นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง 3 ยุทธศาตร์ทางการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ 1.ใช้สังคมโลกปิดล้อมประเทศไทย 2. ต่อรองกับสถาบันเบื้องสูง และ3. ล้มล้างรัฐบาลประชาธิปัตย์
ทั้งนี้การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มแนวร่วมพรรคเพื่อไทย รวมทั้งอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ออกมาวิจารณ์และโจมตีนายกรัฐมตรี ที่กล่าวแนะนำสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งกล่าวพาดพิงถึงระบบยุติธรรมไทยว่า พรรคประชาธิปัตย์ประเมินแล้วว่าต้องมีแนวทางปฏิบัติ 3 แนวทาง คือ 1. จะมีการขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา ผ่านกลุ่มเครื่อข่ายแนวร่วมต่าง ๆ ที่เป็นกลุ่มพลังมวลชนทั้งบนดินและใต้ดิน ซึ่งกลุ่มบนดินก็คือ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ชมรมแท็กซี่ ส่วนกลุ่มใต้ดินที่อาจเคลื่อนไหวผ่านนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. และนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำนปก. รุ่นแรก
2. การต่อต้านและขัดขวางงานในสภา โดยมีความพยายามจะดิสเครดิตและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นงานในสภา เพื่อไม่ให้เดินไปได้ เห็นได้จาการที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้บรรจุกระทู้ถามสด ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันองคมนตรี เพื่อใช้เครื่องมือสภา จาบจ้วงองคมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด และคาดว่าจะมีการสอดประสานรับลูกกันอย่างเข้มข้นมากขึ้นในเครื่อข่ายฝั่งตรงข้าม และ 3. การดึงวงล้อมยุทธศาสตร์ปิดล้อมประเทศไทยโดยนานาชาติโดยผ่านประเทศเพื่อนบ้าน โดยการใช้การสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ซึ่งรัฐบาลคาดการณ์ไว้แล้ว และจะไม่ประมาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมวอร์รูมของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการวิเคราะห์ว่าจากนี้ไป พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวก จะมีการเคลื่อนไหวหนักข้อมากขึ้น จาก 3 ยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดย พ.ต.ท.ทักษิณและพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเป็นตัวหลักในการเคลื่อนไหวนอกประเทศ จากยุทธศาสตร์โลกล้อมไทย โดยประสานกำลังกับการเคลื่อนไหวภายในสภา จากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. ที่จะรับผิดชอบเกมการเตลื่อนไหวนอกสภาในประเทศ เพื่อเป้าหมายคือ การปลุกระดมมวลชนให้มากดดันให้เอารัฐธรรมนูญปี 40 กลับมา เพื่อเป้าหมายเดียวคือช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ คืนสู่อำนาจ หากยุทธศาสตร์ดังกล่าวทำได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวคิดที่จะนำเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวพันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับธุรกิจในประเทศกัมพูชามาตีแผ่นั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่สื่อมวลชนรายงานไปล้วนมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้สังคมเห็น และเชื่อถืออยู่แล้ว ดังนั้นการที่พรรคประชาธิปัตย์จะนำมาแสดง หรือแสดงความเห็นอะไรออกไป อาจจะต้องระวัง เพราะปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ขณะที่บางคนเสนอว่า ควรจะเก็บ ข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ก่อน เผื่อใช้ประโยชน์ใช้ในวันข้างหน้า โดยประเมินว่าฝ่ายค้านอาจจะมีการตั้งกระทู้ถามสดในสภา ซึ่งก็อาจจะมีการใช้ข้อมูลนี้ไปตอบในสภาด้วย หรืออาจจะใช้วิธีนำข้อมูลที่มีให้สื่อวลชนนำไปเสนอต่อสาธารณชนต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป
