชาชน เพื่อสร้างภาวะของความหวาดกลัว ฆ่าผู้บริสุทธิ์ คนที่เสียชีวิต คนที่บาดเจ็บเป็นคนมุสลิม การทำแบบนี้ไม่ใช่การกระทำของคนที่มีอุดมการณ์ ตอนที่เป็นคอมมิวนิสต์เขาไม่ได้ทำอย่างนี้" นายสุเทพกล่าว

**เย้ย"จิ๋ว"ลงใต้ไร้สาระ
เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต มั่นใจเรื่องการลงไปในพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน และการเสนอแนวทางว่าจะให้วันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันสันติภาพ และมีการหยุดยิงนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิตก็เคยคิดเคยแสดงอะไรมากกว่านี้ และล้มเหลวไปก็มาก ดูสนุกๆไปก่อนก็แล้วกัน พูดมากไปเดี๋ยวท่านจะโกรธ เมื่อท่านออกมาแสดงความเห็นและทำให้สังคมสับสน ตนก็ต้องมาชี้แจง
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ของพล.อ.ชวลิต แล้วยังมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น จะทำให้ความน่าเชื่อถือและการเจรจาของพล.อ.ชวลิตไม่ได้รับความเชื่อถือ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องการบอกว่าจะไปเจราจา นั้นมีหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มพล.อ.ชวลิต กลุ่มอดีตนายทหาร มีการดำเนินการไปหลายครั้ง แต่บางคนกลายเป็นตลกครั้งใหญ่ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศมาแล้ว ตนคิดว่าอย่าไปเป็นจริงเป็นจัง ตนไม่เชื่อว่าวิธีการจะไปเจรจาจะได้ ส่วนจะมองว่าการลงพื้นที่ของ พล.อ.ชวลิต ที่ผ่านมาไม่มีสาระได้หรือไม่นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเห็นว่า ไม่มีสาระ
นายสุเทพ ยังกล่าวปฏิเสธแนวทางการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะมีหลายกลุ่ม และที่ผ่านมาก็ไม่เคยสำเร็จ จึงเห็นว่าแนวทางนี้เป็นเรื่องไร้สาระ
" มีหลายทีม ที่อยากจะทำตัวเป็นคนกลาง เป็นนักเจรจา วุ่นวาย ปั่นป่วน ทับสาย ทับเส้น ทับทาง คนที่ไปเจรจาก็ไม่รู้ว่ากลุ่มไหน ไม่รู้ใครเป็นใคร ตอนนั้นจำไม่ได้หรือ มาออกทีวี มาแสดงตัวกัน วันที่เท่านั้นจะหยุดยิงกันให้หมด พูดไปเดี๋ยวก็โกรธ ผมเห็นมาชาชินแล้ว" นายสุเทพกล่าว

**"ป้อม"ไม่ขัด"จิ๋ว"แต่ต้องทำตามกม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีแนวคิดในการจัดตั้งนครรัฐปัตตานี ว่า เราจะต้องมองในภาพของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่บุคคลที่มีความคิดต่างๆ ก็คิดได้หมดว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ขั้นตอนการดำเนินการอยู่ที่รัฐธรรมนูญและ กฎหมาย
ส่วนจะหมิ่นเหม่ต่อการแบ่งแยกดินแดนตามที่หลายฝ่ายเป็นห่วงกันนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อย่างนี้ต้องให้ประชาชนส่วนใหญ่คิดพิจารณาเอาเอง
เมื่อถามว่า แนวทางนี้จะสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอยู่ ซึ่งนายกฯ และผบ.ทบ. ก็พยายามทำทุกอย่างที่จะให้ภาคใต้เป็นหนึ่งเดียว และแก้ไขปัญหาได้ ทั้งนี้คิดว่าปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปเยอะแล้ว โดยเห็นได้จากประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาล และ เจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ออกมาระบุว่านโยบายการเมืองนำการทหาร เป็นนโยบายซ้ำซากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอตอบในเรื่องนี้

