คำแนะนำ : ซื้อเก็งกำไร Fair Value ’52 (Bt) : 21.50 Closed Price (Bt) 23.30 Down-side Risk : 7.73% Dividend Yield 52F : 4.72%
- คาดกำไรสุทธิ 3Q52 อยู่ที่ 1,782 ล้านบาท ลดลง 58%qoq เป็นการปรับตัวลดลงของค่าการกลั่น และส่วนต่างราคาปิโตรเคมี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลักอย่างพาราไซลีน
- การรับรู้กำไรพิเศษจากสัญญาป้องกันความเสี่ยง และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่มากเหมือน 2Q52 ที่ผ่านมา
- คาดกำไรสุทธิ 4Q52 อ่อนตัวต่อเนื่องจากส่วนต่างปิโตรเคมีที่มีแนวโน้มลดลง
- ความไม่ชัดเจนจากกรณีมาบตาพุด กระทบแผนการควบรวมกิจการของ PTTAR
- ยังคงมีความผันผวนจากประเด็นมาบตาพุด แผนการควบรวมกิจการ รวมทั้งผลการดำเนินงานใน 4Q52 ทำให้เราให้น้ำหนักการลงทุนเป็นเพียง ซื้อเก็งกำไร เท่านั้น
คาดกำไร 3Q52 อยู่ที่ 1,782 ล้านบาท ลดลง 58%qoq จากการอ่อนตัวลดลงของค่าการกลั่น และส่วนต่างราคาปิโตรเคมี
แม้จะมีสัญญาณของการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก แต่ด้วยปริมาณสต๊อกน้ำมันสำเร็จทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยกดดันค่าการกลั่นของธุรกิจโรงกลั่น โดยค่าการกลั่นตลาดสิงค์โปร์ 3Q52 ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 3.2 เหรียญต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงกลั่นของ PTTAR ใน 3Q52 ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. 2552 ไม่เปลี่ยนแปลงมากเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในเดือนสุดท้ายของ 2Q52 ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันไม่มากเหมือน 2Q52 ที่ผ่านมา
ด้านธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลดลงจาก 2Q52 ที่ผ่านมา แม้ว่าส่วนต่างราคาเบนซีนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ส่วนส่วนต่างราคาพาราไซลีนปรับตัวลดลงมาก อีกทั้งกำลังการผลิตพาราไซลีนเป็นกำลังการผลิตหลักของ PTTAR นอกจากนี้รายการพิเศษที่เกิดจากกำไรจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงรวมทั้งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 3Q52 มีแนวโน้มลดลงทุกรายการ
จากภาพรวมธุรกิจทั้งหมด ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,782 ล้านบาท ลดลง 58%qoq แต่ยังคงดีกว่าเมื่อเทียบกับผลขาดทุนใน 3Q51 เนื่องจากช่วงดังกล่าวบริษัทมีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงรุนแรง
คาด 4Q52 กำไรอ่อนตัวต่อเนื่อง แม้ธุรกิจโรงกลั่นจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน
คาดผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปี 52 ธุรกิจโรงกลั่นจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจากทิศทางของราคาน้ำมันที่เราคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 4Q52 (เราใช้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยใน 4Q52 อยู่ที่ 72 เหรียญต่อบาร์เรล) แต่เรายังเชื่อว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะยังคงอ่อนตัวลดลง แม้เราคาดว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวจากปัจจุบัน (ปัจจุบันค่าการกลั่นมีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1 – 1.5 เหรียญต่อบาร์เรล) จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แต่ปริมาณสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นแรงกดดันการฟื้นตัวของค่าการกลั่น
นอกจากนี้ปัจจัยลบจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอ่อนตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะส่วนต่างราคาพาราไซลีนซึ่งปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 285 เหรียญต่อตัน ลดลงจาก 2Q52 กว่า 32% ขณะที่ส่วนต่างราคาเบนซีนอยู่ที่ระดับ 170 เหรียญต่อตัน ลดลง 28%qoq
ธุรกิจยังมีความผัวผวน รวมทั้งยังไม่ชัดเจนจากกรณีมาบตาพุต ทำให้เรายังคงคำแนะนำเป็นเพียง ซื้อเก็งกำไร
การลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ยังคงต้องมีความระมัดระวังสูง เนื่องจากยังคงมีความผันผวนสูงจากสัญญาณของการฟื้นตัวของความต้องการใช้ที่ไม่ชัดเจน แต่อุปทานใหม่มีการทยอยเข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีมาบตาพุต เป็นปัจจัยกระทบจิตวิทยาการลงทุนรวมทั้งกระทบโครงการควบรวมกิจการ ซึ่ง PTTAR เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่เราคาดหมายจะเข้าควบรวมกิจการกับ IRPC เป็นกลุ่มแรก ทำให้เรายังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้น PTTAR เป็นเพียง ซื้อเก็งกำไร
วิริยา ลาภพรหมรัตน/research@kks.co.th