**เล็งตรวจสอบ sms แม้ว
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะส่งข้อความ (sms) ขอบคุณแฟนคลับว่า ตนยังไม่เห็น ก็คงต้องมาดูว่า เป็นการส่งมาจากใคร ผ่านใคร และข้อความเป็นอย่างไร และคงยังไม่ถึงกับต้องออกระเบียบมาห้าม ซึ่ง sms ก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง แต่ธุรกิจอย่างนี้ก็ต้องดูว่ามีผลกระทบอย่างอื่นหรือไม่ โดยเฉพาะข้อความที่ส่งมา ยืนยันเราไม่ได้ละเลย ซึ่งการประชาสัมพันธ์เชิงรุกของรัฐบาลก็ต้องทำต่อไป และวิธีนี้ก็คงเป็นช่องทางหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้ ซึ่งรัฐบาลก็มีการตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมด โดยเฉพาะเนื้อหาในพีเพิลชาแนล ขณะนี้ก็มีผู้ร้องเข้ามามากขึ้นว่า มีเนื้อหาในการปลุกระดมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีการบันทึกไว้ตลอดเวลา และคงต้องดูในเรื่องของกฎหมายด้วย เพราะขณะนี้กลายเป็นเรื่องบานปลาย ไม่ใช่การแสดงความเห็นธรรมดา แต่กลายเป็นเรื่องที่พยายามที่จะใช้ข้อมูลหลายเรื่องเป็นเท็จ และพยายามสร้างให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวายภายในประเทศ เราก็ต้องดำเนินการ ก็ไม่เป็นไร อยากส่งก็ให้ส่งมาก่อน จะไปกลัวอะไร ปกติเขาก็ส่งยิ่งกว่า sms อยู่แล้ว
** "แม้ว"ท้า"มาร์ค"แน่จริงยุบสภาเลย
ผู้สื่ข่าวรายงานว่าในวานนี้(26 ต.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ใน Thaksinlive.comโดยระบุว่า "เมื่อคืนนี้มีผู้นำท่านหนึ่งที่ไม่ใช่ท่านฮุนเซ็น โทรมาบ่นว่างานประชุมครั้งนี้เหนื่อยมาก เพราะเจ้าภาพชอบพีอาร์ตัวเองเลยมีพิธีการเยอะไปหน่อย
ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังโพสต์ข้อความตำหนิรัฐบาลโดยระบุว่า "รัฐบาลบอกว่าผมใช้ท่านฮุนเซน ออกมาพูดให้ผม โถผมต้องเจียมตัวครับ สถานะอย่างผมวันนี้ อย่าว่าจะไปใช้ผู้นำประเทศอื่นเลย แม้กระทั่งลูกน้องที่เคยไว้ใจ ลูกน้องที่เอาเงินผมไปใช้ ยังทิ้งผมเลย ผมจะไปใช้ใครได้ มีแต่คนที่เขาทนไม่ได้ต่อความไม่เป็นธรรม ที่ผมถูกรังแกอย่างทุเรศๆ เท่านั้น ที่ออกมาต่อสู้ให้ คนที่ออกมาสู้ให้ผมมีหลายระดับหลายฐานะ และการศึกษา แต่รับรองได้คนเหล่านี้มีจิตใจเป็นธรรมไม่เชื่อลองเข้าไปดูในกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะรู้ความจริงครับ"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังโพสต์ข้อความอีกว่า "เห็นคุณอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมยุบสภาและเลือกตั้งคราวหน้า จะสูสีเพื่อไทย ผมเลยอยากจะขอให้ยุบเลยครับ เพราะตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วครับ"
**"จิ๋ว"เตรียมเปิดใจศุกร์30 ต.ค.นี้
นายวิบูลย์ แช่มชื่น อดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ ในฐานะผอ.หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 30 ต.ค.นี้ หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ได้จัดงาน มหกรรมการเมืองเสริมสร้างประชาธิปไตย ที่ห้องคอนเวนชั่น อาคารห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยรูปแบบจะเป็นการดินเนอร์ทอล์ก และในเวลา 19.30 น. พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ แกนนำพรรคเพื่อไทย จะขึ้นเวทีปราศรัย เปิดใจครั้งแรกถึงสาเหตุ และผลกระทบในการหวนกลับเข้ามาสู่วงการเมือง จากนั้นเวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ จะวีดิโอลิงค์ เข้ามาร่วมงานจะทักทายพูดคุยกับพล.อ.ชวลิต ให้ผู้ที่ร่วมงานฟังด้วย นอกจากนี้ในงานจะมีนักการเมือง แกนนำ นปช.เสื้อแดง ร่วมปราศรัยกันอย่างคับคั่งอาทิ นายนพดล ปัทมะ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้าน 111 น.พ. เหวง โตจิราการ นายอดิศร เพียงเกษ และนายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง เป็นต้น
