"ชัย" ป้องลูกรัก "เนวิน" เหน็บ "นช.แม้ว" หมดลมหลายใจถึงจะหยุดพูด ขณะที่ "ชินวรณ์"แนะ "ทักษิณ"รู้จักปลง ควรเข้ามาสู้กระบวนการยุติธรรม ยันไม่มีใครแทรกแซงศาลเพื่อปกป้องใครได้ ด้าน "เทพไท" ซัดแก๊งเสื้อแดง วัวสันหลังหวะ กล่าวหาองค์กรอิสระ แถม ไร้มารยาท ไม่สัมมาคารวะผู้ใหญ่
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บิดานายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอบโต้ ี่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาเหน็บแนมนายเนวินว่า สามารถ หลุดรอดคดีกล้ายาเนื่องจากย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เขามองต่างมุม แต่ตนยังไม่ได้ยินจึงยังไม่รู้เรื่อง อย่างที่เรียนมาตั้งแต่ต้นว่านับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องทำ โครงการที่ต้องผ่าน ครม. หากมีการทุจริตมันก็มีทุกโครงการ นโยบายการบริหาร ราชการแผ่นดินต้องมอบสิทธิ์ขาดให้รัฐบาล ถ้าไม่มีการโกงแล้วจะบอกว่า เขาทุจริตได้อย่างไร ศาลคงไว้ซึ่งความยุติธรรม ดังนั้นย่อมไม่พิจารณานอกหลักฐาน
อย่างไรก็ตามถือเป็นสิทธิเสรีภาพของคนพูด ใครอยากพูดอะไรก็ได้ เพราะคนไทยชอบพูดมาก ซึ่งหากเขายังมีลมหายใจก็จะพูดอยู่ ถ้าได้สิ่งที่พอใจจึงจะหยุดพูด
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวเหน็บแนมนายเนวิน เกี่ยวกับการหลุดคดีกล้ายางว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอย่างนี้เสมอ อะไรที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเองก็จะพูดอีกอย่างหนึ่ง ความคิดเห็นที่แตกต่างจึงยังคงมีอยู่ แต่กระบวนการ ของระบบนิติธรรมนั้นเราก็ต้องยอมรับเพื่อที่จะให้การแก้ไขปัญหาสามารถ ดำเนินต่อไปได้ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้พิสูจน์ตัวเองโดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะทำให้เกิดความชัดเจนมากกว่าการไปเรียกร้องอยู่นอกประเทศ และที่สำคัญมากกว่านั้นคือ เมื่อกระบวนการของระบบสภาและกระบวนการของระบบนิติธรรมกำลังที่จะคลี่คลายปัญหาและเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าทุกฝ่ายไม่ยึดเอาประโยชน์ของตัวเองก็จะเป็นทางออกที่ดี
เพราะฉะนั้นขอให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ปลงว่า วันนี้ถ้าคิดจะเรียกร้องเพื่อประโยน์ของตัวเองก็จะมีอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ยอมรับอยู่ดี นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ หลักคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณกับหลักคิดของนายพายัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณนั้นไม่แตกต่างกันเลย เพราะนายพายัพใช้ตรรกะว่า ถ้ายังไม่ผิด 76,000 ล้านบาท ก็ต้องคืนด้วย ซึ่งเป็นหลักคิดที่ผิดพลาดมากเพราะเป็นคนละเรื่องและคนละกรณี การตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้เป็นบรรทัดฐานไปยังคดี แต่อยู่ที่ข้อเท็จจริงของพยานหลักฐานในคดีนั้นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะบอกว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงศาล ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินคดีกล้ายางนั้นมีกระแสข่าวหลุดออกมา ก่อนว่านายเนวินจะหลุดจากคดี นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะไปแทรกแซง ศาลได้ เป็นกระบวนการของคดีแต่ละคดีที่แตกต่างกัน และวันนี้ก็ต้องยอมรับความจริงว่า คดีกล้ายางนั้นรัฐบาลนี้ก็ยังดำเนินการต่อ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวหาใส่ร้ายองค์กรอิสระต่างๆว่า มีที่มาโยไม่ถูกต้องตาม กฏหมายและมีธงในการทำงานเพื่อเอาผิดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น ถือว่าเป็นเรื่อง ธรรมดาของคนในระบบทักษิณที่เกรงกลัวคนในองค์กรอิสระ ไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทำตัวเป็นเหมือนวัวสันหลังหวะ จึงกลัวอีกาและแมลงวันจิกตอมแผล จึงพยายามใส่ร้าย ป้ายสีองค์กรอิสระว่าเป็นองค์กรเถื่อน โดยพูดพาดพิงถึง พล.อ. เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอยบงการองค์กรอิสระเพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ถือเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมต่อองคมนตรี เพราะสถานะของท่าน เป็นประธานองคมนตรีจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะตอบโต้ชี้แจงใดๆ กับข้อกล่าวหา รวมถึงการดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับลูกสมุนพ.ต.ท.ทักษิณได้ จึงทำให้คนเหล่านี้ ยิ่งเหิมเกริมและย่ามใจ จึงยิ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อพล.อ.เปรม ตลอดเวลาผิดวิสัยของวัฒนธรรมไทยที่ผู้น้อยควรมีสัมมาคารวะ เคารพผู้อาวุโสกว่า