**เชื่อกองทัพไม่เอากับ"จิ๋ว"
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ชวลิต ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก ไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน ทั้งๆที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้เปิดพิมพ์เขียวโครงสร้างนานกว่า 3 วัน แต่พล.อ.ชวลิต กลับเพิกเฉยและบ่ายเบี่ยง ซึ่งตนเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวอาจจะลงดระดับลงไปเรื่อยๆ จากนครรัฐ เหลือแค่นครปัตตานี สุดท้ายคงจบลงที่ อบจ. และ อบต.
"หากพล.อ.ชวลิต อธิบายเรื่องนครรัฐปัตตานีไม่ได้ ก็เหมือนเป็นการโยนระเบิดที่ไม่ได้หวังผลระเบิด แต่ต้องการให้สะเก็ดระเบิดกระจายไปโดนที่ต่างๆ จากนั้นก็เข้าไปเคลียร์พื้นที่ ดังนั้นจึงอยากให้สังคมช่วยจับตาว่า แนวคิดดังกล่าวของพล.อ.ชวลิต จะตรงกับแนวคิดทั้ง 3 เรื่อง คือสภาเปรซิเดียม ขบวนการล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า และการปกครองตรงเองของนครรัฐปัตตานี หรือไม่" นายเทพไทกล่าว
ทั้งนี้ หากพล.อ.ชวลิต ต้องการทำนครปัตตานีให้เท่ากับนครเชียงใหม่ ก็สามารถทำได้โดยปรับปรุงเงื่อนไขให้เข้ากับหลักเกณฑ์ของการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยไม่จำเป็นต้องเสนอเนื้อหาอย่างหวือหวาเช่นนี้ นอกจากนี้อยากให้ พล.อ.ชวลิต นำแนวคิดดังกล่าวไปปรึกษากับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่สมัยดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทย ได้เคยเสนอแนวคิด เขตปกครองตนเอง แต่ก็ไม่สำเร็จ อยากฝากไปถามร.ต.อ.เฉลิม ว่าแนวคิดของพล.อ.ชวลิต ที่เสนอมาใช่เรื่องเดียวกันหรือไม่
ทั้งนี้แนวคิดการตั้งนครปัตตานี เป็นแนวคิดของอดีตทหารคนหนึ่งที่อยู่ในกองทัพ แต่เชื่อว่า ทหารอีกหลายคนในกองทัพรับกับเรื่องดังกล่าวไม่ได้ โดยเฉพาะพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ได้แสดงท่าทีคัดค้านต่อแนวคิดดังกล่าวเพราะเชื่อว่าหากมีการผลัดดันแนวคิดนี้ต่อ ก็จะกระทบต่อความมั่นคง ดังนั้นจึงเรียกร้องให้ฝ่ายทหารและฝ่ายมั่นคงติดตามเรื่องนี้ด้วย
เมื่อถามว่าพรรคมาตุภูมิมีท่าทีสนับสนุนแนวคิดของพล.อ.ชวลิตในการสร้างนครปัตตานี และเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังแนวคิดดังกล่าวก่อน นาเทพไท กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลรับฟังแนวคิดดังกล่าว เพียงแต่อยากให้มีการอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม หากไม่สามาถอธิบายให้ชัดเจนได้ ก็อาจนำไปสู่เงื่อนไขการแบ่งแยกดินแดน
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดในเรื่องรัฐบริหารพิเศษ รัฐบาลไม่ได้มองเพียง จ.ปัตตานีเพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น แต่มองไปถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งการท่องเที่ยวที่สำคัญอาทิ จ.ภูเก็ต เกาะช้าง จ.ตราด ซึ่งชื่อที่เรียกการปกครองนั้นไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหาโครงสร้างของจังหวัด
อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ของพล.อ.ชวลิตครั้งนี้คงประสบความสำเร็จเรื่องเดียว คือการนับญาติกับสุลต่าน สุไลมาน เมื่อ 500 ปีที่แล้ว และที่มีการกล่าวหาว่าตนเป็นพญา ซึ่งตนจำไมได้ว่าอดีตชาติเคยเป็นพญาหรือไม่ แต่ปัจจุบันหากจะเป็นพญา ก็ขอเป็น พญาปราบกบฎ

**"มาตุภูมิ"เชื่อ"จิ๋ว"ไม่ปัญญานิ่ม
นายมุข สุไลมาน โฆษกพรรคมาตุภูมิ กล่าวถึงแนวความคิดตั้งนครรัฐปัตตานี ของพล.อ.ชวลิตว่า เป็นแนวคิดหนึ่งที่รัฐบาลน่าจะรับฟัง หากรัฐบาลใจกว้าง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ตนเคยเสนอมาก่อนแล้วว่า หากรัฐบาลยังไม่ได้คิดวิธีการอื่น นอกจากสิ่งที่เคยทำมา ก็ขอให้ลองใช้วิธีการให้ปกครองตนเอง วันนี้ พล.อ.ชวลิต ก็ฉีกไปในอีกแนวทางหนึ่งที่น่ารับฟัง ดังนั้นรัฐบาลจึงควรจะประสานทำความเข้าใจกับ พล.อ.ชวลิต ว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง รวมทั้งนำไปศึกษา หากตรงไหนที่เป็นประโยชน์ ก็ควรนำไปใช้ อย่าคิดว่าเป็นเกมการเมืองเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หรือเลยเถิดไปจนถึงขั้นว่าเป็นการแบ่งแยกดินแดน เป็นการขายชาติ เพราะเชื่อว่า พล.อ.ชวลิต คงไม่ปัญญาอ่อนจนไม่รู้ว่าอะไรที่ผิด หรือถูกกฎหมาย
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคมาตุภูมิ กล่าวถึงการเสนอนิรโทษกรรม ว่า เห็นว่าประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ก็เคยดำเนินการมาแล้ว แต่เมื่อนิรโทษกรรมแล้วปัญหาต่างๆจะยุติหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง เพราะบางคนที่ดำเนินการก็มีอุดมการณ์ รวมกับความเชื่อมาแต่โบราณ ซึ่งเชื่อว่าการนิรโทษกรรม จะมีผลในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่คงไม่ยุติในทันทีทันใด แต่สำหรับการก่อเหตุที่ชัดเจนเป็นคดีอาญา ก็คิดว่าต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนในแง่ของอุดมการณ์เป็นเรื่องทางการเมือง ก็น่าจะสามารถนิรโทษกรรม