ทั้งนี้การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มแนวร่วมพรรคเพื่อไทย รวมทั้งอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ออกมาวิจารณ์และโจมตีนายกรัฐมตรี ที่กล่าวแนะนำสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งกล่าวพาดพิงถึงระบบยุติธรรมไทยว่า พรรคประชาธิปัตย์ประเมินแล้วว่าต้องมีแนวทางปฏิบัติ 3 แนวทาง คือ 1. จะมีการขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา ผ่านกลุ่มเครื่อข่ายแนวร่วมต่าง ๆ ที่เป็นกลุ่มพลังมวลชนทั้งบนดินและใต้ดิน ซึ่งกลุ่มบนดินก็คือ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ชมรมแท็กซี่ ส่วนกลุ่มใต้ดินที่อาจเคลื่อนไหวผ่านนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. และนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำนปก. รุ่นแรก
2. การต่อต้านและขัดขวางงานในสภา โดยมีความพยายามจะดิสเครดิตและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นงานในสภา เพื่อไม่ให้เดินไปได้ เห็นได้จาการที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้บรรจุกระทู้ถามสด ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันองคมนตรี เพื่อใช้เครื่องมือสภา จาบจ้วงองคมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด และคาดว่าจะมีการสอดประสานรับลูกกันอย่างเข้มข้นมากขึ้นในเครื่อข่ายฝั่งตรงข้าม และ 3. การดึงวงล้อมยุทธศาสตร์ปิดล้อมประเทศไทยโดยนานาชาติโดยผ่านประเทศเพื่อนบ้าน โดยการใช้การสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ซึ่งรัฐบาลคาดการณ์ไว้แล้ว และจะไม่ประมาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมวอร์รูมของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการวิเคราะห์ว่าจากนี้ไป พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวก จะมีการเคลื่อนไหวหนักข้อมากขึ้น จาก 3 ยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดย พ.ต.ท.ทักษิณและพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเป็นตัวหลักในการเคลื่อนไหวนอกประเทศ จากยุทธศาสตร์โลกล้อมไทย โดยประสานกำลังกับการเคลื่อนไหวภายในสภา จากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. ที่จะรับผิดชอบเกมการเตลื่อนไหวนอกสภาในประเทศ เพื่อเป้าหมายคือ การปลุกระดมมวลชนให้มากดดันให้เอารัฐธรรมนูญปี 40 กลับมา เพื่อเป้าหมายเดียวคือช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ คืนสู่อำนาจ หากยุทธศาสตร์ดังกล่าวทำได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวคิดที่จะนำเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวพันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับธุรกิจในประเทศกัมพูชามาตีแผ่นั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่สื่อมวลชนรายงานไปล้วนมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้สังคมเห็น และเชื่อถืออยู่แล้ว ดังนั้นการที่พรรคประชาธิปัตย์จะนำมาแสดง หรือแสดงความเห็นอะไรออกไป อาจจะต้องระวัง เพราะปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ขณะที่บางคนเสนอว่า ควรจะเก็บ ข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ก่อน เผื่อใช้ประโยชน์ใช้ในวันข้างหน้า โดยประเมินว่าฝ่ายค้านอาจจะมีการตั้งกระทู้ถามสดในสภา ซึ่งก็อาจจะมีการใช้ข้อมูลนี้ไปตอบในสภาด้วย หรืออาจจะใช้วิธีนำข้อมูลที่มีให้สื่อวลชนนำไปเสนอต่อสาธารณชนต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป
