ตาก- “อภิรักษ์” นั่งหัวโต๊ะ ประชุมเดินหน้าตั้งท้องถิ่นพิเศษ “นครแม่สอด” รองรับ มติ ครม.พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ให้ “นครแม่สอด” นำร่องเมืองชายแดนที่มีลักษณะพิเศษ - เร่งออก กฎหมายใน 1 เดือน เตรียมลงพื้นที่กลางเดือน พ.ย.นี้
วานนี้(22 ต.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)ในฐานะประธานคณะคณะอนุกรรมการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในลักษณะเครือข่ายหรือกลุ่มพื้นที่และรูปแบบการจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการในพื้นที่พิเศษ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 4/2552 ที่ห้องประชุม 101 ชั้น 1 สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพ ฯ โดยมีคณะอนุกรรมการฝ่ายต่างๆ กว่า 70 คน เข้าร่วมประชุม ทั้งภาครัฐ เอกชน อปท.ผู้แทนสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอดและผู้บริหารท้องถิ่น จาก เมืองเกาะสมุย เมืองแหลมฉบัง เมืองมาบตาพุด
รายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิรักษ์ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนารูปแบบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในลักษณะเครือข่ายหรือกลุ่มพื้นที่และรูปแบบการจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการในพื้นที่พิเศษ แจ้งต่อที่ประชุมว่า ครม.ได้มีมติอนุมัติโครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนแม่สอด ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เช่น การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 –การสร้างคลังสินค้าและศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ One Stop Service ทำให้ต้องเร่งพิจารณาให้แม่สอด ได้เป็นท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” รองรับการพัฒนาที่สอดคล้องกับ มติ ครม.และนโยบายของรัฐบาล และคาดว่า ภายใน 15 วันนี้จะนำคณะลงพื้นที่อำเภอแม่สอด เพื่อเตรียมดูสภาพจริงและข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอให้มีการออกกฎหมายรองรับภายใน 1 เดือนนี้ตามนโยบายรัฐบาลและสอดคล้องกับการพัฒนาเมืองชายแดนตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552
“เป็นเรื่องที่ดี ที่ ครม.มีมติ พัฒนาชายแดนแม่สอด ด้วยการอนุมัติโครงการใหญ่ๆ นับเป็นการรองรับการยกฐานะท้องถิ่นพิเศษ “นครแม่สอด” เป็นอย่างดี ทำให้เราต้องเร่งดำเนินการพัฒนาชายแดนแม่สอด นำร่อง เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์การพัฒนาในภูมิภาคอาเซียนและเชื่อมต่อไปทั้งโลก ตามเส้นทาง อีสต์เวสต์ อีโคโนมิก คอร์ริดอร์( East West Economic Corridor )และเมืองชายแดนที่เป็นประตูการค้าระหว่างประเทศ( Gate Way) ” นายอภิรักษ์ กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะให้แม่สอด เป็นท้องถิ่นพิเศษที่สามารถทำงานในพื้นที่ของตัวเองและทำงานแบบบูรณาการร่วมบริหารจัดการร่วมกับจังหวัดเมียวดี ของพม่า ตามกรอบความร่วมมืออาเซียน อีกด้วย จึงอยากจะเร่งเดินหน้าให้นครแม่สอดเกิดขึ้นโดยเร็ว และให้เป็นท้องถิ่นพิเศษที่พิเศษจริงๆโดยภายใน 1 เดือนนี้จะต้องเร่งออกกฎหมาย และในกลางเดือน พฤศจิกายน /2552 จะลงพื้นที่แม่สอดเพื่อศึกษาสภาพพื้นที่ก่อนที่กฎหมาย พ.ร.บ. "นครแม่สอด" จะออก
ด้านนายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด กล่าวถึงความพร้อมและศักยภาพของเมืองแม่สอด จากข้อมูลล่าสุดว่า ปัจจุบันมีตัวเลขการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี สูงกว่า 23,000- 24,000 ล้านบาท ในปี 2552 ทำให้รัฐบาลได้อนุมัติงบในการสร้างสะพานมิตรภาพฯแห่งที่ 2 รวมถึงการจัดหาพื้นที่สร้างคลังสินค้าขนาดใหญ่เพื่อเป็นศูนย์ One Stop Service เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าให้สูงขึ้นคาดว่าอาจจะได้มากถึง 100,000 ล้านบาทต่อปี
นายเทอดเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีโรงงานภาคอุตสาหกรรมมาลงทุนมากกว่า 200-300 แห่ง เงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาท และหากจะรวมไปถึงภาคเกษตรกรรมก็จะมีการลงทุนเพิ่มไปอีกนับ 100,000 ล้านบาทประกอบกับชายแดนแม่สอด มีความจำเป็นต้องบริหารจัดการด้านแรงงานต่างด้าว-เขตนิคมอุตสาหกรรม-และเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงจำเป็นต้องเร่งผลักดันให้เกิด “นครแม่สอด”
“นอกจากนี้แล้วผมขอเสนอให้คงไว้ ซึ่งตำแหน่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง รวมทั้งการให้สวัสดิการแก่ประธานและกรรมการชุมชน เพื่อร่วมการพัฒนา “นครแม่สอด” นายกเทศบาลเมืองแม่สอด กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่ ทั้งภาครัฐ-เอกชน –และ อปท. มีความเห็นด้วยกับการให้แม่สอด นำร่อง ยกฐานะ อปท.รูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
