xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณ บิ๊กจิ๋ว อาจจะโกงชาติ หรือ ขายชาติ สื่อมวลชนจะร่วมกันรักษาชาติอย่างไร ?

เผยแพร่:   โดย: ไทยทน

โดย...ไทยทน
เป็นเรื่องที่หลายคนต้องเศร้าใจ เมื่อเห็นอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หนีคดี หนีคุก ดูเหมือนไม่พร้อมจะสู้คดีด้วยหลักฐานและความจริงอีกแล้ว แต่ใช้วิธีเอาประชาชนและประเทศชาติเป็นตัวประกัน สร้างกลุ่มคนมาปกป้องตนด้วยความ “ไม่ให้รู้” ความจริง

และกลับต้องเห็นอดีตนายกฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อีกคนที่เดินทางไปกัมพูชา ไม่แน่ใจว่าจะไปเจรจาอะไร กลับมาปกป้องนักโทษอาญาหนีคุก และยุยงให้ผู้นำต่างชาติไม่ให้เกียรติประเทศไทย

ไทยทนคิดว่า คนส่วนใหญ่แม้เมื่อเห็นเช่นนั้น จะรู้สึกเสียใจ แต่ก็ไม่ถึงกับแปลกใจโดยข้อสังเกต ดังนี้

1.การร่วมมือกันทุบค่าเงินบาทโกงชาติมาตั้งแต่ยุควิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 โดยมีหลักฐานอ้างอิงทำให้เชื่อเช่นนั้นได้ ดังนี้

*นายเสนาะ เทียนทอง อดีตเลขาธิการ พรรค ทรท. กล่าวบนเวทีพันธมิตรช่วงต้นปี 2549 ว่า “เพราะรวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเผาเมืองเพื่อเอาประกัน มีการไตร่ตรองและวางแผนไว้ก่อนทุกขั้นทุกตอน" และ กล่าวอีกว่า “วันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กับประธานรัฐสภาที่เพิ่งหมดวาระไป ไปหาหัวหน้าจิ๋ว คุยกุ๊กกิ๊กอะไรตนไม่รู้ แล้วในที่สุดให้ นายทนง พิทยะ มาเป็น รมว.คลัง เข้ามาไม่กี่วันก็ลอยตัวค่าเงินบาท จาก 26 บาท ขึ้นเป็น 50 บาท พี่น้องคนไทยเจ๊งเป็นเอ็นพีแอลทั้งประเทศ พอเสร็จภารกิจก็ลาออกเลย มาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งย่อมเชื่อถือได้ เพราะเป็นคนขายหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้ทักษิณ 500 ล้านบาท และเท่าที่พูดเป็นหลักฐานชัดเจนมากมาย ทักษิณก็ไม่เคยกล้าฟ้องหมิ่นประมาท

*โดยหากย้อนประวัติศาสตร์ไปช่วงกลางปี 2540 รัฐบาลชวลิตได้มีแนวทางให้ต่อสู้ค่าเงินบาทด้วยการเข้าไปทำสัญญาสว็อปค่าเงินมากมาย มีตลาดเงินบาท 2 ตลาดซึ่งห่างกันมาก เปิดช่องให้คนทำกำไรได้มาก เศรษฐกิจทั่วไปก็ทรุดลงมาก แต่ระหว่างนั้น ทักษิณให้การสนับสนุนมาโดยตลอดเพื่อพยายามให้รัฐบาลยืนอยู่ได้

*วันที่ 21 มิถุนายน 2540 ได้ให้นายทนง พิทยะ (อดีตกรรมการกลุ่มชินฯ ผู้ดูแลกิจการการเงิน และกลับมาเป็นรัฐมนตรีคลังของตนอีกครั้งในรัฐบาลทักษิณสมัยแรกช่วงปลาย) เป็น รมว.คลัง

*วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ลอยตัวค่าเงินบาท หลังจากที่ทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ ลดลงจาก 38.7 ล้านเหรียญปลายปี 2539 เหลือสุทธิเพียงประมาณ 7 พันล้านเหรียญในช่วงเดือนมิถุนายน 2540 เท่านั้น