**เล็งตรวจสอบ sms แม้ว
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะส่งข้อความ (sms) ขอบคุณแฟนคลับว่า ตนยังไม่เห็น ก็คงต้องมาดูว่า เป็นการส่งมาจากใคร ผ่านใคร และข้อความเป็นอย่างไร และคงยังไม่ถึงกับต้องออกระเบียบมาห้าม ซึ่ง sms ก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง แต่ธุรกิจอย่างนี้ก็ต้องดูว่ามีผลกระทบอย่างอื่นหรือไม่ โดยเฉพาะข้อความที่ส่งมา ยืนยันเราไม่ได้ละเลย ซึ่งการประชาสัมพันธ์เชิงรุกของรัฐบาลก็ต้องทำต่อไป และวิธีนี้ก็คงเป็นช่องทางหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้ ซึ่งรัฐบาลก็มีการตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมด โดยเฉพาะเนื้อหาในพีเพิลชาแนล ขณะนี้ก็มีผู้ร้องเข้ามามากขึ้นว่า มีเนื้อหาในการปลุกระดมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีการบันทึกไว้ตลอดเวลา และคงต้องดูในเรื่องของกฎหมายด้วย เพราะขณะนี้กลายเป็นเรื่องบานปลาย ไม่ใช่การแสดงความเห็นธรรมดา แต่กลายเป็นเรื่องที่พยายามที่จะใช้ข้อมูลหลายเรื่องเป็นเท็จ และพยายามสร้างให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวายภายในประเทศ เราก็ต้องดำเนินการ ก็ไม่เป็นไร อยากส่งก็ให้ส่งมาก่อน จะไปกลัวอะไร ปกติเขาก็ส่งยิ่งกว่า sms อยู่แล้ว
** "แม้ว"ท้า"มาร์ค"แน่จริงยุบสภาเลย
ผู้สื่ข่าวรายงานว่าในวานนี้(26 ต.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ใน Thaksinlive.comโดยระบุว่า "เมื่อคืนนี้มีผู้นำท่านหนึ่งที่ไม่ใช่ท่านฮุนเซ็น โทรมาบ่นว่างานประชุมครั้งนี้เหนื่อยมาก เพราะเจ้าภาพชอบพีอาร์ตัวเองเลยมีพิธีการเยอะไปหน่อย
ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังโพสต์ข้อความตำหนิรัฐบาลโดยระบุว่า "รัฐบาลบอกว่าผมใช้ท่านฮุนเซน ออกมาพูดให้ผม โถผมต้องเจียมตัวครับ สถานะอย่างผมวันนี้ อย่าว่าจะไปใช้ผู้นำประเทศอื่นเลย แม้กระทั่งลูกน้องที่เคยไว้ใจ ลูกน้องที่เอาเงินผมไปใช้ ยังทิ้งผมเลย ผมจะไปใช้ใครได้ มีแต่คนที่เขาทนไม่ได้ต่อความไม่เป็นธรรม ที่ผมถูกรังแกอย่างทุเรศๆ เท่านั้น ที่ออกมาต่อสู้ให้ คนที่ออกมาสู้ให้ผมมีหลายระดับหลายฐานะ และการศึกษา แต่รับรองได้คนเหล่านี้มีจิตใจเป็นธรรมไม่เชื่อลองเข้าไปดูในกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะรู้ความจริงครับ"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังโพสต์ข้อความอีกว่า "เห็นคุณอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมยุบสภาและเลือกตั้งคราวหน้า จะสูสีเพื่อไทย ผมเลยอยากจะขอให้ยุบเลยครับ เพราะตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วครับ"
**"จิ๋ว"เตรียมเปิดใจศุกร์30 ต.ค.นี้
นายวิบูลย์ แช่มชื่น อดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ ในฐานะผอ.หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 30 ต.ค.นี้ หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ได้จัดงาน มหกรรมการเมืองเสริมสร้างประชาธิปไตย ที่ห้องคอนเวนชั่น อาคารห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยรูปแบบจะเป็นการดินเนอร์ทอล์ก และในเวลา 19.30 น. พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ แกนนำพรรคเพื่อไทย จะขึ้นเวทีปราศรัย เปิดใจครั้งแรกถึงสาเหตุ และผลกระทบในการหวนกลับเข้ามาสู่วงการเมือง จากนั้นเวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ จะวีดิโอลิงค์ เข้ามาร่วมงานจะทักทายพูดคุยกับพล.อ.ชวลิต ให้ผู้ที่ร่วมงานฟังด้วย นอกจากนี้ในงานจะมีนักการเมือง แกนนำ นปช.เสื้อแดง ร่วมปราศรัยกันอย่างคับคั่งอาทิ นายนพดล ปัทมะ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้าน 111 น.พ. เหวง โตจิราการ นายอดิศร เพียงเกษ และนายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง เป็นต้น