ASTV ผู้จัดการรายวัน - ประธานบอร์ด ก.ล.ต.มั่นใจรู้ต้นตอข่าวลืออัปมงคลได้ภายในสัปดาห์นี้ หลังโดนรัฐบาลเร่งเครื่อง ล่าสุดรุดประสานดีเอสไอร่วมหาข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำส่งรัฐบาล ด้าน “กรณ์”ระบุเบื้องต้นไม่ใช่การปั่นหุ้น แต่ย้ำจะดำเนินการถึงที่สุด เพราะไม่ต้องการให้ใครใช้ข่าวลือหาประโยชน์ ยอมรับผิดหวังนักลงทุนสถาบันที่เทขายแรง ทั้งที่เป็นกลุ่มที่มีความรู้และการวิเคราะห์ที่ดี พร้อมหวังก.ล.ต.ส่งข้อมูลโดยเร็วเพื่อใช้ชี้แจงกลุ่ม ส.ว. 26 ต.ค.นี้
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.คาดว่าจะสามารถสรุปต้นตอแหล่งข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล ได้ภายในสัปดาห์นี้ จากการที่รัฐบาลได้เร่งให้มีการสืบหาเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด ซึ่งใน 1-2 วันนี้ ทางก.ล.ต.จะมีการประสานงานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เพื่อร่วมกันสืบหาข้อมูลในเชิงลึกต่อไป หลังจากที่ข่าวลือนั้นทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นนั้นมีความเคลื่อนไหวเร็วกับข่าวลือที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ต้องยอมรับข่าวลือจากห้องค้านั้นมีออกมาจำนวนมากและหลายเรื่อง แต่ข่าวลือที่ออกมานั้นเป็นข่าวที่ไม่เป็นมงคลจึงจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลให้มีความเข้มงวดมากข้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสันติบาลได้มีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาแหล่งต้นตอ โดยเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลอ
“ตั้งแต่มีการปล่อยข่าวลือจากห้องค้า ทางก.ล.ต.ได้มีการตรวจสอบทันที โดยไม่ได้ปล่อยให้นิ่งนอนใจ ซึ่งทางรัฐบาลก็เร่งให้มีการสืบหาต้นตอในการปล่อยข่วลือที่ไม่เป็นมงคลให้เร็วที่สุด จึงคาดว่าภายในสัปาดห์นี้น่าจะทราบต้นตอข่าวลือได้ และส่งข้อมูลต่อให้ทางรัฐบาลต่อไป
**ก.ล.ต.นัดชี้แจงความคืบหน้าวันนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (22ต.ค.) สำนักงานก.ล.ต. ได้เชิญสื่อมวลชนมาร่วมรับฟังความคืบหน้าในการดำเนินงานของก.ล.ต. ที่สำนักงานใหญ่ โดยจะมีการพูดถึงแนวทางการพิจารณาการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ในเรื่องการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน พร้อมกับการแถลงความคืบหน้าการตรวจสอบข่าวลือที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
**"กรณ์" เผยไม่พบปั่นหุ้น
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบต้นตอการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนว่า ขณะนี้สำนักงานก.ล.ต.อยู่ระหว่างการประสานงานกับตำรวจสันติบาล เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต้นตอของผู้ที่ปล่อยข่าวลือ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ไม่ใช่เป็นลักษณะการปั่นหุ้น แต่มีข้อสังเกตว่าข้อมูลที่ได้มา มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ต้องเร่งทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ว่าใครก็ตามหรือแม้แต่การสร้างสถานการณ์ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือผู้กระทำการเผยแพร่ข่าวลือ เรื่องดังกล่าวต้องมีจุดยืนชัดเจนว่า และจะดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
"ก.ล.ต.ขอเวลามา 1 เดือนนั้น คงไม่ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เพราะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเป็นวินาทีต่อวินาที ถือว่าอ่อนไหวมากกว่าราคาสินค้าอื่นๆ ซึ่งเราตั้งสติ เพราะที่สุดแล้วจะสะท้อนถึงจำนวนนักลงทุนระยะสั้นในตลาดที่มีมาก ทำให้อ่อนไหวต่อข่าวลือต่างๆได้ง่าย ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังน้อยจากสถานการณ์การเมือง จึงต้องเป็นประเด็นที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะไม่ต้องการให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์จากความอ่อนไหวต่อข่าวต่างๆ ”นายกรณ์กล่าว
ขณะเดียวกัน รมว.คลังยอมรับว่า การเทขายหุ้นออกมาจำนวนมากของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะในวันที่ 2 ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงติดต่อกันนั้น เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ในประเด็นที่มาที่ไปของข่าวลือว่าจะกระทบต่อการลงทุนอย่างไร ซึ่งจะเป็นการสะท้อนโครงสร้างของนักลงทุนในตลาดหุ้น เพราะนักลงทุนสถาบันถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความรู้ที่จะวิเคราะห์การลงทุนได้ดี
