“ยอมรับค่ะว่าคุณพายัพ ชินวัตร เป็นคนทาบทามให้เข้าพรรคเพื่อไทย แต่ดิฉันได้ปฏิเสธไปเพราะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับการทำงานการเมือง” นั่นคือคำให้สัมภาษณ์ของ แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์ ทางเอฟเอ็ม 97.0 เมกะเฮิตซ์ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา
กระแสข่าวการเข้าพรรคเพื่อไทยของสิเรียมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และแม้กระทั่ง “เด็จพี่” แห่งพรรคเพื่อไทยเองก็ยังแทงกั๊กเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว
แน่นอน นั่นคือการเล่นกับข่าวซึ่งเป็นงานถนัดของคนในระบอบทักษิณ เพราะรู้ว่าเป็นข่าวที่สามารถรักษาและเลี้ยงกระแสของพรรคและ “นายใหญ่จากดูไบ” เอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่คึกโครมกว่านั้น กระทั่งกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ ที่ผู้คนตั้งวงนินทากันทั้งบ้านทั้งเมืองก็คือ ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างม่ายสาวพราวเสน่ห์ผู้นี้กับน้องชายของ นช.ทักษิณ ชินวัตร หนึ่งในขาใหญ่ตลาดหุ้นที่มีชื่อว่า “พายัพ ชินวัตร”
โดยเฉพาะกับข่าวล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อทั้งสองคนควงคู่กันไปทอดกฐินพระราชทานที่วัดบ้านสังกัน ม.3 ต.สำโรงพรัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางข้าราชการ, พ่อค้า ประชาชนในเขต อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษร่วมงานนับหมื่นคน
ใครที่เห็นภาพของทั้งคู่แล้ว ย่อมอดนึกไม่ได้ว่า เสมือนหนึ่งคู่บ่าวสาวที่เข้าพิธีมงคลสมรสอย่างไรอย่างนั้น สิเรียมอยู่ในชุดไทยสีชมพู ขณะที่พายัพใส่สูทผูกไทสีชมพู ยืนและนั่งอยู่เคียงข้างกันแทบจะตลอดเวลา กระทั่งบรรดานักท่องเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างมาก เนื่องจากแม้ตัวสิเรียมจะโสดสนิท แต่พายัพนั้นแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
ทว่า ทั้งสองคนไม่ยอมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ในเรื่องความสัมพันธ์ โดยภายหลังทอดกฐินเสร็จ ก็ได้ขึ้นรถตู้เดินทางกลับไปพร้อมกับคณะทันที
นอกจากนี้หลังจากที่ทั้งคู่ไปทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันด้วยกันมาแล้ว ก็ปรากฏกระแสข่าวตามมาอย่างต่อเนื่องว่าสิเรียมเตรียมตัวที่จะเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยผู้ที่ชักชวนให้สิเรียมเข้าพรรคเพื่อไทยนั้น ก่อนหน้านี้มีเสียงแว่วเข้ามาว่า เป็นฝีมือของ “คุณหญิงหน่อย-นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เจ๊ใหญ่ที่มีความสนิทสนมกับ “นายใหญ่แห่งดูไบ” แต่สุดท้ายตัวสิเรียมก็ออกมายอมรับด้วยปากของเธอเองว่า คนที่ชวนไม่ใช่คุณหญิงหน่อย แต่เป็น “พายัพ” คนที่ควงคู่กันไปทอดกฐินที่ศรีสะเกษนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากกล่าวถึงเส้นทางชีวิตของสิเรียมแล้ว เป็นที่รับรู้กันว่า เธอได้แต่งงานครั้งแรกกับ “บิลลี่ โอแกน” และมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไป ทว่า กระดังงาลนไฟอย่างเธอครองตัวเป็นโสดได้ไม่นัก ก็เข้าพิธีวิวาห์ครั้งที่ 2 กับ “ราจิต แสงชูโต” เมื่อ2548 แต่ยังไม่ทันที่หม้อข้าวจะดำ เวลาผ่านไป 4 ปี คือในเดือนตุลาคม 2551 ทั้งคู่ก็ต้องเลิกรากันไป
แต่แล้วชื่อของสิเรียมก็โลดแล่นในวงการบันเทิงอีกครั้งเมื่อบรรดาแมงเม้าท์พากันโจษขานกันว่า เธอกำลังมีความสัมพันธ์สุดพิเศษครั้งใหม่กับพายัพ โดยเปิดประเด็นร้อนจากการที่ร่ำลือกันว่าบินไปดูไบกับ “พายัพ” ด้วยสายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเซ็กซี่สตาร์ของวงการบันเทิงบ้านเราไปด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีลูกครึ่งสาว “แคนดี้-ชุติมา เอเวอร์รี่”
การไปดูไบของสิเรียม ทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย โดยเฉพาะคำถามพื้นฐานที่ทุกคนอยากรู้คำตอบว่า เธอไปทำอะไรที่ดูไบ เธอรู้จักมักคุ้นกับใครบางคนที่กำลังเคลื่อนไหวที่ดูไบหรือไม่ และทำไมเธอถึงพาเซ็กซี่สตาร์ของวงการบันเทิงร่วมเดินทางไปด้วย
บรรดาสื่อมวลชนจึงได้ไปดักรอสัมภาษณ์ “แอน สิเรียม” ที่งานๆ หนึ่ง แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวกลับเดินฝ่ากองทัพนักข่าวไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ทำให้เป็นปริศนาว่าสรุปแล้วสาวแอนได้ไปดูไบตามที่มี่ข่าวลือจริงหรือเปล่า?
