xs
xsm
sm
md
lg

UKEMคาดผลิตเอทานอลปี54 หวังป้อนรายได้บ.แม่ปีละ20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - " ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล " เดินหน้าเพิ่มขนาดธุรกิจ ระบุโรงงานเอทานอลแค่ก้าวแรก เล็งกำลังผลิตเบื้องต้น 2 - 3 หมื่นตัน เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ต้นปี 54 ป้อนรายได้เข้าบริษัทเพิ่ม 20% เตรียมขยายไลน์สินค้าเคมีภัณฑ์ในเฟสต่อ ๆ ไปเพิ่มต่อยอดธุรกิจ ลุ้นดีลเอเย่นต์ขายสินค้าที่อเมริกาช่วงธันวาคมปีนี้ ชี้หากสำเร็จเม็ดเงินอีก 200 -300 ล้านไหลเข้าบัญชีปี 53 ผู้บริหารย้ำแม้ไตรมาส 3 ปีนี้ไม่ดีมั่นใจภาพรวมทั้งปีมาร์จิ้นและกำไรโตจากปีก่อน

นายพีรเจต สุวรรณภาศรี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือUKEM เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ UKEM ETHANOL AND EASTER Co., Ltd. ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 5 ล้านบาทว่า ขณะนี้คณะกรรมการบริษัทอยู่ในช่วงพิจารณาถึงขนาดของกำลังการผลิตของโรงงานแห่งนี้ โดยมีตัวเลือก 2 อย่างคือ กำลังการผลิต 20,000ตัน และ 30,000 ตัน ซึ่งสถานที่จัดตั้งโรงงานจะอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เพราะมองว่าเป็นทำเลที่มีทรัพยากรทางน้ำที่สมบูรณ์ อีกทั้งอยู่ใกล้กับ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกมันสัมปะหลัง ที่จะเป็นวัตถุในการผลิตเอทานอล

ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวจะใช้เวลาก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรประมาณ 1 ปี ด้วยงบลงทุน 250 -300 ล้านบาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดกำลังการผลิต คาดเร็วที่สุดที่จะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2554 โดยจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่บริษัทประมาณ 500 หรือ 700 ล้านบาท ในปี 2554 หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 20%

"แผนนี้ตอนเริ่มต้น เรามีแผนก่อสร้างโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ ด้วยงบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท แต่เมื่อเราได้ทำการศึกษาแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจและความต้องการในอนาคตแล้ว จึงมีการขยายโปรเจกต์ดังกล่าวให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งโปรเจกต์นี้เราไม่เพียงต้องการจะมุ่งผลิตแต่เอทานอล หรือแก๊สโซลฮอล์เท่านั้น ในเฟสต่อ ๆไปก็จะขยายสินค้าในด้านเคมีภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมต่อเนื่อง เพราะเรามองว่าเอทานอลเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยในแง่ธุรกิจได้มากนัก แต่หากพัฒนาไปสู่เคมีภัณฑ์ตัวอื่นๆได้จะเป็นสิ่งที่ดีกว่า "นายพีรเจตกล่าว

สำหรับ ผลดำเนินงานในไตรมาส 3/2552 อาจลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และอาจจะดูลดลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2551 เพราะเป็นช่วงพีคของราคาน้ำมัน ซึ่งมีผลผลักดันให้ผลดำเนินงานของบริษัทซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในภาพรวมของปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) และกำไรจากผลดำเนินงาน น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนที่มีอยู่ 47 ล้านบาทแน่ จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และราคาน้ำมันที่ขยับอยู่ในขาขึ้น

โดยปัจจุบันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 13% จากเดิมในปีก่อนที่อยู่ระดับ 9.51% แต่จากปีนี้ต้นทุนวัตถุดิบเคมีภัณฑ์ลดลง ประกอบกับบริษัทมีสต๊อกต้นทุนถูกลง และมีดอกเบี้ยจ่ายอยู่ในระดับต่ำ จึงช่วยทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 3%

ส่วนช่วงที่เหลืออยู่ของปีนี้ บริษัทมองว่าจากราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้จะมีการพักฐานของราคาบ้าง แต่แนวโน้มก็ยังปรับตัวรับกับสภาวะเศรษฐกิจ ที่จะผลักดันให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าทิศทางธุรกิจในไตรมาส 4/2552 จะมีแนวโน้มที่ดีจากดีมานด์ความต้องการใช้เคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจากับคู่ค้าทางธุรกิจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นคาดว่าจะทราบผลการเจรจาภายในสิ้นปีนี้ เหตุเพราะต้องพูดถึงรายละเอียดต่าง ๆ อีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องคุณภาพ ศักยภาพ เนื่องจากเป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ทำให้ บริษัทคาดว่าหากประสบผลสำเร็จจะผลักดันยอดขายในปี 2553 ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 200 -300 ล้านบาท หรือเพิ่มประมาณ 10% จากปีนี้ ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1,900 – 2,000 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถมียอดขายได้ประมาณ 930 ล้านบาท

" ปีหน้า เรามองว่ายอดขายจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น ตามปริมาณการใช้และราคาน้ำมัน ที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายและกำไรของบริษัทขยับตัว แต่ตรงจุดนี้เราไม่หวังไว้ที่โซลเว้นท์เพียงอย่างเดียว โดยเราหวังในเรื่องสินค้าเคมีภัณฑ์ตัวอื่นๆ ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายและรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ารับเป็นเอเย่นต์จำหน่ายสินค้า ซึ่งหากข้อสรุปสิ้นปีนี้ลงตัวด้วยดี ผลดำเนินงานปีหน้าก็จะดีขึ้นตามที่เราคาดหมายไว้ และเมื่อเอทานอลเริ่มเดินเครื่อง รายได้ในปี54 ก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก "

ก่อนหน้านี้ UKEM ให้เหตุผลในการเข้าลงทุนด้านเอทานอลว่า แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานเอทานอลในอนาคตจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 น่าจะมีความต้องการใช้ในระดับสูง ขณะที่การผลิตเอทานอลจะมี 2 ส่วนแบ่งเป็นการผลิตเพื่อขายในภาคอุตสาหกรรมและเพื่อเป็นเชื้อเพลิง นอกจากนี้หากบริษัทสามารถตั้งโรงงานได้จะส่งผลดีต่อการผลิตโซลเว้นท์ โดยจะช่วยในการผลิตสารเคมีและจะทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องนำเข้าสารเคมีบางประเภทอีกต่อไป อีกทั้งการตั้งโรงงานจะทำให้บริษัทเป็นต้นน้ำในการผลิตสารเคมีบางชนิด
กำลังโหลดความคิดเห็น