สำหรับการออกมาตั้งข้อสังเกตของวุฒิสภา (ส.ว.) ว่ามีรายชื่อ ย. และ ว. ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวลือนั้น นายกรณ์กล่าวว่า ก.ล.ต.จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อมูลเบื้องต้นที่มีว่าเป็นอย่างไร และเสนอมาภายในสัปดาห์นี้ เพื่อจะได้ชี้แจงต่อ ส.ว.ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้
**หุ้นไทยลดลงไร้ปัจจัยหนุน
ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21ต.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 716.35 จุด ลดลง 9.25 จุด หรือ -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 20,583 ล้านบาท ทั้งนี้ หุ้นไทยค่อนข้างผันผวนโดยช่วงเช้ารีบาวน์ด้วยเรื่องราคาน้ำมันและผลประกอบการหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน แต่พอช่วงบ่ายตลาดภูมิภาคและยุโรปส่วนใหญ่อยู่ทางอ่อนลงทำให้หุ้นไทยลงมาอยู่แดนลบด้วย ทำให้การซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีเคลื่อนตัวในกรอบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยระหว่างขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 729.38 จุด และต่ำสุดที่ 715.57 จุด
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน ภายใต้ภาวะที่ตลาดมี 2 ปัจจัยเข้ามา โดยปัจจัยที่ทำให้ช่วงเช้าดัชนีรีบาวน์คือระดับราคาน้ำมันและผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน จากนั้นช่วงบ่ายตลาดภูมิภาคที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาดยุโรปที่เปิดทำการ จึงทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นไปติดกรอบแนวต้าน 730 จุด
ดังนั้นวันนี้ (22ต.ค.) คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 710-730 จุด โดยเป็นแนวโน้มของการแกว่งตัวที่อิงอยู่กับผลประกอบการและทิศทางภูมิภาคเหมือนเดิม หลังจากวานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว อีกทั้งวันนี้จะเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์นี้ ถ้าไม่ได้มีปัจจัยชี้นำเพิ่มเติม ทั้งภูมิภาคและตลาดหุ้นไทยก็อาจจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนี้ก่อน
"ยังไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้หลุด 700 จุด และก็ยังไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้ ขึ้นไปถึง 730-740 จึงคาดว่าการเคลื่อนไหวภายใต้ภาวะที่ตลาดไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่และยังคงอิงอยู่กับเรื่องผลประกอบการ ก็จะทำให้เคลื่อนไหวเป็นกรอบ sideway ถ้า sideway กรอบใหญ่ไม่เกิน 740 จุด กรอบด้านล่างไม่เกิน 700 จุด แต่ถ้ากรอบแคบลงมาก็จะอยู่ประมาณ 715-730 จุด" นางวิริยา กล่าว
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.คาดว่าจะสามารถสรุปต้นตอแหล่งข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล ได้ภายในสัปดาห์นี้ จากการที่รัฐบาลได้เร่งให้มีการสืบหาเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด ซึ่งใน 1-2 วันนี้ ทางก.ล.ต.จะมีการประสานงานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เพื่อร่วมกันสืบหาข้อมูลในเชิงลึกต่อไป หลังจากที่ข่าวลือนั้นทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นนั้นมีความเคลื่อนไหวเร็วกับข่าวลือที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ต้องยอมรับข่าวลือจากห้องค้านั้นมีออกมาจำนวนมากและหลายเรื่อง แต่ข่าวลือที่ออกมานั้นเป็นข่าวที่ไม่เป็นมงคลจึงจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลให้มีความเข้มงวดมากข้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสันติบาลได้มีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาแหล่งต้นตอ โดยเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลอ
“ตั้งแต่มีการปล่อยข่าวลือจากห้องค้า ทางก.ล.ต.ได้มีการตรวจสอบทันที โดยไม่ได้ปล่อยให้นิ่งนอนใจ ซึ่งทางรัฐบาลก็เร่งให้มีการสืบหาต้นตอในการปล่อยข่วลือที่ไม่เป็นมงคลให้เร็วที่สุด จึงคาดว่าภายในสัปาดห์นี้น่าจะทราบต้นตอข่าวลือได้ และส่งข้อมูลต่อให้ทางรัฐบาลต่อไป
**ก.ล.ต.นัดชี้แจงความคืบหน้าวันนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (22ต.ค.) สำนักงานก.ล.ต. ได้เชิญสื่อมวลชนมาร่วมรับฟังความคืบหน้าในการดำเนินงานของก.ล.ต. ที่สำนักงานใหญ่ โดยจะมีการพูดถึงแนวทางการพิจารณาการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 241 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ในเรื่องการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน พร้อมกับการแถลงความคืบหน้าการตรวจสอบข่าวลือที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
**"กรณ์" เผยไม่พบปั่นหุ้น
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบต้นตอการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนว่า ขณะนี้สำนักงานก.