นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนไทยหันไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นลักษณะจดทะเบียน 2 ตลาด (ดูอัลลิสติ้ง)เพราะ การเสนอขายหุ้นต่างประเทศจะกำหนดราคาเสนอขายที่สูงกว่าเสนอขายในประเทศไทย เพราะมีค่า P/E สูง เช่น ตลาดหุ้นไต้หวันมีค่าP/E ถึง 70 เท่า ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียน 3 แห่งและยังสนใจจะไปเสนอขายหุ้นต่างประเทศ
ทั้งนี้ บจ.ไทยรายแรกที่จะไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นไต้หวันไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งในเดือนนี้จะเซ็นสัญญาการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะระดมทุนจากเสนอขายหุ้นประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวบริษัทได้ร่วมมือกับทางบล.ที่ไต้หวัน และมีแผนจะนำบริษัทจดทะเบียนไต้หวันในธุรกิจรถยนต์เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกปีหน้าและจะระดมทุน1 พันล้านบาท
"บริษัทได้ร่วมกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ 3 ราย ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ไต้หวัน 2 แห่ง ฮ่องกง 1 แห่ง เพื่อทำธุรกรรมใหม่นี้ ถือเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มรายได้ ซึ่งการเป็นที่ปรึกษานำบจ.ไปจดทะเบียนต่างประเทศจะมีรายได้ประมาณ 60-70 ล้านบาท แต่ต้องหารสองกับ บล.ที่ร่วมอันเดอร์ไรท์ด้วย และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อกิจการในไทยขณะนี้เจรจากับ นักลงทุนดูไบ " นายชนะชัย กล่าว
นอกจากนี้ปี 53 บริษัทมีแผนทำธุรกิจใหม่ เช่น การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL )และการให้คำแนะนำในการลงทุน (ไพรเวทเวิร์ล) จากปัจจุบันที่บริษัทมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล(ไพรเวทฟันด์)แล้ว อีกทั้งมีแผนลงทุนต่างประเทศ โดยเริ่มที่ตลาดหุ้นในแถบอินโดจีนก่อน ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50-80 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นต่างประเทศ
นายชนะชัย กล่าวว่ายังแผนจะเพิ่มพอร์ตการลงทุนในหุ้นไทยเป็น 150-200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มรายได้ชดเชยกับค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปี 53 ที่จะลดลงจากการคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได โดยจากการที่บริษัทไปดูงานที่อินเดียนั้นรายได้จากพอร์ตการลงทุนของโบรกเกอร์อินเดียมีสัดส่วน 40% ของรายได้รวม บริษัทจึงมีแผนจะเพิ่มพอร์ตลงทุนจากปัจจุบันที่มีพอร์ตลงทุน 80 ล้านบาท ใหด้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 25%
ทั้งนี้ ปี 53 บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 50% ลดลง จากปัจจุบันที่มี 55% รายได้จากการลงทุน 20 % จากปัจจุบัน 25% รายได้อนุพันธ์ 20% จากปัจจุบันที่มี 15% และ 10% จากรายได้ที่ปรึกษาทางการเงินและดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) จากปัจจุบันที่มี 5%
โดยคาดรายได้ปีนี้ 600 ล้านบาท และมีกำไรไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 3/52 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 235% หรือ 191 ล้านบาท จากไตรมาส 2/52 ที่มีรายได้ 57 ล้านบาท มั่นใจว่ารายได้และกำไรปีนี้จะสามารถเป็นไปตามเป้าหมายได้ คาดส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีหน้าอยู่ที่ 3% หลังคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันไดกระทบรายได้ แต่เชื่อว่าวอลุ่มการซื้อขายจะดีขึ้น หากบริษัทติดอันดับโบรกเกอร์มาร์เกตแชร์สูงสุด 1 ใน 10 ได้ ถือว่าพอใจแล้ว
นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปซื้อทองคำ เพราะแนวโน้มระยะยาวตั้งแต่ไตรมาส4 /52-ไตรมาส1/53 ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเป็นช่วงไฮด์ซีซันตั้งแต่คริสต์มาส ถึงตรุษจีนที่จะซื้อทองคำเป็นของขวัญ
ทั้งนี้ บจ.ไทยรายแรกที่จะไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นไต้หวันไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งในเดือนนี้จะเซ็นสัญญาการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะระดมทุนจากเสนอขายหุ้นประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวบริษัทได้ร่วมมือกับทางบล.ที่ไต้หวัน และมีแผนจะนำบริษัทจดทะเบียนไต้หวันในธุรกิจรถยนต์เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกปีหน้าและจะระดมทุน1 พันล้านบาท
"บริษัทได้ร่วมกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ 3 ราย ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ไต้หวัน 2 แห่ง ฮ่องกง 1 แห่ง เพื่อทำธุรกรรมใหม่นี้ ถือเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มรายได้ ซึ่งการเป็นที่ปรึกษานำบจ.ไปจดทะเบียนต่างประเทศจะมีรายได้ประมาณ 60-70 ล้านบาท แต่ต้องหารสองกับ บล.ที่ร่วมอันเดอร์ไรท์ด้วย และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อกิจการในไทยขณะนี้เจรจากับ นักลงทุนดูไบ " นายชนะชัย กล่าว
นอกจากนี้ปี 53 บริษัทมีแผนทำธุรกิจใหม่ เช่น การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL )และการให้คำแนะนำในการลงทุน (ไพรเวทเวิร์ล) จากปัจจุบันที่บริษัทมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล(ไพรเวทฟันด์)แล้ว อีกทั้งมีแผนลงทุนต่างประเทศ โดยเริ่มที่ตลาดหุ้นในแถบอินโดจีนก่อน ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50-80 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นต่างประเทศ
นายชนะชัย กล่าวว่ายังแผนจะเพิ่มพอร์ตการลงทุนในหุ้นไทยเป็น 150-200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มรายได้ชดเชยกับค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปี 53 ที่จะลดลงจากการคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได โดยจากการที่บริษัทไปดูงานที่อินเดียนั้นรายได้จากพอร์ตการลงทุนของโบรกเกอร์อินเดียมีสัดส่วน 40% ของรายได้รวม บริษัทจึงมีแผนจะเพิ่มพอร์ตลงทุนจากปัจจุบันที่มีพอร์ตลงทุน 80 ล้านบาท ใหด้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 25%
ทั้งนี้ ปี 53 บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 50% ลดลง จากปัจจุบันที่มี 55% รายได้จากการลงทุน 20 % จากปัจจุบัน 25% รายได้อนุพันธ์ 20% จากปัจจุบันที่มี 15% และ 10% จากรายได้ที่ปรึกษาทางการเงินและดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) จากปัจจุบันที่มี 5%
โดยคาดรายได้ปีนี้ 600 ล้านบาท และมีกำไรไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 3/52 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 235% หรือ 191 ล้านบาท จากไตรมาส 2/52 ที่มีรายได้ 57 ล้านบาท มั่นใจว่ารายได้และกำไรปีนี้จะสามารถเป็นไปตามเป้าหมายได้ คาดส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีหน้าอยู่ที่ 3% หลังคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันไดกระทบรายได้ แต่เชื่อว่าวอลุ่มการซื้อขายจะดีขึ้น หากบริษัทติดอันดับโบรกเกอร์มาร์เกตแชร์สูงสุด 1 ใน 10 ได้ ถือว่าพอใจแล้ว
นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปซื้อทองคำ เพราะแนวโน้มระยะยาวตั้งแต่ไตรมาส4 /52-ไตรมาส1/53 ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเป็นช่วงไฮด์ซีซันตั้งแต่คริสต์มาส ถึงตรุษจีนที่จะซื้อทองคำเป็นของขวัญ