บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่วงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทของ บริษัท เจริญ
โภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่ระดับ A+ พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ A+
โดยแนวโน้มยังคง Stable หรือ คงที่ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม การมีสินค้าและตลาดรองรับที่
หลากหลาย การลงทุนในต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมบริโภคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งการให้
อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความเสี่ยงต่อ
โรคระบาดต่างๆ
แนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพผู้นำในธุรกิจเกษตรอาหารที่มี
การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การตัดสินใจนำตราสัญลักษณ์ CP มาใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทนับว่ามีความสำคัญในเชิง
กลยุทธ์และน่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าพื้นฐานของบริษัทได้บางส่วน
โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ CPF มีรายได้จากธุรกิจฟาร์ม 47% ของยอดขายรวม รองลงมาเป็นอาหารสัตว์ 34% และอาหารพร้อมบริโภค 19% เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสร้างเสถียรภาพกระแสเงินสด จึงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกภายใต้ตราสัญลักษณ์ CP ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนรายได้จากอาหาร
พร้อมบริโภคให้เป็น 1 ใน 3 ของยอดขายรวมภายใน 5 ปีข้างหน้าและลดรายได้จากธุรกิจฟาร์มลง พร้อมกับขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศครึ่งแรกปีนี้เพิ่มเป็น16.7%
ทริสฯ กล่าวว่าฐานะการเงินของ CPF ยังคงแข็งแกร่ง โดยช่วง 6 เดือนแรกปี 52 มียอดขาย 75,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากช่วง
เดียวกันของปี 51 ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,964 ล้านบาทสูงขึ้นถึง 176% จากการฟื้นตัวของธุรกิจกลุ่มสัตว์น้ำทั้งในและต่างประเทศเป็นสำคัญ
โดยต้นทุนวัตถุดิบธัญพืชและน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับสินค้าที่มี
มูลค่าเพิ่มก็มีส่วนหนุนให้มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จะใช้จ่ายชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและ
ขยายธุรกิจ ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 45.40% ในเดือนมิ.ย. 52 เป็น 46%-50% ณ สิ้นปี 52
โภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่ระดับ A+ พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ A+
โดยแนวโน้มยังคง Stable หรือ คงที่ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม การมีสินค้าและตลาดรองรับที่
หลากหลาย การลงทุนในต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมบริโภคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งการให้
อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความเสี่ยงต่อ
โรคระบาดต่างๆ
แนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพผู้นำในธุรกิจเกษตรอาหารที่มี
การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การตัดสินใจนำตราสัญลักษณ์ CP มาใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทนับว่ามีความสำคัญในเชิง
กลยุทธ์และน่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าพื้นฐานของบริษัทได้บางส่วน
โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ CPF มีรายได้จากธุรกิจฟาร์ม 47% ของยอดขายรวม รองลงมาเป็นอาหารสัตว์ 34% และอาหารพร้อมบริโภค 19% เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสร้างเสถียรภาพกระแสเงินสด จึงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกภายใต้ตราสัญลักษณ์ CP ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนรายได้จากอาหาร
พร้อมบริโภคให้เป็น 1 ใน 3 ของยอดขายรวมภายใน 5 ปีข้างหน้าและลดรายได้จากธุรกิจฟาร์มลง พร้อมกับขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศครึ่งแรกปีนี้เพิ่มเป็น16.7%
ทริสฯ กล่าวว่าฐานะการเงินของ CPF ยังคงแข็งแกร่ง โดยช่วง 6 เดือนแรกปี 52 มียอดขาย 75,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากช่วง
เดียวกันของปี 51 ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,964 ล้านบาทสูงขึ้นถึง 176% จากการฟื้นตัวของธุรกิจกลุ่มสัตว์น้ำทั้งในและต่างประเทศเป็นสำคัญ
โดยต้นทุนวัตถุดิบธัญพืชและน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับสินค้าที่มี
มูลค่าเพิ่มก็มีส่วนหนุนให้มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จะใช้จ่ายชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและ
ขยายธุรกิจ ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 45.40% ในเดือนมิ.ย. 52 เป็น 46%-50% ณ สิ้นปี 52