ล.ต.อยู่ระหว่างการประสานงานกับตำรวจสันติบาล เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต้นตอของผู้ที่ปล่อยข่าวลือ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ไม่ใช่เป็นลักษณะการปั่นหุ้น แต่มีข้อสังเกตว่าข้อมูลที่ได้มา มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ต้องเร่งทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ว่าใครก็ตามหรือแม้แต่การสร้างสถานการณ์ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือผู้กระทำการเผยแพร่ข่าวลือ เรื่องดังกล่าวต้องมีจุดยืนชัดเจนว่า และจะดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
"ก.ล.ต.ขอเวลามา 1 เดือนนั้น คงไม่ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เพราะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเป็นวินาทีต่อวินาที ถือว่าอ่อนไหวมากกว่าราคาสินค้าอื่นๆ ซึ่งเราตั้งสติ เพราะที่สุดแล้วจะสะท้อนถึงจำนวนนักลงทุนระยะสั้นในตลาดที่มีมาก ทำให้อ่อนไหวต่อข่าวลือต่างๆได้ง่าย ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังน้อยจากสถานการณ์การเมือง จึงต้องเป็นประเด็นที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะไม่ต้องการให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์จากความอ่อนไหวต่อข่าวต่างๆ ”นายกรณ์กล่าว
ขณะเดียวกัน รมว.คลังยอมรับว่า การเทขายหุ้นออกมาจำนวนมากของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะในวันที่ 2 ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงติดต่อกันนั้น เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ในประเด็นที่มาที่ไปของข่าวลือว่าจะกระทบต่อการลงทุนอย่างไร ซึ่งจะเป็นการสะท้อนโครงสร้างของนักลงทุนในตลาดหุ้น เพราะนักลงทุนสถาบันถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความรู้ที่จะวิเคราะห์การลงทุนได้ดี
สำหรับการออกมาตั้งข้อสังเกตของวุฒิสภา (ส.ว.) ว่ามีรายชื่อ ย. และ ว. ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวลือนั้น นายกรณ์กล่าวว่า ก.ล.ต.จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อมูลเบื้องต้นที่มีว่าเป็นอย่างไร และเสนอมาภายในสัปดาห์นี้ เพื่อจะได้ชี้แจงต่อ ส.ว.ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้
**หุ้นไทยลดลงไร้ปัจจัยหนุน
ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21ต.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 716.35 จุด ลดลง 9.25 จุด หรือ -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 20,583 ล้านบาท ทั้งนี้ หุ้นไทยค่อนข้างผันผวนโดยช่วงเช้ารีบาวน์ด้วยเรื่องราคาน้ำมันและผลประกอบการหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน แต่พอช่วงบ่ายตลาดภูมิภาคและยุโรปส่วนใหญ่อยู่ทางอ่อนลงทำให้หุ้นไทยลงมาอยู่แดนลบด้วย ทำให้การซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีเคลื่อนตัวในกรอบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยระหว่างขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 729.38 จุด และต่ำสุดที่ 715.57 จุด
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน ภายใต้ภาวะที่ตลาดมี 2 ปัจจัยเข้ามา โดยปัจจัยที่ทำให้ช่วงเช้าดัชนีรีบาวน์คือระดับราคาน้ำมันและผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน จากนั้นช่วงบ่ายตลาดภูมิภาคที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาดยุโรปที่เปิดทำการ จึงทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นไปติดกรอบแนวต้าน 730 จุด
ดังนั้นวันนี้ (22ต.ค.) คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 710-730 จุด โดยเป็นแนวโน้มของการแกว่งตัวที่อิงอยู่กับผลประกอบการและทิศทางภูมิภาคเหมือนเดิม หลังจากวานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว อีกทั้งวันนี้จะเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์นี้ ถ้าไม่ได้มีปัจจัยชี้นำเพิ่มเติม ทั้งภูมิภาคและตลาดหุ้นไทยก็อาจจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนี้ก่อน
"ยังไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้หลุด 700 จุด และก็ยังไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้ ขึ้นไปถึง 730-740 จึงคาดว่าการเคลื่อนไหวภายใต้ภาวะที่ตลาดไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่และยังคงอิงอยู่กับเรื่องผลประกอบการ ก็จะทำให้เคลื่อนไหวเป็นกรอบ sideway ถ้า sideway กรอบใหญ่ไม่เกิน 740 จุด กรอบด้านล่างไม่เกิน 700 จุด แต่ถ้ากรอบแคบลงมาก็จะอยู่ประมาณ 715-730 จุด" นางวิริยา กล่าว