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บิดานายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอบโต้ ี่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาเหน็บแนมนายเนวินว่า สามารถ หลุดรอดคดีกล้ายาเนื่องจากย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เขามองต่างมุม แต่ตนยังไม่ได้ยินจึงยังไม่รู้เรื่อง อย่างที่เรียนมาตั้งแต่ต้นว่านับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องทำ โครงการที่ต้องผ่าน ครม. หากมีการทุจริตมันก็มีทุกโครงการ นโยบายการบริหาร ราชการแผ่นดินต้องมอบสิทธิ์ขาดให้รัฐบาล ถ้าไม่มีการโกงแล้วจะบอกว่า เขาทุจริตได้อย่างไร ศาลคงไว้ซึ่งความยุติธรรม ดังนั้นย่อมไม่พิจารณานอกหลักฐาน
อย่างไรก็ตามถือเป็นสิทธิเสรีภาพของคนพูด ใครอยากพูดอะไรก็ได้ เพราะคนไทยชอบพูดมาก ซึ่งหากเขายังมีลมหายใจก็จะพูดอยู่ ถ้าได้สิ่งที่พอใจจึงจะหยุดพูด
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวเหน็บแนมนายเนวิน เกี่ยวกับการหลุดคดีกล้ายางว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอย่างนี้เสมอ อะไรที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเองก็จะพูดอีกอย่างหนึ่ง ความคิดเห็นที่แตกต่างจึงยังคงมีอยู่ แต่กระบวนการ ของระบบนิติธรรมนั้นเราก็ต้องยอมรับเพื่อที่จะให้การแก้ไขปัญหาสามารถ ดำเนินต่อไปได้ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้พิสูจน์ตัวเองโดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะทำให้เกิดความชัดเจนมากกว่าการไปเรียกร้องอยู่นอกประเทศ และที่สำคัญมากกว่านั้นคือ เมื่อกระบวนการของระบบสภาและกระบวนการของระบบนิติธรรมกำลังที่จะคลี่คลายปัญหาและเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าทุกฝ่ายไม่ยึดเอาประโยชน์ของตัวเองก็จะเป็นทางออกที่ดี
เพราะฉะนั้นขอให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ปลงว่า วันนี้ถ้าคิดจะเรียกร้องเพื่อประโยน์ของตัวเองก็จะมีอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ยอมรับอยู่ดี นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ หลักคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณกับหลักคิดของนายพายัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณนั้นไม่แตกต่างกันเลย เพราะนายพายัพใช้ตรรกะว่า ถ้ายังไม่ผิด 76,000 ล้านบาท ก็ต้องคืนด้วย ซึ่งเป็นหลักคิดที่ผิดพลาดมากเพราะเป็นคนละเรื่องและคนละกรณี การตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้เป็นบรรทัดฐานไปยังคดี แต่อยู่ที่ข้อเท็จจริงของพยานหลักฐานในคดีนั้นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะบอกว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงศาล ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินคดีกล้ายางนั้นมีกระแสข่าวหลุดออกมา ก่อนว่านายเนวินจะหลุดจากคดี นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะไปแทรกแซง ศาลได้ เป็นกระบวนการของคดีแต่ละคดีที่แตกต่างกัน และวันนี้ก็ต้องยอมรับความจริงว่า คดีกล้ายางนั้นรัฐบาลนี้ก็ยังดำเนินการต่อ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวหาใส่ร้ายองค์กรอิสระต่างๆว่า มีที่มาโยไม่ถูกต้องตาม กฏหมายและมีธงในการทำงานเพื่อเอาผิดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น ถือว่าเป็นเรื่อง ธรรมดาของคนในระบบทักษิณที่เกรงกลัวคนในองค์กรอิสระ ไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทำตัวเป็นเหมือนวัวสันหลังหวะ จึงกลัวอีกาและแมลงวันจิกตอมแผล จึงพยายามใส่ร้าย ป้ายสีองค์กรอิสระว่าเป็นองค์กรเถื่อน โดยพูดพาดพิงถึง พล.อ. เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอยบงการองค์กรอิสระเพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ถือเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมต่อองคมนตรี เพราะสถานะของท่าน เป็นประธานองคมนตรีจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะตอบโต้ชี้แจงใดๆ กับข้อกล่าวหา รวมถึงการดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับลูกสมุนพ.ต.ท.ทักษิณได้ จึงทำให้คนเหล่านี้ ยิ่งเหิมเกริมและย่ามใจ จึงยิ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อพล.อ.เปรม ตลอดเวลาผิดวิสัยของวัฒนธรรมไทยที่ผู้น้อยควรมีสัมมาคารวะ เคารพผู้อาวุโสกว่า