แต่เมื่อได้สอบถามไปยังสาวแคนดี้ที่ตกเป็นข่าวเช่นเดียวกัน เจ้าตัวก็ยอมรับโดยดีว่าไปด้วยกันจริง แต่ไปเจรจาเรื่องธุรกิจไม่ได้ไปขายตัวอย่างที่ตกเป็นข่าว ยืนยันไม่รู้จักฝ่ายชายเป็นการส่วนตัว พร้อมปัดรู้จักผ่านเพื่อนคนอื่น ไม่ใช่ “แอน สิเรียม” แนะนำ
“ที่ต้องเป็นดูไบเพราะว่าพี่แอนมีคอนเน็กชั่นที่โน่น เขารู้จักกับคนที่โน่นอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่เกิดขึ้นในข่าว มีทั้งนักธุรกิจดูไบเยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนต่อทอดกันไป แล้วเขาเหล่านั้นเขาไว้ใจกันและเชื่อถือกันอยู่แล้ว” สาวแคนดี้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนความสัมพันธ์กับพายัพนั้น แคนดี้ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักและเพิ่งจะไปรู้จักเมื่อครั้งที่ไปดูไบนี้เอง โดยรู้จักผ่านพี่ๆ คนอื่นๆ ในกลุ่ม
“ที่เขา (พายัพ) ไปดูไบเพราะเขามีคอนเน็คชั่นที่โน่น ซึ่งมีทั้งคนไทย คนดูไบ คนฝรั่ง หลายชาติมากที่อยู่ที่โน่นแล้วเราได้มาเจอกันค่ะ เกือบสิบคน เขาเป็นเพื่อนของพี่อีกคนนึง ก็เลยไม่ได้ไปถามเขาว่าตั้งใจหรือบังเอิญ ก็เลยไม่รู้เหมือนกัน ดี้รู้แค่ไปเป็นล่ามและไปเป็นเพื่อนพี่แอนเท่านั้นเอง เจอก็อ๋อคนนี้หรอ ดี้ก็สวัสดีตามมารยาทไป”
อย่างไรก็ตาม หลังปล่อยให้ข่าวลือโหมเข้าใส่อย่างหนัก ต่อมาในภายหลังสิเรียมก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ได้เดินทางไปดูไบจริง เพราะว่ากำลังจะขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสิเรียมบิวตึ้ และกำลังไปดูวัตถุดิบ ๆ แถวนั้น แต่ไม่ได้ไปพร้อมกับพายัพ ต่างคนต่างไป
ทั้งนี้ สิเรียมยอมรับว่าสำหรับพายัพนั้น รู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทถึงขนาดเป็นแฟนกันเพราะเป็นคนที่ชอบธรรมะด้วยกัน มีไปทำบุญกันก็มี พร้อมยืนยันด้วยว่าไม่ได้มาจีบ เป็นแค่คนเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจกันมากกว่า
....ถึงตรงนี้ แม้จะมีเสียงปฏิเสธออกมาอย่างหนักแน่นจากปากของสิเรียม แต่สุดท้ายสิ่งที่สังคมจะต้องพิสูจน์ต่อไปก็คือการกระทำ ซึ่งเวลาจะเป็นเครื่องตัดสิน