xs
xsm
sm
md
lg

คดีราเกซต้นตอวิกฤตศก.ต้องลากคอมาให้หมด !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในที่สุดอย่างที่รู้กันว่า ราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ พาณิชยการ (บีบีซี) ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ถูกส่งตัวจากประเทศแคนาดาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนมาถึงประเทศไทยแล้วเมื่อกลางดึกวันที่ 30 ตุลาคม หลังจากหลบหนีออกนอกประเทศไปเมื่อ 13 ปีก่อน

คดีของ ราเกซ น่าจะเป็นกรณีศึกษาในหลายประเด็นทั้งในเรื่องของมูลค่าความเสียหายจำนวนมหาศาล และเป็นต้นตอของการทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ในปี 2540 สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับประเทศในเวลาต่อมา

ทำให้หลายคนต้องล้มละลาย ครอบครัวแตกสลาย บ้านเมืองได้รับความบอบช้ำมาจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งทำให้ยังก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องพิจารณามากไปพร้อมกันก็คือการกระทำความผิดในคราวนั้นซึ่งมีการตรวจพบความผิดในปี 2538 ทั้งที่มีการกระทำความผิดมาก่อนหน้านั้นมาเป็นเวลานาน

สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ธรรมาภิบาล ของทั้งผู้บริหารธนาคารบีบีซี และน่าสนใจก็คือหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลเพื่อให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้อย่างกรณีเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในยุคนั้นกลับไปสมคบกันทำผิด ช่วยกันปิดบังจนทำให้สถาบันการเงินของไทยขาดความน่าเชื่อถือ

เพราะพฤติกรรมที่คนกลุ่มนี้สมคบกัน เช่นการปล่อยกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือนำที่ดินที่มีมูลค่าต่ำมาค้ำประกันสินเชื่อ หรือการทำธุรกรรมการเงินที่ฉ้อฉลปล่อยกู้ให้กับบริษัทของคนกันเองเพื่อไปซื้อกิจการแบบซื้อมาขายไป หรือปั่นหุ้นหากำไร สารพัด

ทำให้ต่างชาติและประชาชนแห่ไปถอนเงินจนในที่สุดสถาบันการเงินในประเทศต้องล้มลงเป็นลูกโซ่ก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตามมาอย่างขนานใหญ่ และยังก่อให้เกิดปัญหาสังคมมากมาย ซึ่งบาดแผลเหล่านั้นยังไม่ลบเลือนหาย

หากย้อนกลับไปเมื่อราวปี 2537 ที่มีการเปิดโปงการทุจริตภายในแบงก์บีบีซี โดยพาะอย่างยิ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านในยุคนั้นคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่นำทีมโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้อภิปรายรัฐบาลของ บรรหาร ศิลปอาชา โดยหยิบยกเอากรณีทุจริตของบีบีซีมาถล่ม มุ่งเป้าไปที่กลุ่มนักการเมืองกลุ่ม 16 ที่มีบุคคลสำคัญก็คือ เนวิน ชิดชอบ ที่ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สุชาติ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สรอรรถกลิ่นปทุม ประวัฒน์ อุตตะโมต เป็นต้น นักการมืองกลุ่ม 16 ดังกล่าวถือว่าเป็นกลุ่มนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรง หลังจากมีบทบาทสำคัญในการล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์ในยุค ชวน หลีกภัยที่มีเรื่องอื้อฉาวจากที่ดิน ส.ป.ก.4-01

แต่ถัดมาเพียงปีเดียวก็ถูกเอาคืนจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ ในกรณีทุริต บีบีซี ที่มีนักการเมืองกลุ่ม 16 เข้าไปพัวพัน ซึ่งโยงใยไปถึงตัวละครสำคัญอย่างเช่น สุชาติ ตันเจริญ เนวิน ชิดชอบ และอีกหลายคน

ผลจากการอภิปรายในคราวนั้นนอกจากทำให้รัฐบาลของ บรรหาร ต้องล้มลงและนำไปสู่การปิดตัวของแบงก์บีบีซี และนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ดังกล่าว และที่สำคัญยังทำให้นักการเมือง กลุ่ม 16 ต้องลดบทบาทลงและต้องแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง

ดังนั้นการนำตัว ราเกซ สักเสนา กลับมาดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงได้สำเร็จก่อนที่คดีจะหมดอายุความเพียงไม่กี่เดือน อย่างน้อยก็ทำให้มีความหวังมากขึ้นว่าจะสามารถนำตัวคนที่ร่วมกันกระทำความผิดมาดำเนินดีได้บ้าง

เพราะที่ผ่านมาตัวละครสำคัญก็ยังคงอยู่ และยังคงลอยหน้าลอยตัวอยู่ในวงการเมือง วงการเงินมีบทบาทสำคัญทั้งในรัฐบาลและสถาบันการเงินและตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคนที่รู้ข้อมูลดีก็น่าจะเป็น สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่เป็นผู้นำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยหยิบยกเอาเรื่องการทุจริตในธนาคารมาเปิดโปง มาบัดนี้เมื่อตนเองมีอำนาจเป็นถึงรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง จะต้องมีส่วนช่วยให้การดำเนินคดีดำเนินไปอย่างตรงไปตรง และนำตัวคนผิดมาลงโทษทั้งขบวนการ

นาทีนี้รับรองว่าสังคมคงจะไม่มีทางเชื่อว่าคนที่กระทำผิดมีเพียง ราเกซ สักเสนา และ เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บีบีซี รวมทั้งเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้าแล้ว เพราะยังมีบุคคลอีกหลายคนร่วมมือ และได้รับประโยชน์จากการล่มจมของระบบสถาบันการเงินในยุคนั้น

และแม้ว่าการดำเนินคดีกับราเกซ จะมีเรื่องการต่รองทางการเมืองกลับบางกลุ่มในรัฐบาลที่เคยเป็นสมาชิกกลุ่ม 16 อย่าง เนวิน ชิดชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ต้องมีการเปิดทางให้มีการสอบสวนหาหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆอีกด้วย

เพราะนี่คือขบวนการทำลายชาติอีกประเภทหนึ่งที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่อาจเอื้อมมือไปลากคอคนที่กระทำผิดออกมาได้ทั้งขบวนการ โดยเฉพาะคนที่เป็นตัวการใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มนักการเมือง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น