*วันที่ 14 สิหาคม 2540 รัฐบาลชวลิต ลงนามในสัญญา LOI ฉบับที่ 1 กับ IMF

*วันที่ 15 สิงหาคม 2540 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี

*วันที่ 8 พฤศจิกายน 2540 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี

การทำให้ประเทศถึงขั้นวิกฤต โดยเฉพาะขาดทุนจากการทำสัญญาสว็อป ทำให้ประเทศต้องขาดทุนเป็นแสนล้านบาท แต่ใช้กองทุนลับในต่างประเทศ เช่น วินมาร์ค ทำกำไรส่วนตัวก็คือ การ “โกงชาติ” จนแทบจะถึงขั้น “ล้นชาติ” นั่นเอง

2.การเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบช่วงนี้ เพราะคดีจวนตัว โดยมีหลักฐานที่ไทยทนได้ติดตามว่า กลุ่มครอบครัวทักษิณ ได้ให้การด้วยหลักฐานที่อ่อน และไม่น่าเช่อถือ จนทำให้เชื่อได้ว่า บรรดาหุ้นที่โอนไปเก็บในชื่อลูกๆ คนใกล้ชิด และกองทุนลับต่างประเทศนั้น เป็นเพียงการถือหุ้นแทนแบบโนมินี และเมื่อจบภารกิจ ก็นำกลับมาเป็นของตัว ดังนี้

*นายพานทองแท้ ได้รับโอนหุ้นมูลค่า 733.95 ล้าน จากพ่อแม่ โดยทำตั๋วสัญญาใช้เงิน ในวันที่ 1 กันยายน 2543 ต้องทำตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มพิเศษอีก 4,500 ล้านบาท ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2543 เพียง 1 วัน ก่อนวันโอนหุ้น ซึ่งในอดีตช่วงที่ คตส. ได้ติดตามข้อมูล ไม่เคยบอกได้ว่าเป็นภาระหนี้ค่าอะไร ? มีที่มาอย่างไร ? ซึ่งภาระหนี้ดังกล่าว เป็นช่องทางในการจ่ายคืนเงินปันผลกลับมาให้คุณหญิงพจมาน

*และเมื่อให้การต่อศาลในครั้งนี้ จึงได้เปิดเผยว่า เป็นค่าหุ้นธนาคารทหารไทย 4,500 ล้านบาท (และเมื่อรวมกับค่าหุ้นชินคอร์ปฯ จากแม่ หุ้นชินแซทฯ และ ไอเอฟซีทีด้วย เป็นมูลค่ารวมประมาณ 5,056 ล้านบาท ซึ่งหากดูข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์ จะพบว่าเป็นการให้การเท็จ เพราะมีหุ้นธนาคารทหารไทยเพียง 150 ล้านหุ้น หากดูราคาตลาด ราคาหุ้น TMB อยู่ที่ประมาณ 5.60 – 6.00 บาทเท่านั้น และหากจะนำเอาใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ TMB-C1 มารวม โดยอ้างสิทธิ์ที่ 2 TMB-C1 ต่อ 1 TMB ก็จะมีอย่างมากอีก 300 ล้านหน่วย หากคิดที่ 10 บาท ก็จะทำให้รวมได้ 4,500 ล้านบาท แต่ความจริง TMB-C1 นั้นเป็น “ของฟรี” ที่แม่ได้มาเปล่าๆ พร้อมหุ้น และมีราคาตลาดเพียง 1.20-1.40 บาทเท่านั้น คิดเป็นมูลค่าอย่างมาก 360-420 ล้านบาท แต่นายพานทองแท้กับใช้อ้างว่าซื้อจากแม่ที่มูลค่า 3,000 ล้านบาท

*หากพิจารณาราคาตลาดรวมก็มีค่าเพียง 1,200-1,320 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 4,500 ล้านบาท ทำไมนายพานทองแท้ ต้องซื้อ TMB ที่ราคาหุ้นละ 10 บาท ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ TMB-C1 ในราคาหน่วยละ 10 บาท เป็นเงินรวม 4,500 ล้านบาท ? นายพานทองท้ ได้ตัดสินใจเองเยี่ยงผู้บรรลุนิติภาวะได้จริงหรือ? รู้เรื่องจริงหรือ?