**ชู"จิ๋ว"จุดขาย 3 จ.ชายแดนใต้
นายพิเชษฐ สถิรชวาล ประธานคณะกรรมการภาคใต้พรรคเพื่อไทย และเลขาธิการคณะกรรมการอิสลามกลาง กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่เข้าร่วมสัมมนาเป็นอย่างดี และเชื่อว่าแนวทางการเสนอตั้งนครปัตตานีนั้นจะแก้ไขความรุนแรงในพื้นที่ได้ และนครปัตตานี จะเป็นเขตปกครองรูปแบบหนึ่งของไทย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ได้คิดจะแยกตัวเป็นเอกราชเหมือนอย่างที่พูดกัน เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายหลักของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ด้วย ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเราจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างแน่นอน และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พรรคจะชูพล.อ.ชวลิตเป็นจุดขาย เพราะท่านผ่านตำแหน่งสำคัญในบ้านเมืองทั้ง ผบ.ทบ. และนายกรัฐมนตรีมาแล้ว

**ปชป.ตัวการทำมุสลิมเกลียดทหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าไม่ควรไปฟังคนที่มือเปื้อนเลือด นายพิเชษฐกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบเดิมๆ เพื่อทำลายนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์บางคนถึงกับปั้มซีดีเหตุการณ์ความรุนแรงที่ตากใบ และกรือเซะ แจกจ่าย ซึ่งนอกจากจะทำลายฝ่ายตรงข้ามได้สมใจแล้ว แต่ผลพลอยได้อีกประการคือ ทำให้พี่น้องประชาชนมุสลิมในพื้นที่เกลียดชังทหารมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องถือว่าความรุนแรงส่วนหนึ่งเกิดมาจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
"มีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เย้ยหยันว่าถ้าพล.อ.ชวลิตไปพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้บอกว่าปัญหาไฟใต้รุนแรงเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปยกเลิกศอ.บต. แต่มีพี่น้องมุสลิมไปแนะนำ พล.อ.ชวลิตว่า ให้บอกนายกฯ มาเลเซียว่า ความรุนแรงเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์บังคับให้ทุกโรงเรียน แม้กระทั่งโรงเรียนปอเนาะ ต้องมีพระพุทธรูป ทำให้เกิดความแตกแยก แต่พล.อ.ชวลิตคงไม่พูดเพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง เราอย่าเอาอดีตมาโจมตีกัน แต่นำมาเป็นบทเรียนจะดีกว่า" นายพิเชษฐ กล่าว

**ใช้ศาสนานำการเมือง
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยในภาคใต้นั้น จะใช้นโยบายศาสนานำการเมือง ส่วนหนึ่งเพราะตนเป็นเลขาธิการคณะกรรมการอิสลามกลาง ซึ่งขณะนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมัสยิดทั้งหมด 1,650 แห่ง แต่ละแห่งมีโต๊ะอิหม่าม คอเต็บ และกรรมการมัสยิดประมาณ 15 คน หากได้คนเหล่านี้เป็นหูเป็นตาจะดีขนาดไหน เพราะพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นเชื่อผู้นำทางศาสนามากกว่าราชการ หรือทหาร
สำหรับกรณีน.พ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน เดินทางมาร่วมรับฟังการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยด้วยนั้น จะมีการชักชวนเข้าพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวว่า ถ้าจะมีการชักชวนน.พ.แวมาฮาดีเข้าเป็นสมาชิกพรรค ผู้ใหญ่ในพรรคจะต้องเป็นผู้ทาบทาม ตนสนับสนุนเต็มที่
กำลังโหลดความคิดเห็น