xs
xsm
sm
md
lg

"เถ้าแก่น้อย"เล็งเข้าตลาด นำเงินขยายงาน-แตกไลน์ธุรกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – " เถ้าแก่น้อย " เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอีก 3-5 ปีข้างหน้า หวังระดมทุนขยายแบรนด์มากขึ้น ผู้บริหารเผยปี 53 เตรียมแตกไลน์ธุรกิจ ประเดิมปีหน้าเปิดร้านอาหารเถ้าแก่น้อยเดอะเมนู-เชอปเถ้าแก่น้อยแลนด์ ดันรายได้แตะ 2พันล้าน

นายอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน โดยบริษัทจะทยอยเพิ่มทุนเพื่อให้สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 40-50 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 10 ล้านบาท

สำหรับเงินที่ได้จากการะดมทุนบริษัทจะนำไปเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ภายใต้แบรนด์เถ้าแก่น้อยมากขึ้น และบริษัทมีแผนปรับเป้าเหมายการทำธุรกิจใหม่จากจำหน่ายอาหารทานเล่นเป็นขนมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มธุรกิจใหม่ในโปรเจ็กต์ชอปเถ้าแก่น้อยแลนด์ ซึ่งจะเปิด 30 สาขา จากปีนี้ที่มี 10 สาขา และร้านอาหารเถ้าแก่น้อยเดอะเมนู ซึ่งการเปิดร้านดังกล่าวจะช่วยทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทคาดรายได้ปี 2553 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากปีหน้าบริษัทจะมีการทำการตลาดต่อเนื่องจากปีนี้ โดยคาดจะใช้งบทำการตลาด 50-60 ล้านบาท และบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าไปต่างประเทศมากขึ้น เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้น( มาร์จิ้น ) ที่สูงกว่าการขายในประเทศถึง 1 เท่าตัว โดยปีหน้าบริษัทจะส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ จีน ใต้หวัน จากปัจจุบันที่บริษัทมีสัดส่วนการส่งออก 30% ของรายได้รวมซึ่งส่วนเป็นประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป อเมริกา บรูไน และแคนาดา

" ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเราจะระดมเงินจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวนเท่าไร เพราะขึ้นอยู่กับมูลค่าของบริษัทในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าด้วยแต่เราอยากได้เม็ดเงินมากที่สุด เพื่อที่จะนำไปขยายแบรนด์สินค้า แตกไลน์ธุรกิจให้มากขึ้น " นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตสาหร่ายอีก 5 แสนแผ่นต่อวัน จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 1 ล้านแผ่นต่อวัน โดยบริษัทจะสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างปีหน้า และแล้วเสร็จในปี 2554 ซึ่งจะใช้งบลงทุนประมาณ 80-90 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น