*หลักฐานชี้ชัดเช่นนี้ ก็ทำให้เห็นความจริงว่า อีกหลายคนในครอบครัวที่ให้การก็อาจเป็นความเท็จ ลูกสาวพินทองทา ได้รับเงินสำหรับรับโอนหุ้น 370 ล้านบาท ในช่วงวันเกิด อ้างว่าเป็นวันเกิดพิเศษ... ทำไม 370 ล้านบาท ? ด้วยใกล้เคียงกับยอดซื้อหุ้นจากพี่ชายจำนวน 367 ล้านบาทพอดี ? ไม่ใช่ 300 ล้านบาท ไม่ใช่ 400 ล้านบาท ซึ่งเมื่อซื้อแล้ว พิณทองทาจึงถือหุ้น 367,000,000 หุ้น และ พานทองแท้ถือหุ้น 366,950,220 ล้านหุ้น คือแบ่งหุ้นกันได้ 50.003% : 49.997% พอดีๆ

*ทำไมมีรางวัลพิเศษ 370 ล้านบาท เมื่อครบ 20 ปี หากไม่ใช่เพื่อการปรับโครงสร้างการถือหุ้นแทน ต้องถามว่า เมื่อพานองแท้อายุครบ 20 ปี หรือ แพทองธารอายุครบ 20 ปี ได้รับของขวัญวันเกิดพอๆ กันหรือไม่ ? หรือหากไม่ใช่ ก็คงเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นแทนเท่านั้นใช่หรือไม่ ?

*หากบอกว่าเป็นความสุจริตใจ แบ่งหุ้นเท่าๆ กันในฐานะพี่น้อง ทำไมพานทองแท้ไม่ขายหุ้นให้น้องแพทองธารด้วย ? หากจะอธิบายว่า “ไม่ได้ เพราะจะทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่สามารถดำรงตำแน่งนายกรัฐมนตรีได้ เพราะต้องนับหุ้นที่เป็นของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย” ก็ต้องตั้งคำถามต่อว่า ถ้าไม่ใช่การถือแทนกัน และเป็นความจริงใจของพี่น้องที่ต้องการแบ่งเท่ากัน ทำไม แม้เมื่อขายไปแล้ว ไม่แบ่งให้น้องด้วย ด้วยหากเป็นเงิน โอนแบ่งให้น้องก็ไม่มีปัญหาต่อการดำรงตำแหน่งของบิดาแต่อย่างใด หรือเพราะเมื่อโอนไปที่ต่างๆ เช่น ปะไหมสุหรี ซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อเหมืองเพชร แล้ว ก็บรรลุภารกิจการถือหุ้นแทนบิดาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว หลังจากนั้นไม่มีภารกิจอีก จึงไม่ต้องแบ่งให้น้องใช่หรือไม่ ?

*นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ได้หุ้นมาโดยไม่มีหลักฐานการชำระเงินด้วยเงินของตนเองเลย โดยมีตัวอย่างหนี้จำนวน 102,135,225 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนหุ้น SHIN เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2542 เป็นเงินที่คุณหญิงพจมาน เป็นผู้ออกเงินชำระทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งนายบรรณพจน์อ้างว่าป็นเงินกู้เพื่อซื้อหุ้นเป็นของตน แต่แปลกที่นายบรรณพจน์มีเงินเข้าบัญชีหลายสิบล้านบาท ก็มิได้คืนเงินเลย แม้เศษๆ 135,225 บาทก็ไม่ได้คืนนานถึง 3-4 ปีด้วยเงินของตนเอง รอจนรับปันผลหุ้น SHIN จึงนำมาชำระคืน ซึ่งหากวัดฐานะจากหุ้นที่ว่าโอนจริง ต้องถือว่าร่ำรวยกว่าคุณหญิงพจมานผู้ปล่อยกู้มากมายแล้ว

*น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ค้างหนี้เพียง 20 ล้นบาท โดยมิได้คืนงินเลย เป็นเวลา 3-4 ปี ทั้งที่ก็มีเงินไม่น้อย แล้วจึงทยอยชำระด้วยปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่ได้รับโอนนั้น โดยไม่ใช้เงินของตนเองเลยเช่นกัน

*วินมาร์คเป็นใคร ? ทำไมซื้อหุ้นจากท่าน 5-6 บริษัท และขายคืนให้ลูกสาวท่าน 4 ปีให้หลัง ที่ราคาพาร์ทุกบริษัท ทุกเวลา เป็นที่ซ่อนเงินสำหรับฟอกของท่านใช่หรือไม่ ?

3.แม้ว-บิกจิ๋ว-ฮุนเซน กำลังอยู่ในกระบวนการ “ยึดชาติ” หรือไม่ ? หากดูพฤติกรรม

*การทุบเงินบาท ทำกำไรสว็อป โดยให้ ธปท.ขาดทุนมหาศาล

*การเปลี่ยนสัญญาสัมปทาน ลดส่วนแบงรายได้ ทำกำไรจากการเสียประโยชน์ขององค์กรภาครัฐ

การยอมยกพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร ก็อาจเป็นการเอาเอกราชบนผืนแผ่นดินไทยไปค้าขายส่วนตัวอีกก็ได้
ตามพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยาแตกทุกครั้ง ก็ด้วยมีความแตกแยก และในพงศาวดารจีน กระบวการหยิบยืมกองทัพ เพื่อโจมตีเมืองบางเมืองนั้น ก็บันทึกสืบต่อกันมา เราคนไทยผู้รักชาติจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไปหรือ ?

สื่อมวลชนเป็นอาชีพที่มีศักดิ์ศรี และมีคุณค่า ไทยทนเคารพในความเป็นกลาง ที่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่คงไม่ต้องให้ความเป็นธรรมในการถ่ายทอด “ความเท็จ”

...ระบอบทักษิณยังพยายามบอกว่า ที่ต้องหนีไปเป็นคดีการเมืองถูกกลั่นแกลง ทั้งที่เป็นคดีอาญา

...ทักษิณ-กลุ่มคนเสื้อแดงสร้างภาพว่าสนับสนุนชุมนุม แต่ทักษิณ-บิ๊กจ๋ว ดูจะมีความพยายามที่จะลอบบี้ให้ฮุนเซนไม่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพ หลังล้มการประชุมอาเซียนเดือนเมษายน นายอริสมันต์ขึ้นเวทีเสื้อแดงเยี่ยงวีรบุรุษ กล่าวว่าเมื่อทราบว่างานนี้ต้องการคนกล้า จึงอาสาทันที ! การทำลายชาติในหลายๆ ด้านเพื่อปกป้องคนทำผิดปล้นชาติโกงชาติเช่นนี้ ยังเห็นผ่านสื่อจนผู้รับสื่อเห็นราวกับว่าเป็นความชอบธรรม ภาพการยุยงของทักษิณที่ว่า “วันใดเสียงปืนแตก ก็จะบินเข้ามา” แต่ก่อนป่วนเมือง ครอบครัวบินออกไปก่อนราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไร ก็ถูกปล่อยให้ลืม และทำให้การให้ข้อความเท็จเพื่อป่วนบ้านเมืองยังคงอยู่ต่อไป

ไทยทนอยากชวนให้ชาวสื่อสารมวลชนร่วมกันทบทวนว่า “ทักษิณ บิ๊กจิ๋ว อาจจะโกงชาติ หรือ ขายชาติ สื่อมวลชนจะร่วมกันรักษาชาติอย่างไร ?” ด้วยความเคารพในจิตวิญญาณสื่อมวลชนไทยผู้รักชาติครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น